13. เกือบพลั้งปาก
ฐานิกา เข้ามาภายในห้องพักในเวลาเกือบเที่ยงคืน ก็พบว่ามะลิก็เพิ่งเดินทางมาถึงเช่นกัน มะลิ ไปช่วยงานที่ตำหนักเงินมาทั้งวัน และยังกลับมาอยู่เป็นเพื่อนฐานิกาที่ห้องพักภายในโรงแรมต่ออีก
“ทำไมมะลิไม่อยู่รับใช้ท่านหญิงล่ะ”
ฐานิกา รู้สึกเกรงใจที่ยังเห็นมะลิมาทำหน้าที่อยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่ที่ตำหนักเจ้าหญิงแอชวารย่า
“เป็นความประสงค์ของท่านหญิงที่สั่งให้มะลิอยู่เป็นเพื่อนคุณนิค่ะ จนกว่าคุณนิจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ต่างจังหวัดกับคุณอิสมาอิลค่ะ” มะลิตอบ
“มะลิรู้ด้วยหรือจ๊ะว่าฉันจะไปกับคุณอิสมาอิล” ฐานิกาอดถามไม่ได้
“มะลิทราบมาจากท่านหญิงค่ะ”
ทั้งคู่นั่งสนทนากันต่อที่ห้องรับแขก ฐานิกาอยากจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับอิสมาอิลไม่น้อย โดยเฉพาะนิสัยใจคอ เพราะเธอรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่นักที่จะต้องเดินทางไปท่องเที่ยวกับเขาสองคน แม้ว่าจะมีคนขับรถไปด้วย แต่ก็คงจะเหมือนกับไปสองคนอยู่ดี ฐานิกากำลังจะขอให้มีผู้หญิงร่วมเดินทางไปกับเธอด้วยอีกสักคนจะเป็นมะลิหรือใครก็ได้
“ฉันรู้สึกเกรงใจคุณอิสมาอิล ที่เขาต้องหยุดงานเพื่อเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ให้ฉันตั้งหลายวัน”
ฐานิกา เริ่มระบายความไม่สบายใจให้กับมะลิรับฟัง เธอถือว่ามะลิเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่สามารถพูดคุยได้อย่างสนิทใจในเวลานี้
“คุณอิสมาอิล เป็นผู้บริหารในธนาคารบาฮะดูร์ แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปนั่งทำงานทุกวันหรอกค่ะ ถ้าคุณอิสมาอิล อาสาด้วยความเต็มใจแบบนี้ก็แสดงว่าไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ คุณนิไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ”
“ถ้าฉันจะขอให้มะลิเดินทางไปด้วย ท่านหญิงของมะลิจะทรงอนุญาตหรือเปล่านะ”
ฐานนิกา ลองเกริ่นถามไว้ก่อน
“คงไม่อนุญาตหรอกค่ะ เพราะท่านหญิงอยากจะให้คุณอิสมาอิล ได้ไปท่องเที่ยวตามลำพังกับคุณนิ เพื่อให้เกิดความสนิทสนมเรียนรู้กันมากขึ้น”
“ท่านหญิงพูดเช่นนั้นหรือ” ฐานิกา รู้สึกสะดุดใจกับคำพูดของมะลิ
“ค่ะ ท่านหญิงคงทราบว่าคุณอิสมาอิล สนใจคุณนิน่ะค่ะก็เลยอยากจะเปิดโอกาส”
“อะไรนะ นี่ท่านหญิงของมะลิทราบได้อย่างไรว่าคุณอิสมาอิล...เอ้อ..”
“ไม่เฉพาะท่านหญิงเท่านั้นนะคะที่รู้ มะลิก็มองออก และคิดว่าทุกคนในงานเลี้ยงก็ต้องรู้ค่ะว่าคุณอิสมาอิล สนใจคุณนิ แถมคุณอิสมาอิล ก็บอกกับท่านหญิงด้วยว่าจะขอเป็นไกด์พาคุณนิไปเมืองซาร์มองในฐานะแขกคนพิเศษ”
“ทำไมคุณอิสมาอิล ต้องบอกกับท่านหญิงแบบนั้นด้วยก็ไม่รู้นะมะลิ”
“แหม..ก็คุณอิสมาอิล ปลื้มคุณนิน่ะสิคะ เรียกว่าชอบม้ากมากเลยล่ะค่ะ แต่อย่างว่าแหละปกติคุณอิสมาอิล ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยนะคะ จนมีข่าวลือว่าคุณ
อิสมาอิล เป็นเกย์..”
