บท
ตั้งค่า

ตอนที่5.

ร่างเพรียวระหงสวมชุดเดรสสั้นสีขาวเดินผ่านซุ้มไม้ดัด ไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินแกรนิตสีดำ ด้านข้างวางอ่างกระเบื้องเคลือบใบย่อม ลอยดอกบัวพับกลีบสวยไว้จนเต็ม ทางเดินมุ่งตรงไปยัง ตึกสองชั้นหลังใหญ่ทาสีเหลืองนวล หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาทั้งหลัง บริเวณโดยรอบปลูกไม้ประดับและไม้ยืนต้นไว้อย่างเป็นระเบียบ แลดูร่มรื่นเย็นสบายน่าพักผ่อน บนผนังกำแพงด้านหน้ามีตัวอักษรไม้แกะสลักทาสีทองติดไว้ว่า “ภูวันดาสปา”

กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำมันหอมระเหยกลิ่นสมุนไพร โชยกรุ่นกำจายมาตามสายลม ให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย แก่ผู้เข้ามายังบริเวณนี้...

“สวัสดีค่ะคุณลิลลี่”

พนักงานที่อยู่บริเวณนั้น ส่งเสียงทักทายพร้อมกับพนมมือไหว้

“สวัสดีค่ะ”

นลินดาหยุดทักทายพนักงาน พร้อมกับกวาดสายตาสำรวจความเรียบร้อยของสถานที่ ยามเช้าเช่นนี้ บรรยากาศในสปาเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ด้านหน้าอาคาร แม่บ้านคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดกระจกใสบานใหญ่ หน้าประตูทางเข้าล็อบบี้ พนักงานสปาในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าสด กำลังกุลีกุจอช่วยกันลอยดอกไม้ในอ่างกระเบื้องเคลือบตามจุดต่างๆให้เสร็จก่อนเวลาเปิดทำการ ในตอนสิบโมงเช้า...

“เร่งมือหน่อยนะจ้ะ สิบเอ็ดโมงจะมีกรุ๊ปทัวร์มาลง”

นลินดากำชับพนักงาน ขาเรียวสวยสวมรองเท้าส้นสูงสีครีมเข้าชุดกับกระโปรง สาวเท้ายาวอย่างคล่องแคล่ว เข้าไปยังอาคารหลังเล็กเชื่อมต่อจากอาคารหลังใหญ่ ซึ่งเป็นออฟฟิศของสปา

“สวัสดีค่ะคุณลิลลี่ เมื่อกี้น้ำเห็นตำรวจมาที่พิพิธภัณฑ์เต็มไปหมด ไม่รู้ว่ามีอะไรค่ะ”

เลขาหน้าห้อง รีบรายงานเหตุการณ์สำคัญให้เจ้านายสาวรู้

นลินดาพยักหน้ารับรู้ เมื่อเช้ารวินท์โทรมาบอกเธอแล้ว

“ลินจะแวะไปดูพิพิธภัณฑ์สักหน่อย คุณน้ำช่วยดูแลกรุ๊ปทัวร์ฮ่องกง ที่จะเข้ามาในรอบเช้านี้ให้ด้วยนะคะ อ้อ... ฝากนี่ให้ห้องควบคุมด้วยค่ะ”

มือเรียวยาวส่งถุงกระดาษที่ถือมาด้วยให้เลขา ก่อนจะกำชับอีกครั้ง

“ลินเอาซีดีเพลงชุดใหม่มาให้เปิด ให้ฝ่ายเทคนิคเขา ตรวจสอบระดับเสียงลำโพงให้ด้วย

นะคะ เมื่อวานเสียงมันดังเกินไป ลูกค้าเขาติงมา แค่นี้แหละค่ะ ไปก่อนนะคะ”

นลินดายิ้มให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอีกครั้ง ก่อนจะหมุนกายเดินออกมา

จากบริเวณสปา มีทางเดินเชื่อมต่อไปยัง อาคารพิพิธภัณฑ์ ทางเดินทอดยาวผ่านบริเวณสวนสวย ดอกไม้นานาพันธุ์กำลังออกดอกอวดสีสัน ส่งกลิ่นหอมกำจายไปทั่วบริเวณ จุดขายของโรงแรมภูวันดา นอกจากบริการที่เยี่ยมยอดระดับห้าดาวและความทันสมัยแล้ว ยังมีความสวยงามของธรรมชาติรวมถึงคงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ อาคารพิพิธภัณฑ์เป็นอีกส่วนหนึ่ง ที่ช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าที่มาใช้บริการ

นลินดาเดินมาตามทางเดินอย่างไม่รีบเร่ง ด้วยรู้ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอยู่ และคงห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ เธอจึงเลือกจัดการงานในหน้าที่ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน กะเวลาว่าพอไปถึงเจ้าหน้าที่น่าจะตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว

เมื่อหญิงสาวพาตัวเองมาถึงด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ เจ้าหน้าที่แผนกนิติวิทยาศาสตร์ ทยอยกันออกมาจากที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยอุปกรณ์ และตัวอย่างที่จะนำไปทดสอบในห้องแล็ป ภายในรถตู้สีขาว มีเปลใส่ถุงพลาสติกขนาดใหญ่วางไว้

นลินดาเดินเข้าไปทักทายเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ที่รู้จักเป็นการส่วนตัว

“สวัสดีค่ะหมอวิทย์ เรียบร้อยแล้วหรือคะ”

นายแพทย์หนุ่ม ยิ้มให้คนทัก ก่อนจะถอดถุงมือยางทิ้งลงในถังขยะ

“ครับคุณลิน คดีนี้ท่าจะยาวครับ”

นายแพทย์หนุ่มบุ้ยบ้ายไปยังถุงพลาสติกด้านใน

“สภาพศพน่าสยดสยองมาก ผมเองเห็นคนตายมาเยอะ แต่เคสแบบนี้ไม่เคยพบมาก่อน”

“ยังไงหรือคะ”หญิงสาวจ้องมองถุงบรรจุศพอย่างสนใจ

“ไว้รออ่านผลชันสูติดีกว่า ผมคงต้องขอตัวก่อน”

รถตู้แล่นออกไปจากหน้าอาคารแล้ว นลินดายังไม่คลายความสงสัย ในเรื่องที่อีกฝ่ายทิ้งไว้

หญิงสาวหมุนกายเตรียมเดินไปยังสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ปีกซ้ายของพิพิธภัณฑ์ หากมีบางอย่างวูบผ่านตัดหน้า หายเข้าไปยังหลังบานประตูบริเวณด้านปีกขวา อันเป็นส่วนจัดแสดงภาพเขียน

“อะไรกัน... หรือว่า!...”

นลินดาวาบในหัวใจ... รีบสาวเท้าเดินไปยังจุดที่เห็นเงาดำวูบผ่าน...

...ยิ่งใกล้บริเวณนั้น บรรยากาศรอบกาย ยิ่งทวีความอึดอัดขึ้นทุกขณะ!...

ร่างเพรียวชะลอฝีเท้า มือเรียวบางกุมหน้าอกตัวเอง พยายามสูดลมหายใจยาวๆ เพื่อไล่อาการอึดอัดนั้นออก

ชั่วครู่อาการเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย หากไม่หายเป็นปกติ เธอยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วปอด รวมถึงอาการเย็บวูบวาบราวกับถูกลมเย็นๆเป่ายังคงอยู่ มันเป็นสิ่งที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้...

เมื่อเช้าร้อยตำรวจเอกนัทธี พี่ชายของเธอโทรมาเรียกให้น้องสาวมาช่วยดูที่เกิดเหตุ เพื่อหา

เบาะแสเพิ่มเติม จากความสามารถพิเศษของเธอ ความสามารถในการสัมผัสวิญญาณ

ที่เรียกว่า ‘สัมผัสที่หก’

“ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยนะยายลิน หวานใจแกจะได้ปลื้ม ที่คนรักช่วยหาเบาะแสคลี่คลายคดีให้”

นัทธีกระเซ้า น้องสาวกับแฟนหนุ่ม ด้วยรู้ว่านลินดาไม่เคยเปิดเผยให้คนรัก รู้ว่าเธอมีสัมผัส

พิเศษ สามารถติดต่อกับวิญญาณ รวมถึงมีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้เฉพาะคนในครอบครัว อีกทั้งหญิงสาวไม่ชอบอวดอ้าง ความสามารถพิเศษให้ใครฟัง

“พูดไป มีคนเชื่อก็ดี ถ้าไม่เชื่อต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นอีก ลินไม่อยากเป็นตัวประหลาด”

นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเก็บงำเรื่องนี้ไว้กับตัวเอง

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทีไร... หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้ง โลกพัฒนาไปมากถึงขนาดนี้ เธอเองได้ชื่อเป็นสาวสมัยใหม่ ขืนเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร จะถูกหัวเราะแค่ไหน...

นลินดาระงับความคิดในสมอง พร้อมกับปัดความหงุดหงิดในหัวใจทิ้ง ตั้งสติให้มั่น ก่อนส่งเสียงผ่านทางกระแสจิต ไปยังสิ่งที่มองไม่เห็น

“ใครอยู่ที่นี่คะ ต้องการบอกอะไรหรือเปล่า...”

ลมพัดมาวูบหนึ่ง... ทั้งที่บริเวณนั้นไม่น่าจะมีลมพัดเข้ามาได้...

