2. เกือบวีนแตก
“คุณแม่คิดจะเชื่อข่าวบ้านี่ หรือจะเชื่อนีน่าก็ตามใจนะคะ”
ลูกสาวมีน้ำเสียงหงุดหงิดมารดา
“แม่เชื่อนีน่าอยู่แล้วนะลูก บอกความจริงแม่มาสิ”
“นีน่าพูดนิดเดียว แต่อีพวกนักข่าวสาระแนมันไปขยายความให้นีน่าเสียหาย โดยเฉพาะเพจอีเจนบ้านั่น มันเอาแต่เต้าข่าวมั่ว ๆ แล้วยัยคุณหญิงนั่นมันก็ไม่ชอบนีน่าเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วด้วย ก็เลยเอาไปโพสต์ด่านีน่า พอมีการแชร์กันไปก็ยิ่งคอมเม้นท์สนุกปากเป็นข่าวใหญ่โตให้นีน่าเสียหาย”
“แต่ถึงยังไงลูกก็ไม่ควรพูดจาก้าวร้าวผู้หลักผู้ใหญ่ ทำให้คนมองว่าขาดการอบรม มันทำให้แม่พลอยเสียหายไปด้วยนะ”
มยุรีกล่าวเตือนบุตรสาว
“โอ้ย..คุณแม่จะแคร์ทำไมคะ นีน่าก็เป็นข่าวเกือบจะทุกวันอยู่แล้ว ยังไม่ชินหรือไงคะ”
“ข่าวอื่น ๆ อย่างเรื่องที่นีน่าไปวีนกองถ่ายหรือมีข่าวกับมิกกี้นักร้องวงปริ๊นซ์ อะไรนั่น แม่พอรับได้...แต่นี่มันเป็นข่าวที่ทำให้นีน่าถูกมองว่าเป็นคนไม่มีสัมมาคาระผู้ใหญ่ ขาดการอบรมจากพ่อแม่ มันบ่งบอกว่าลูกของแม่เป็นเด็กก้าวร้าว”
มารดา พยายามอธิบายให้ลูกสาวได้เข้าใจในความหวังดี
“เราอย่ามาทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้เลยดีกว่าค่ะแม่”
“นี่มันไม่ใช่การทะเลาะ แต่เป็นการพูดคุยในฐานะที่แม่เป็นแม่ของลูก เมื่อลูกทำอะไรที่ไม่เหมาะสม แม่ย่อมเตือนสติลูกได้ แม่อยากรู้ว่าทำไมลูกต้องพูดแบบนั้นด้วย”
“แล้วแม่จะให้นีน่าทำยังไงล่ะ ก็พวกนักข่าวมันชอบถามให้นีน่า ต้องตบะแตกทุกที”
“ทำไมลูกถึงไม่คิดก่อนที่จะพูดอะไรออกไป นีน่าเป็นคนของประชาชนจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังทั้งคำพูดและพฤติกรรม แล้วก็เรื่องที่ถ่ายคลิปนั่นก็เหมือนกัน แม่ไม่เห็นด้วยเลยนะ”
“แต่นีน่าโตแล้วนะคะ อีกไม่กี่วันก็จะครบยี่สิบห้าปีแล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ”
“ถ้านีน่าโตจริงก็ต้องคิดได้สิลูก ว่าการที่ลูกไปถ่ายภาพแบบนั้นมันเหมาะสมดีแล้วหรือ แม่ขอร้องได้ไหมลูกอย่าถ่ายคลิปแบบนั้นอีกเลยนะ”
มารดาพยายามพูดให้ลูกสาวเปลี่ยนใจ
“นีน่าก็ขอร้องคุณแม่เหมือนกันค่ะให้เคารพการตัดสินใจของนีน่า ยุคสมัยนี้การถ่ายภาพโป๊เป็นเรื่องปกติมาก คุณแม่อย่าหัวโบราณนักเลยค่ะ และอีกอย่าง นีน่ากำลังจะถ่ายภาพนู้ดกับนิตยสารว้าวออนไลน์ที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ค่ะ”
มยุรีได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกกลุ้มใจกับพฤติกรรมคำพูดของลูกสาวคนนี้จนคิดไม่ออกแล้วว่าจะทำอย่างไรจึงจะทำให้ลูกสาวเชื่อฟังคำตักเตือนของเธอได้บ้าง เพราะยิ่งโตขึ้น ความคิดของลูกสาวคนโต ก็เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างสูงจนแทบจะไม่ฟังคำท้วงติงใด ๆ จากพ่อแม่อีกต่อไป
โลกสมัยใหม่ทำให้ความคิดของพ่อแม่กับลูกเป็นเหมือนเส้นขนานได้เพียงนี้แล้วหรือไรหนอ คุณมยุรีครุ่นคิดด้วยความทุกข์ใจ
