บทที่ 3
“ลดาบอกไปแล้วไงคะ ว่าไม่ได้คุยอะไรทั้งนั้น” ต่อให้คุยลดาก็คงเอ่ยบอกความจริงไปตอนนี้ไม่ได้แน่นอน
“โกหก”
“พี่โอบคะ อาหมอมาแล้วค่ะ” เสียงของปรียาที่ดังขึ้นทำให้บทสนทนาระหว่างโอบกับลดาหยุดลงชั่วคราว
“โอบกับทุกคนออกไปรออาที่ข้างนอกก่อน ไปสิ” นายแพทย์ประสิทธิ์หรือที่โอบกับปรียาเรียกว่าอาหมอเอ่ยบอกคนที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไปรอข้างนอก
นั่นทำให้ทั้งสามคนต้องพากันออกไปยืนรอฟังข่าวด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะต่างห่วงอาการป่วยของโสภี แต่พอหันมาเห็นลดา โอบก็ไถ่ถามเอาความจากเธออีกครั้ง เพราะที่ถามไปก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ
“ว่ายังไง ที่ฉันถามเธอไปเมื่อกี้นี้ จะตอบได้หรือยัง”
“ลดาตอบไปแล้วค่ะ ว่าไม่ได้คุยอะไรกับคุณป้าทั้งนั้น” ลดาตอบเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่กลับไม่ใช่คำตอบที่โอบอยากฟัง ไม่ได้เจอกันแค่ห้าปีดูเธอโตขึ้นมีความมั่นใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แบบนี้สินะ เขาถึงเรียกนักเรียนนอกหัวหมอ จบสูงหน่อยก็ลืมตัว
“ไม่ได้คุย แล้วจู่ๆ แม่ฉันก็ไอออกมาเป็นเลือดแบบนั้นน่ะเหรอ”
“พี่โอบจะมาตะคอกใส่ลดาทำไม ลดาก็บอกไปแล้วนี่คะว่าไม่ได้คุยอะไรกับแม่” ปรียาที่ยืนฟังอยู่อีกคนเอ่ยแย้งแทนเพื่อนสนิทที่เปรียบดังพี่น้องก็ว่าได้
“พี่ไม่เชื่อ เพราะตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้เข้ามา ครอบครัวเราก็เปลี่ยนไป”
“ใช่ค่ะ ตั้งแต่ที่ลดาเข้ามาครอบครัวเราก็เปลี่ยนไป แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นนะคะ จะมีแค่พี่โอบคนเดียวเท่านั้นที่อคติกับลดาไม่เลิกรา จะกี่ปีกี่เดือนก็เหมือนเดิม ใจแคบ” สำหรับปรียานั้นการมาของลดามันคือการเติมเต็ม คือมีเพื่อน มีพี่น้องเพิ่มมาอีกหนึ่ง แต่สำหรับโอบ พี่ชายเธอแล้วอาจคิดว่าลดามาเพื่อแย่งทุกอย่าง ผู้ชายอะไรใจแคบ ขี้น้อยใจชะมัด
“อุ้ม…นี่เรากล้าว่าพี่อย่างนั้นเหรอ” พอเถียงสู้ไม่ได้ พ่อเลี้ยงโอบก็ยกความเป็นพี่น้องมาพูดทันที
“ใช่ค่ะ เพราะพี่โอบไม่มีเหตุผล”
“อุ้ม!” พ่อเลี้ยงโอบเอ่ยชื่อน้องสาวออกมาเสียงห้วน ก่อนจะมองตรงไปยังลดาด้วยสายตาและสีหน้าที่แสดงออกว่ากำลังไม่พอใจ
“ถ้าแม่ฉันเป็นอะไร ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเธอแน่…ลดา” เอ่ยจบพ่อเลี้ยงโอบก็เดินห่างออกไปทันที ปล่อยให้น้องสาวและลดายังคงยืนอยู่หน้าห้องผู้เป็นแม่ นั่นเพราะเขาต้องการไปสงบสติอารมณ์ตามลำพังเสียก่อน
“คุณป้าจะเป็นอะไรมากไหมอุ้ม” ลดาเอ่ยถามเสียงสั่น ภาพที่โสภีไอออกมาเป็นเลือดยังคงติดตาอยู่