“จริงหรือจ๊ะ..แล้วตกลงเป็นเกย์จริงหรือเปล่า”
“อุ๊ย..ไม่เป็นหรอกค่ะ..ไม่อย่างนั้นจะตกหลุมรักคุณนิหรือคะ..ที่ผ่านมาคงเป็นเพราะคุณอิสมาอิล ไม่ถูกใจผู้หญิงสินาการ์เดียน ก็ได้ค่ะ แต่พอมาเจอสาวไทยอย่างคุณนิเข้าก็ปิ๊งเลยทันที”
มะลิ พูดแซวในตอนท้ายด้วยความขบขัน
“เฮ้อ..ฉันควรจะดีใจหรือเสียใจดีนะเนี่ยที่ถูกหนุ่มสินาการ์เดียนมาปิ๊งปั๊งแบบนี้” ฐานิกาส่ายหน้ายิ้ม ๆ
“คุณนิก็ลองพิจารณาคุณอิสมาอิล ไว้ด้วยนะคะ เพราะเท่าที่มะลิทราบมา คุณอิสมาอิล เป็นผู้ชายที่นิสัยดีคนหนึ่งค่ะ”
“ถ้าฉันไม่มีแฟนก็คงจะพิจารณาคุณอิสมาอิล นี่อยู่หรอกนะมะลิ” ฐานิกาพูดติดตลก
“อุ๊ย..คุณนิมีแฟนแล้วหรือคะเนี่ย” มะลิ ทำตาโตน้ำเสียงเหมือนตื่นเต้นตกใจ
“มีแล้วน่ะสิ..ชื่อชนกานต์ ชื่อเล่นเค เขาเป็นเพื่อนกับฉันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วล่ะ คบกันมาเป็นสิบปีแล้ว”
“ว้า...สงสารหนุ่มสินาการ์เดียน อย่างท่านชายจัง” มะลิทำเสียงเสียดายเธอ
“ท่านชาย..หมายถึงใครเหรอมะลิ”
“ปละ เปล่าค่ะ มะลิหมายถึงคุณอิสมาอิลไงคะ เสียดายแทนคุณอิสมาอิลค่ะ”
มะลิ รีบพูดแก้เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรที่จะเปิดเผยความลับบางอย่าง
เสียงกดกริ่งดังเข้ามาในห้องตั้งแต่เช้า มะลิ รีบลุกออกไปที่หน้าประตูโดยที่ยังไม่เปิดประตูออกไป แต่กดปุ่มสีขาวที่ติดลำโพงอยู่ข้างประตูแทน เพื่อจะได้ถามคนที่อยู่นอกห้อง และเสียงของมะลิก็ดังออกไปที่หน้าประตูห้องพักของโรงแรมซึ่งเป็นเครื่องรับเสียงให้ได้ยินด้วย
“ใครคะ...”
มิละ กรอกเสียงถามออกไปจากในห้อง
"การันต์...ช่วยเปิดประตูหน่อย”
เสียงจากด้านนอกพูดดังขึ้นที่ลำโพงด้านในห้อง
“การันต์..ไหนคะ” มะลิถามออกไปเพื่อให้แน่ใจ
“องครักษ์ส่วนตัวของเจ้าชายอาบิเชค”
พอได้ยินเช่นนั้น มะลิก็รีบลนลานเปิดประตูออกไปทันที เธอเห็นการันต์ยืนถือดอกไม้ช่อใหญ่อยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย ออกจะขี้เก๊กอย่างที่มะลิเคยค่อนขอดเอาไว้ การันต์ถือว่าตัวเองเป็นองครักษ์คนสนิทของเจ้าชาย จึงมักจะวางก้ามกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในวังอยู่เสมอ