แสงแฟลตวูบวาบจากกล้องถ่ายรูป รวมทั้งแสงไฟจากกล้องบันทึกเทปโทรทัศน์จากบรรดาผู้สื่อข่าวสายบันเทิง แม้กระทั่งยูทูปเบอร์ ทำให้เนตรอัปสรต้องฉีกยิ้มจนแทบจะเหงือกแห้งเสียให้ได้ แต่อาชีพนักแสดงที่เป็นคนของประชาชนก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงออกไปจากการรุมล้อมสัมภาษณ์ได้
“เรื่องที่คุณหญิงรวยรื่นโพสต์ในโซเชียล ออกมาวิจารณ์นีน่าเป็นเด็กก้าวร้าวขาดการอบรมจากพ่อแม่ นีน่า จะฝากบอกคุณหญิงรวยรื่นว่ายังไงคะ”
นักข่าวหญิงคนหนึ่งเอาไมค์จ่อปากถามเนตรอัปสร
“นีน่าขอหยุดให้ข่าวเรื่องนี้ค่ะ ขอเป็นคำถามอื่นดีกว่า”
เนตรอัปสร พยายามปั้นสีหน้าให้สดชื่น
“จริงไหมคะที่เขาลือกันว่าน้องนีน่า เกาเหลากับน้องบี๋โชติกานางเอกละครค่ายเดียวกัน”
“ไม่ขอตอบค่ะ”
เธอตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแม้ภายในใจแทบจะอกระเบิด
“มีคนยืนยันว่าเห็นน้องนีน่า ผลักอกน้องบี๋จนล้มจริงไหมคะ”
นักข่าวอีกคนถามขึ้นมาบ้าง
“นีน่าไม่เคยทำใครก่อนค่ะ”
เนตรอัปสร พยายามที่จะตอบสั้น ๆ ไม่ขยายความมาก
“แต่ผู้จัดการส่วนตัวของบี๋ โพสต์ภาพลงในไอจี.ว่าคุณนีน่า ผลักคุณบี๋จริง ๆ จะว่ายังไงกับเรื่องนี้คะ”
“นีน่า ก็ยืนยันคำเดิมค่ะ ไม่เคยทำใครก่อน”
“รู้สึกยังไงคะที่มีคนบอกว่านีน่าอารมณ์ร้าย ชอบมีปัญหากับคนอื่นจนได้รับสมญานามว่านางเอกขาวีน”
เนตรอัปสร พยายามข่มอารมณ์เมื่อต้องเจอคำถามนี้ โดยการเหลือบตามองไปที่หัสวรรษ ผู้จัดการส่วนตัวที่มีกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง ซึ่งส่งสายตาให้กำลังใจอยู่ไม่ไกลนัก
“ไม่รู้สึกอะไรค่ะ แค่นีน่าตั้งใจทำงานก็พอ...ใครจะมองนีน่ายังไงก็เป็นเรื่องของเขา”
คำตอบของเนตรอัปสร ทำให้หัสวรรษ ที่กำลังลุ้นให้กำลังใจอยู่นั้น ถอนหายใจคล้ายยกภูเขาออกจากอกด้วยความโล่งใจ ก่อนจะพยักหน้าส่งยิ้มให้กำลังใจเนตรอัปสร กลับมาด้วย
“น้องนีน่า ถูกทาบทามให้เป็นนักร้องด้วยจริงไหมคะ”
คำถามใหม่ทำให้คนถูกถามคลายความอึดอัดไปได้บ้างพอสมควร จึงกระตุกยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งก่อนตอบว่า
“ก็อยู่ระหว่างเจรจาค่ะ”
“มีคนบอกว่านีน่าคงจะขายความเซ็กซี่มากกว่าขายเสียง คิดยังไงกับคำพูดนี้คะ”
คำถามนี้ยังคงมาจากปากนักข่าวคนเดิม และเนตรอัปสรก็ข่มความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้ได้อีกครั้ง
“อันนี้ก็ต้องรอพิสูจน์กันค่ะ” เธอตอบแบบแบบข่มอารมณ์
“แล้วเรื่องความสัมพันธ์ของนี่น่ากับมิกกี้นักร้องวงปริ้นซ์ที่มีข่าวว่ากอดกันกลมอยู่ในร้านอาหารกลางวันแสก ๆ ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่าคะ”
“ถ้าเห็นจริงก็เอาภาพมายืนยันดีกว่าอย่าพูดพล่อย ๆ ให้คนอื่นเสียหาย..แค่นี้นะคะ นีน่าจะต้องไปงานอื่นต่อ”
เนตรอัปสร รีบแหวกจากวงล้อมนักข่าวออกไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่อยากให้ใครได้เห็นความหงุดหงิดที่อาจจะทำให้แสดงอาการที่ไม่ดีออกมา เธอยอมรับว่าคำถามจากนักข่าว บางครั้งทำให้เธอแทบจะด่าสวนกลับไป แต่ก็ต้องใช้ความอดทนระงับไว้ ด้วยเหตุผลที่มารดาพร่ำบอกเสมอว่าเธอเป็นคนของประชาชน
“นีน่า...ทางนี้ฮ่ะ..”
หัสวรรษ ยกมือให้สัญญานแก่เนตรอัปสร พร้อมกับรีบเข้าไปคว้าแขนเนตรอัปสรให้เดินหลบมุมออกไปจากวงล้อมของนักข่าวสายบันเทิงทันที
“วันนี้น้องนีน่าตอบคำถาม และเก็บอารมณ์ได้ดีแล้วฮ่ะ แต่เสียนิ๊ดเดียว ตอนท้าย ๆ ไม่น่าจะพูดคำว่าพล่อย ๆ เลยนะฮ้า”
หัสวรรษ ผู้จัดการส่วนตัวบอกด้วยความหวังดี
“ก็มันอดไม่ได้นี่คะ พวกนักข่าวมันชอบมาถามให้นีน่าโมโหทุกที ชอบอ้างดีนักว่ามีคนเขาลือว่า เขาบอกว่า ไอ้คนที่ลือ คนที่ว่า ก็พวกมันนั่นแหละ มันกุเรื่องขึ้นมาเอง เลวสิ้นดี!”
เนตรอัปสร รู้สึกไม่ชอบใจกับคนที่มาสัมภาษณ์ จะว่าเธอมีอคติกับพวกนักข่าวก็ว่าได้
“จะโกรธจะเกลียดพวกเขาแค่ไหน น้องนีน่าก็ต้องเก็บไว้ให้ได้ฮ่ะ จำไว้นะฮ้า น้ำขุ่นไว้ในน้ำใสไว้นอก ทำปากหวานตอแหลเข้าไว้ เหมือนกับยัยบี๋ไงฮ้า”
หัสวรรษ เอ่ยถึงโชติกา นางเอกละครค่ายเดียวกับเนตรอัปสรที่เข้าวงการมาพร้อมกันจากการประกวดในรายการทางโทรทัศน์ แต่ทั้งคู่ก็มักจะมีข่าวว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ตั้งแต่การแข่งขันกระทั่งได้มาเป็นนักแสดงอยู่ในสังกัดเดียวกันในขณะนี้ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็มีชื่อเสียงภายในพริบตาจากการแสดงละครเรื่องแรกที่ได้รับบทเด่นเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ได้รับการพูดถึงในสื่อต่าง ๆ
“นีน่า ตอแหลไม่เก่งเหมือนยัยบี๋หรอกค่ะ ไม่พอใจอะไรก็พูดตรง ๆ แบบนี้แหละ”
“ก็เพราะพูดตรง ๆ นี่ไงฮ้า ถึงได้มีปัญหาเป็นข่าวให้พวกนั้นไปเขียนได้ทุกวัน ต่อไปนี้น้องนีน่า ต้องข่มอารมณ์ให้ได้ค่ะ เชื่อพี่สักครั้งนะฮ้า..คนดีของพี่”
หัสวรรษ พูดออดอ้อนในตอนท้ายหวังให้เนตรอัปสรใจเย็น
“นีน่าจะพยายามก็แล้วกันค่ะ”
เธอตอบอย่างเสียไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรหัสวรรษ ก็เป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้เธออารมณ์เย็นลงได้บ้าง
“ดีจ๊ะ..ออ..วันนี้พี่คอนเฟิร์ม รับงานพิธีกรการกุศลเพื่อช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมให้นีน่าแล้วนะฮ้า”
“พี่ป๊อกไม่น่าจะรับงานนี้เลย..น่าเบื่อจะตาย แถมตังค์ก็ไม่ได้” เนตรอัปสร ทำหน้าเซ็ง
“ทำใจหน่อยสิฮ้า..อยู่ในวงการนี้มันก็ต้องสร้างภาพกันบ้าง อย่าลืมนะคะน้องนีน่าเป็นนางเอกชื่อดัง เราต้องสร้างภาพความดีมีน้ำใจให้คนชื่นชม”
“นีน่าไม่ชอบสร้างภาพนี่คะ อยากทำก็ทำเลยไม่ต้องไปเสแสร้งแกล้งทำ อันไหนไม่อยากทำ ไม่อยากไป ก็ไม่ต้องฝืนใจทำ”