“อุ้มก็ไม่รู้ แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่ไอมาเป็นเลือด อีกอย่างอย่าเก็บคำพูดพี่โอบมาคิดเลยนะ พี่โอบก็แค่หัวเสียเพราะรักษาแม่ไม่ได้เลยโยนความผิดเรื่องนี้ให้ลดารับไปคนเดียว ลดาไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ที่อาการแม่เป็นแบบนี้เพราะอะไรเราสองคนพี่น้องรู้อยู่เต็มอก”
“อื้อ” ลดาพยักหน้ารับ เธอนั้นรู้ตัวดีว่าเป็นใคร ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปถือสาพ่อเลี้ยงโอบได้หรอก แต่พอมาคิดแล้วว่าเธอต้องแต่งงานกับเขา ลดาก็แอบถอนหายใจ
“อาหมอคะ แม่เป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่เห็นนายแพทย์ประสิทธิ์เปิดประตูออกมาจากห้อง ปรียาที่รออยู่แล้วก็รีบเข้าไปถามอาการผู้เป็นแม่ทันที
“ไม่สู้ดีเลย อาว่าช่วงนี้อุ้มกับโอบควรอยู่ใกล้ชิดโสภีเขาให้มากๆ หน่อย” คำตอบที่ได้ยินทำเอาปรียาเข่าอ่อน ดีที่ลดาเข้ามาช่วยพยุงไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงล้มไปแล้ว
“แม่!/คุณป้า” ทั้งปรียาและลดาต่างอุทานออกมาพร้อมๆ กัน ทั้งคู่ต่างรู้สึกใจหายกับข่าวร้ายนี้ แม้ปรียาจะเตรียมใจรับกับการสูญเสียมาบ้าง แต่พอเอาเข้าจริงเธอก็ยากจะรับได้
“แล้วนั่นหนูลดาใช่ไหม กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“สวัสดีค่ะคุณอาหมอ ลดาเพิ่งกลับมาเมื่อเช้านี้ค่ะ” ลดายกมือไหว้นายแพทย์ประสิทธิ์แล้วเอ่ยขึ้น นั่นเพราะเธอเองก็คุ้นเคยกับคนตรงหน้ามากเช่นกัน
“มาก็ดี เพราะโสภีเขาบ่นถึงหนูตลอด อยู่ดูใจกัน”
“ค่ะคุณอา”
“งั้นอาขอตัวกลับก่อนนะ มีอะไรก็ให้คนไปตามอาได้”
“ขอบคุณมากค่ะอาหมอ” ปรียายกมือไหว้อาหมอซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชายของพ่อเธอ ที่หลายเดือนมานี้คอยมาตรวจอาการของแม่อย่างใกล้ชิด
เมื่อล่ำลากันแล้วเธอกับลดาก็เข้าไปดูอาการของโสภีข้างในห้อง ก่อนจะให้ลดาไปล้างไม้ล้างมือที่มีคราบเลือดให้สะอาดเสียก่อน จากนั้นก็เข้าไปนั่งข้างเตียงอีกคน
“แม่คะ แม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“แม่ยังไหวลูก แต่แม่คงอยู่ได้อีกไม่นาน” คำพูดของผู้เป็นแม่ทำเอาปรียาถึงกับจุกในอก
“แม่”
“อุ้ม! ไปตามโอบมาให้แม่หน่อยได้ไหมลูก”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวอุ้มไปตามพี่โอบให้เดี๋ยวนี้เลย” เอ่ยจบปรียาก็ออกไปจากห้อง หายไปครู่ใหญ่เธอก็กลับมาพร้อมโอบ
“โอบ มานั่งข้างๆ แม่สิ”
“ครับ” พ่อเลี้ยงโอบเอ่ยรับ ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ ผู้เป็นแม่ซึ่งมีลดานั่งอยู่แล้ว เธอจะลุกขึ้นให้เขานั่ง แต่กลับถูกโสภีรั้งแขนไว้ บ่งบอกว่าต้องการให้ทั้งคู่นั่งด้วยกัน
“แม่มีอะไรจะขอโอบ”