นลินดามองเห็น เงาดำๆก่อตัวเป็นรูปร่างคนปรากฏขึ้น ห่างจากจุดที่เธอยืนราวห้าเมตร เงานั้นเคลื่อนตัวลอยเอื่อยไปตามทางเดิน แล้วไปหยุดอยู่ตรงหน้าห้องด้านในสุดของปีกขวา ซึ่งเป็นห้องจัดแสดงภาพเขียน ก่อนจะแทรกผ่านประตูหายไป นลินดารีบวิ่งตามไปยังห้องนั้น

ภายในห้องมีภาพเขียนของจิตรกรชื่อดังหลายท่าน ทั้งจิตรกรในประเทศและจิตรกรชาวต่างชาติ ภาพเขียนถูกจัดวางเรียงรายเต็มผนังห้อง แสงดวงไฟถูกออกแบบให้ส่องสว่างหากไม่จัดจ้าดูนวลตา เน้นความงามของภาพ

ภาพสีน้ำมันเหมือนจริงของคุณวรรณดาตั้งเด่นอยู่บนผนังตรงกลางห้อง นลินดาเดินเข้าไปยืนตรงหน้าภาพนั้น แสงไฟอ่อนนวลสาดส่องโลมไล้ ดวงหน้าของสตรีวัยกลางคนในภาพกระจ่างชัดราวกับเจ้าของภาพมาอยู่ตรงหน้า

“หนู... ลิลลี่...” เสียงหนึ่งแทรกผ่านเข้ามาในหัว

ร่างๆหนึ่งปรากฏกายขึ้นมาจากมุมมืด ร่างนั้นเป็นสตรีวัยกลางคน สวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงินคราม เกล้าผมมวยด้านหน้ายกพอง คล้ายทรงผมของหญิงสาวชาวอาทิตย์อุทัยในอดีต รูปร่างท้วม ผิวขาว ใบหน้าคล้ายกับสตรีในรูปเขียนไม่ผิดเพี้ยน

“คุณป้า... คุณป้าวรรณดา ใช่ไหมคะ”นลินดาถามซ้ำให้มั่นใจ

วิญญาณดวงนั้นพยักหน้าช้าๆ เป็นการยอมรับ หากไม่ยอมออกจากมุมมืด จนหญิงสาวต้องเข้าไปหาใกล้ๆ

“คุณป้าอยู่ที่นี่หรือคะ ลินดีใจจริงๆ ที่ได้พบคุณป้า รวินท์เขาเล่าเรื่องคุณป้าให้ลินฟังบ่อยๆ น่าเสียดายที่เราไม่ได้พบกัน” นลินดาชวนคุยอย่างถือสนิท

ความตึงเครียดคลายลง เมื่อเห็นว่าวิญญาณที่พบ คือมารดาของคนรัก ไม่ใช่วิญญาณเร่ร่อนที่ไหน นลินดาสัมผัสได้ว่าวิญญาณดวงนี้ มิใช่วิญญาณชั้นต่ำ เช่นเคยพบมาก่อนหน้านั้น พวกนั้นจะปรากฏกายตามลักษณะการตายของตน กระแสพลังของดวงวิญญาณไม่เข้มแข็งเท่านี้ จึงไม่สามารถปรากฏกายให้เห็นในตอนกลางวันเช่นนี้ได้

“คุณป้าพอจะรู้บ้างไหมคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”

นลินดารีบถามสิ่งที่เธออยากรู้ ก่อนที่วิญญาณของคุณวรรณดาจะหายไป วิญญาณโดยทั่วไปมักปรากฏกายได้ชั่วขณะ

หากไม่รีบถามไม่แน่ว่า จะได้พบวิญญาณดวงนั้นอีกครั้งหรือเปล่า... เวลาทุกนาทีมีค่าเกินกว่าจะปล่อยให้ผ่านไป

“ไรวัตพาคนเข้ามา...ขโมยผลึกจันทร์... เอาไปไม่ได้... ไรวัต...ตาย...”

เสียงที่ได้ยินขาดหายเป็นช่วงๆ หากยังพอฟังเข้าใจ

“แล้วคุณไรวัต ทำไมถึงตายคะ”

คุณวรรณดาส่ายหน้าแทนคำตอบ สีหน้าคล้ายหวาดกลัวอะไรบางอย่าง นลินดาตีความอาการแบบนั้นไม่ออก

“ไม่รู้ หรือว่าบอกไม่ได้คะคุณป้า”

อีกฝ่ายยังคงส่ายหน้าไปมา ไม่ยอมตอบคำถามให้กระจ่าง ทำเอาคนถามปวดหัว คิดหาวิธีหาคำตอบคาใจ

“คุณป้าบอกอะไรลินได้มากกว่านี้ไหมคะ ลินอยากรู้จริงๆ ไม่ใช่เพื่อลินนะคะ แต่เพื่อรวินท์ ถ้าเรื่องนี้ไม่คลี่คลาย รวินท์อาจต้องเดือดร้อน นะคะคุณป้า ช่วยลินหน่อย”

วิญญาณมารดาของรวินท์พยักหน้ารับช้าๆ นลินดายิ้มกว้างแววตากระจ่างขึ้น

“บอกมาเลยค่ะคุณป้า ลินรอฟังอยู่”

แทนที่จะบอก คุณวรรณดากลับเคลื่อนกายลอยวูบไปยังประตูทางออก

“ตามมา... ทางนี้...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel