12.เขม่นแย่งจีบ
“อ้าว..โซฟียา มาแล้วเหรอจ๊ะ..มาทีหลัง สวยกว่าใครเพื่อนเลยนะเรา”
เจ้าหญิงแอชวารย่า ตรัสชมพร้อมกับกวาดพระเนตรชุดที่โซฟียา สวมใส่ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าด้วยความชื่นชม
“สวยยังไงก็คงจะไม่สู้ผู้หญิงคนนั้นกระมังคะพี่หญิง”
โซฟียา มีสีหน้าขุ่นเคือง เธอไม่พอใจทั้งเจ้าชาย และรู้สึกไม่พอใจที่เห็นผู้หญิงคนนั้นดูสวยสง่าเป็นที่สนใจของทุกคนโดยเฉพาะหนุ่ม ๆ อย่างเจ้าชายที่เป็นคู่หมั้น รวมทั้ง
อิสมาอิล ด้วยอีกคน
“ผู้หญิงคนไหนจ๊ะ” เจ้าหญิงตรัสถามทรงแกล้งที่จะไม่รับรู้
“คนที่อยู่กับอิสมาอิลไงคะ..เธอเป็นใครคะพี่หญิง”
“อ๋อ..คุณฐานิกา มาจากประเทศไทย เธอเป็นยูทูปเบอร์ทำรายการท่องเที่ยวจ๊ะ พี่ชวนให้เธอมาท่องเที่ยวเพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศเราไงจ๊ะ”
“ที่แท้ พี่หญิงเป็นคนชวนเธอมาเองหรือคะ”
โซฟียา ยักไหล่ด้วยท่าทางไม่ชอบใจนัก
“ใช่จ๊ะ รายการลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลกของฐานิกา มีคนติดตามมากเลยนะ”
“พี่หญิงก็เลยเป็นแฟนคลับที่ติดตามดูรายการผู้หญิงคนนั้นด้วยสินะคะ”
“ใช่ พี่ถึงได้สนใจที่จะให้ฐานิกามาท่องเที่ยวประเทศของเราไงล่ะ พี่ว่าเขาเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่งเลยนะ แถมยังสวยมากด้วย”
“สวยจนอิสมาอิล ก็หลงเสน่ห์เสียด้วยสิคะ แม้แต่เจ้าชายก็ไม่เว้น มองตาเป็นมันเชียว”
โซฟียา พูดเสียงหมั่นไส้ ที่ฐานิกาเป็นที่สนใจของสองหนุ่ม จนทำให้โซฟียารู้สึกว่าตัวเองไม่โดดเด่นอย่างที่คิด
“ไม่เอาน่าโซฟียา..ชายเชคก็แค่ชื่นชมคนสวยก็เท่านั้นเอง”
“ขอให้จริงเถอะ..อย่าพาไปชื่นชมที่ตำหนักแดงก็แล้วกัน”
โซฟียา พูดจบก็เดินกระฟัดกระเฟียดไปหาพระราชินีมามุนี และประทับอยู่กับพระประยูรญาติทั้งหลาย
“มาถึงก็ป่วนทั้งตำหนักเลย..พี่หญิงไม่น่าจะชวนโซฟียา มาร่วมงานด้วยเลย”
เจ้าชายอาบิเชคเสด็จประทับอยู่ข้างเจ้าหญิงพร้อมกับตรัสด้วยความเหนื่อยหน่าย
“เราเองก็อย่าทำอะไรให้มันโจ่งแจ้งนักสิชายเชค..”
เจ้าหญิงแอชวารย่าทรงหันมาตำหนิพระอนุชา
“ผมทำอะไรผิดล่ะพี่หญิง”
“พี่ดูออกนะว่าเราก็สนใจฐานิกาเหมือนกัน ยังไงก็อย่าลืมว่าอิสมาอิล เขารู้จักก่อนล่ะ”
“รู้จักก่อน..แต่ถ้าผู้หญิงเขาไม่ได้สนใจจะมีความหมายอะไรล่ะครับ”
เจ้าชายตรัสอย่างไม่แคร์ ทรงหรี่พระเนตรอย่างหมายมาดที่จะเอาชนะคู่แข่ง
“หมายความว่าไง..เธอคงไม่...”