“พี่รู้ค่ะ แต่น้องนีน่าก็ต้องฝืนใจบ้างสักงาน สองงานก็ยังดี แล้วงานนี้ก็เป็นงานที่ช่วยเหลือผู้ลำบากเดือดร้อนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติด้วย ถึงไม่ได้ตังค์ก็ได้กุศลแรงนะฮ้า”
“ขอให้เงินถึงผู้ประสบภัยจริง ๆ ก็แล้วกัน กลัวแต่ว่าจะเป็นพวกอ้างทำเพื่อช่วยคนอื่นเอาหน้า แต่แอบงุบงิบเงินบริจาคไปใช้ส่วนตัวน่ะสิคะ นีน่าถึงไม่ค่อยอยากจะไป ถ้าจะช่วยจริง ๆ นีน่าก็ไปทำกับผู้ประสบภัยโดยตรงดีกว่า”
“แต่งานนี้คงจะไม่เป็นอย่างที่น้องนีน่าคิดหรอกค่ะ ถ้านีน่าไม่ไปงานนี้จะเสียโอกาสที่จะได้สร้างภาพที่ดีในตัวเองนะคะ อย่างน้อยก็ช่วยภาพติดลบน้องนีน่าเรื่องที่มีคนเม้าส์มอยว่าเป็นนางเอกขาวีน ขี้งก ไร้น้ำใจ ได้พอสมควร”
คำพูดสุดท้าย หัสวรรษ พูดไม่ค่อยจะเต็มเสียงนัก ด้วยเกรงว่าจะกระทบความรู้สึกของผู้ฟัง
“ใครจะเม้าส์อะไรก็ช่างหัวมันสิคะ พวกนั้นไม่ได้มาให้การช่วยเหลือนีน่าสักหน่อย ไม่เห็นต้องแคร์” เธอบอกพร้อมยักไหล่
“ไม่แคร์ไม่ได้ค่ะ น้องนีน่ามีแฟนคลับเยอะแยะ ดูคนที่คอยติดตามกดไลน์กดแชร์ให้กำลังใจนีน่าสิคะ อย่าลืมนะคะว่าน้องนีน่าได้มายืนตรงนี้เพราะผลโหวตของแฟนคลับ ต้องทำให้แฟนคลับชื่นชมในตัวเรานะฮ้า ยิ่งตอนนี้มีบางคนแอนตี้นีน่าที่มีเรื่องกับคุณหญิงรวยรื่น ฉะนั้นน้องนีน่าจะต้องสร้างภาพที่ดี เพื่อลบล้างภาพที่ไม่ดีฮ่ะ นะคะ คนดี้คนดีของพี่ป๊อก”
หัสวรรษ พูดปากหวานออดอ้อนจนทำให้เนตรอัปสร คลายหน้าบึ้งลงไปได้บ้าง
“ก็ได้ค่ะ แต่อย่ารับงานกุศลฟรี ๆ แบบนี้บ่อย ๆ นะคะ นีน่าไม่อยากไป ขี้เกียจปั้นหน้า”
“แต่วันนี้ที่น้องนีน่า จะไปโชว์ตัวที่งานแสดงภาพศิลปะก็ไปฟรีไม่ใช่เหรอฮ้า”
“ไม่เชิงว่าไปโชว์ตัวค่ะ นีน่าไปชมงานแสดงภาพเฉย ๆ”
“อยู่กันมาตั้งนาน พี่ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่านีน่าชอบเสพงานศิลปะภาพวาดแบบนี้ด้วย ก็ดีนะฮ้า จะได้ผ่อนคลายไม่ต้องปั้นหน้าฝืนใจ”
“นีน่าไม่ได้ชอบงานที่จะไปหรอกค่ะ”
“อ้าว..ไม่ชอบแล้วจะไปทำไมให้เหนื่อยล่ะฮ้า”
“ไม่ไปไม่ได้หรอกค่ะ เป็นงานของยัยซาซ่า ต้องไปให้กำลังใจน้องสาวค่ะ”
“อ๋อ..ไปงานของน้องสาวนี่เอง หวังว่าพวกนักข่าวคงไม่รุมไปถามนีน่าที่นั่นอีกนะ”
“นักข่าวคงไม่รู้หรอกค่ะ นีน่าไปเป็นการส่วนตัว อีกอย่างมันเป็นแค่งานเล็ก ๆ ของนักศึกษาที่เขาจัดแสดงภาพเท่านั้นเอง”
“งั้นก็ไปเถอะฮ่ะ แล้วเจอกันตอนเย็นนะคะ”
เนตรอัปสร พยักหน้าก่อนจะโบกมือลาผู้จัดการส่วนตัวไปที่ลานจอดรถ