“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่หญิง..เดี๋ยวผมขอตัวไปดูทีวีที่ห้องรับแขกของพี่หญิงดีกว่าครับ”
เจ้าหญิงแอชวารย่า ส่ายพระพักตร์ยิ้ม ๆ เพราะทรงทราบดีว่าพระอนุชาของพระองค์นั้นไม่กินเส้นกับอิสมาอิล แต่เจ้าหญิงก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้นอกจากทำพระทัย
อิสมาอิล สังเกตเห็นเจ้าชายอาบิเชค แสดงความสนใจฐานิกา อย่างเปิดเผยด้วยแววพระเนตรกรุ้มกริ่ม ทำให้อิสมาอิล ต้องคอยอยู่ข้างกายฐานิกาตลอดเวลาเพื่อกันไม่ให้เจ้าชายได้เข้ามาใกล้ชิดเธอ
ในขณะเดียวกันเจ้าชายอาบิเชค ก็พยายามที่จะหาทางเข้ามาใกล้ชิดฐานิกา แต่ก็ทำไม่ได้ถนัดนัก เนื่องจากมีกันชนอย่างอิสมาอิล คอยกันท่าอยู่ แล้วไหนจะมีโซฟียา ที่เดินมาป้วนเปี้ยนให้เห็นประหนึ่งจะจับผิดพระองค์อยู่ด้วย
“เรากลับกันก่อนดีไหมครับคุณฐานิกา”
อิสมาอิล แอบกระซิบกับฐานิกาเมื่อเห็นว่าเจ้าหญิง
แอชวารย่า เปิดฟลอร์เต้นรำ เขาจึงไม่แน่ใจว่าเจ้าชายอาบิเชค รอจังหวะที่จะเข้ามาขอเต้นรำกับฐานิกาหรือไม่ จึงต้องหาทางตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเลยน่าจะดีกว่า
“แต่ฉันเกรงว่าจะทำให้เจ้าหญิงแอชวารย่า ไม่พอพระทัย”
ฐานิกา บอกเขาตามตรง แม้เธอเองจะอยากกลับตอนนี้แล้วก็ตาม เพราะเริ่มเห็นว่างานสังสรรปาร์ตี้ครั้งนี้ ดูเหมือนจะเป็นการภายในมากกว่าที่จะมีคนนอกอย่างฐานิกาเข้าร่วมด้วย
“ตอนนี้พี่หญิงกำลังสนุกสนานกับการเต้นรำ คงไม่มาสนใจคุณแล้วล่ะ ผมจะไปบอกพี่หญิงเองครับว่าเราจำเป็นต้องขอกลับก่อน”
อิสมาอิล บอกเสร็จก็ไม่รอที่จะฟังคำตอบจากฐานิกา เขาเดินตรงไปหาเจ้าหญิงแอชวารย่าทันที และฐานิกา ก็เห็นเจ้าหญิงทรงพยักพระพักตร์แล้วก็หันมาแย้มสรวลโบกพระหัตถ์ให้ฐานิกา อย่างเป็นเองไม่ถือพระองค์
ฐานิกา จึงย่อตัวโค้งศีรษะเป็นการแสดงความเคารพ จากนั้นเจ้าหญิงก็หันไปสนพระทัยกับการเต้นรำในจังหวะเร้าใจอย่างสนุกสนานกับบรรดาพระสหาย และประยูรญาติอย่างมีความสุข ดูเหมือนว่าพระองค์จะทรงดื่มไวน์เก่งมาก อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วยก็ได้จึงทำให้เจ้าหญิงและทุกคนในงานมีความคึกคักสนุกสนานกันแบบสุดเหวี่ยงเช่นนั้น ไม่เว้นแม้แต่พระราชินีมามุนีก็ทรงออกสเต็ปเต้นรำตามพระธิดาอย่างสำราญพระหฤทัยด้วย
“ไปเต้นรำด้วยกันไหมครับ คุณฐานิกา”
เจ้าชายอาบิเชค เข้ามาหาฐานิกาประหนึ่งรอจังหวะอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นว่าอิสมาอิล เดินไปหาเจ้าหญิงแอชวารย่า
“เอ้อ...ต้องขอโทษด้วยเพคะเจ้าชาย หม่อมฉันไม่ถนัดเต้นรำแบบนี้เลย”
ฐานิกา ทูลตามความเป็นจริงเพราะเธอไม่เคยหัดเต้นรำในแบบที่เห็นนั้นมาก่อน
“ฉันสอนเธอเอง ไม่ต้องกังวลเลย”
เจ้าชายส่งสายพระเนตรหวานเชื่อม พร้อมกับยื่นพระหัตถ์สองข้างให้ฐานิกาตอบรับคำเชิญ ฐานิกาเก้ ๆ กัง ๆ ทำตัวไม่ถูก เธอยอมรับว่าไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติในสังคมชั้นสูงนี้เลย จึงยังไม่กล้าที่จะยื่นมือไปให้เจ้าชายอาบิเชคได้สัมผัส
“ได้โปรด....”
เจ้าชายอาบิเชค ตรัสเสียงทุ้มหวาน เพื่อให้ฐานิกาส่งมือมาให้ เธอตัดสินใจยื่นมือไปช้า ๆ
แต่ยังไม่ทันได้สัมผัสกับพระหัตถ์ของเจ้าชายก็ต้องชะงัก เมื่ออิสมาอิล เดินเข้ามาพอดีพร้อมกับพูดเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงเต้นรำ
“เจ้าชาย..ควรจะไปเต้นรำกับคู่หมั้นของตัวเองอย่างโซฟียา น่าจะเหมาะสมกว่านะ”
เจ้าชายลดมือที่ยื่นไปให้ฐานิกา จับนั้นลงมาข้างวรกายทันที และหันไปมองอิสมาอิล อย่างไม่พอพระทัย
“แต่ฉันกำลังจะเชิญฐานิกาไปเต้นรำด้วย นายรู้จักมีมารยาทบ้างนะอิสมาอิล”
เจ้าชายสวนกลับอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน
ฐานิกา สัมผัสได้ทันทีว่าทั้งสองจะต้องมีปัญหากันเป็นแน่แท้ เธอจึงรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เธอพยายามที่จะหาตัวช่วย ครั้นจะหันไปหาเจ้าหญิงแอชวารย่า ก็คงพึ่งไม่ได้ เพราะเวลานี้พระองค์ทรงเมามันกับการเต้นรำในท่าหลุดโลกอย่างสุดเหวี่ยงไปเสียแล้ว
“เรารู้ดีว่าใครที่ควรจะมีมารยาทด้วย และใครไม่จำเป็นต้องมี”
อิสมาอิล พูดอย่างโอหังจนคนฟังอย่างฐานิกา ก็ยังรู้สึกตกใจว่าทำไมเขาจึงกล้าพูดตอบโต้กับเจ้าชายได้ถึงขนาดนั้น ช่างไม่เกรงกลัวอาญาหรืออย่างไร แต่จะว่าไปฐานิกาก็ทราบมาว่าทั้งคู่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ถึงอย่างไรเจ้าชายก็มีสถานะที่สูงกว่าอยู่ดี
“อิสมาอิล!”
เจ้าชายอาบิเชค ทรงตะโกนเรียกชื่อของอิสมาอิล ด้วยความพิโรธ สีพระพักตร์แดงก่ำ แทบจะถลาเข้าไปชกหน้าอิสมาอิล ก็ว่าได้ หากไม่มีใครอีกคนเข้ามาห้ามทัพด้วยการดึง
แขนเอาไว้เสียก่อน
“พี่หญิงให้ฉันมาตามเจ้าชายไปเต้นรำด้วยกันค่ะ ทุกคนสนุกกันครบทีม ขาดเจ้าชายไปเพียงคนเดียวนะ”
โซฟียา ฉุดแขนเจ้าชายดึงออกไปจากความขัดแย้งอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้เจ้าชายได้ทันตั้งตัว
ฐานิกา หายใจอย่างโล่งอกด้วยความสบายใจ เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี เธอหันไปมองเจ้าหญิงแอชวารย่า อีกครั้งก็พบว่าเจ้าหญิงกำลังทอดพระเนตรมายังเธอกับ อิสมาอิลอยู่ แต่เพียงครู่เดียวพระองค์หญิงก็ทรงหันไปสนใจกับการเต้นรำต่อทันที
บางที ฐานิกาอาจจะประเมินเจ้าหญิงแอชวารย่า ผิดพลาดไปก็ได้ ที่คิดว่าพระองค์จะทรงเกษมสำราญอยู่กับการเต้นรำ แต่น่าแปลกใจนักที่โซฟียาเข้ามาช่วยได้ทันท่วงที นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเจ้าหญิงทรงทราบว่าเจ้าชายอาบิเชคกับอิสมาอิล มีเรื่องบาดหมางต่อกันอยู่ก็เป็นได้ จึงได้ส่งโซฟียาเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ทำให้คุณต้องตกใจ แต่ผมจำเป็นต้องปกป้องคุณ”
อิสมาอิล หันมากล่าวกับฐานิกาด้วยท่าทางสำนึกผิด
เธอได้แต่ยิ้มให้เขาอย่างไม่เข้าใจ และเขาก็พาฐานิกาออกจากงานเลี้ยงนั้นในทันที
