บทที่ 2
“คงไม่ได้กลับมาเพื่อหวังสมบัติอะไรหรอกนะ”
“ลดาเขาคงไม่ได้คิดแบบนั้น จะมีก็แต่พี่โอบเท่านั้นล่ะค่ะที่คิด คิดมาตั้งแต่เล็กจนโตป่านนี้ก็ยังไม่เลิกคิดอีก” ปรียามองพี่ชายอย่างไม่พอใจนักที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ นั่นเพราะเธอรู้จักลดาดีว่าไม่ใช่คนที่อยากได้อะไรที่ไม่ใช่ของตัวเอง ขนาดเรื่องการเรียนยังทำงานหาเงินส่งตัวเองและที่ไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนาก็เพราะสอบชิงทุนได้ ไปเรียนที่นู่นก็ทำงานหารายได้พิเศษไปด้วย เงินที่แม่เธอส่งไปให้ใช้ก็มักจะถูกส่งกลับมาตอนปีใหม่เสมอ
“ไม่คิดก็ดี แล้วนี่ลดาอยู่ไหน”
“อยู่กับแม่ในห้องค่ะ พี่โอบมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่อยากให้แม่ช่วยเลือกฤกษ์แต่งงานของพี่กับใหม่ให้หน่อย อยากจัดงานแต่งงานให้แม่เห็นว่าพี่มีครอบครัวที่ดีที่โอบอุ้มแล้วก่อนที่ท่านจะ…” พ่อเลี้ยงโอบพูดไม่ออกเช่นเดียวกัน ต่อให้เขานั้นเป็นคนตรงๆ โผงผางไปบ้าง แต่จะให้พูดเรื่องอาการป่วยของผู้เป็นแม่โดยไม่คิดอะไรเลยมันคงเป็นไปไม่ได้
เขารู้ว่าแม่นั้นห่วงเรื่องนี้ อยากเห็นเขามีคนรักที่ดีแต่งงานมีครอบครัวเสียทีรวมทั้งมีหลานให้อุ้ม ตอนที่แม่ยังแข็งแรงเขาไม่เคยใส่ใจกับคำที่แม่ขอ เพราะคนที่แม่ขอให้เขาแต่งงานด้วยนั้นคือลดา เด็กกำพร้าที่แม่เขาอุปการะเธอมาตั้งแต่เด็กๆ ครั้งแรกที่รู้เรื่องนี้เขาไม่พอใจมาก เพราะไม่คิดว่าแม่จะอยากให้เขาแต่งงานกับเธอ เด็กเหลือขอที่ตามติดเขาแจ ไม่ว่าจะพูดจาร้ายๆ ใส่ยังไงก็ยังไม่ยอมไปไหน แต่พอรู้ตัวอีกทีลดากลับออกห่างเขาไปทุกทีๆ
กระทั่งเธอเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และวันหนึ่งจู่ๆ แม่เขาก็ล้มป่วยด้วยโรคร้าย คำพูดต่างๆ ของแม่ก็ย้อนเข้ามาในหัวเขา แต่ไม่ว่ายังไงเจ้าสาวที่เขาวาดฝันไว้ก็ยังคงไม่ใช่ลดา เพราะผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาของเขามีเพียงคนเดียวคือปีใหม่เท่านั้น เธอคือรักแรกและรักเดียวของเขา และเขาก็ได้ขอเธอแต่งงานแล้วด้วย ซึ่งปีใหม่ก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล เรื่องแต่งงานเขาทำให้แม่สมหวังได้ แต่เรื่องมีหลานให้อุ้มเขาคงไม่สามารถจริงๆ
“รอก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวลดาคงออกมา”
“อืม” เสียงตอบรับดังมาจากลำคอของพ่อเลี้ยงโอบ สองพี่น้องได้แต่ยืนรออยู่หน้าห้องในขณะที่คนซึ่งอยู่ภายในกำลังพูดคุยกัน แต่สิ่งที่ทำให้ลดาอึ้งจนพูดไม่ออกนั่นคือคำขอของโสภี ก่อนที่เธอจะเอ่ยทวนประโยคนั้นอีกครั้ง ทวนให้มั่นใจว่าเธอไม่ได้หูฝาดจนได้ยินไปเอง
“คุณป้าจะให้ลดาแต่งงานกับพี่โอบเหรอคะ!”
“ชะ…ใช่” โสภีเค้นเสียงเอ่ยรับ เธอรู้สึกเหนื่อยแต่ฝืนร่างกายเพื่อพูดคุยเรื่องนี้กับลดาให้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงตายตาไม่หลับแน่ๆ
“แต่พี่โอบไม่ได้รักลดา แล้วอีกอย่างลดาก็…”
“ป้ารู้ แต่ป้าไม่อยากให้โอบเขาแต่งงานกับคนไม่ดี” เอ่ยจบโสภีก็หอบจนตัวโยน นั่นทำให้ลดาส่งน้ำให้จิบ
“คนไม่ดี คุณปีใหม่น่ะเหรอคะ” ลดาเอ่ยถึงแฟนสาวของพ่อเลี้ยงโอบ นั่นเพราะเธอรู้เรื่องนี้จากปรียามาบ้างแล้วนั่นเอง
“ใช่…ปีใหม่เข้ามาเพื่อหลอกโอบ ตอนนี้โอบยังหน้ามืดตามัวหลงคิดว่านั่นคือรักแท้ แต่ป้าให้คนไปสืบประวัติของปีใหม่มาแล้ว ครอบครัวเธอสิบแปดมงกุฎ ติดการพนันทั้งนั้น ขืนได้มาเป็นสะใภ้ โอบจะไม่เหลืออะไรเลย” สีหน้าของโสภีเต็มไปด้วยความกังวล เธอไม่ใช่แม่สามีตัวร้ายที่จะขัดขวางความสุขของลูกไปเสียทุกเรื่อง เว้นก็แต่เรื่องคู่ครอง เพราะถึงแม้จะอยากเห็นโอบแต่งงานมีครอบครัวมากแค่ไหน แต่ภายใต้เรื่องแต่งงานเธอก็ต้องการให้โอบเจอคนที่ดีเช่นกัน ไม่ใช่ไปคว้าผู้หญิงที่หวังสุขสบายหวังแค่สมบัติมาเป็นแม่เลี้ยงที่นี่
“แต่ว่า…”
“ถือว่าป้าขอเถอะนะลดา ทำเพื่อป้าได้ไหมลูก” มือที่เวลานี้เหี่ยวแห้งของโสภีกอบกุมแล้วบีบมือนุ่มๆ ของลดาไว้ ส่งสายตาร้องขอมาเพื่อให้ลดาช่วยเหลือในเรื่องนี้ นั่นเพราะหันไปทางไหนก็ไม่มีคนที่เหมาะไปกว่าลดาอีกแล้ว อย่างน้อยรักในวัยเด็กของลดาที่มีให้โอบ มันอาจทำให้โอบตาสว่างได้บ้าง
“เอ่อ…” ลดาอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดี ใจหนึ่งก็อยากตอบแทนบุญคุณของโสภีที่ชุบเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กๆ แต่อีกใจก็ลังเลว่าสิ่งที่ต้องทำมันเหมาะแล้วหรือไม่ ถ้าพ่อเลี้ยงโอบรู้เรื่องเข้า เขาคงยิ่งเกลียดเธอ
“ได้ไหม ถือว่าทำให้คนแก่ใกล้ตาย...แค่กๆ”
“ดะ…ได้ค่ะ ลดารับปากค่ะ” คำตอบรับของลดาทำให้โสภียิ้มออกมา แม้จะเป็นรอยยิ้มที่แฝงความเหนื่อยอ่อนอยู่มากก็ตามที
“ขอบใจมากนะลดา”
“ค่ะ”
“ช่วยหยิบซองสีน้ำตาลพร้อมกับปากกาในลิ้นชักให้ป้าทีสิ”
“ได้ค่ะ” รับปากเสร็จ ลดาก็ลุกไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบของที่โสภีต้องการมายื่นให้ มือเหี่ยวกร้านของโสภีเปิดซองสีน้ำตาลแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา จากนั้นก็เซ็นชื่อกำกับลงไป ใบหน้าของโสภีผุดรอยยิ้มขึ้น เสร็จเธอก็ไหว้วานให้ลดานำไปเก็บไว้ที่เดิม
“แค่นี้ป้าก็คงตายตาหลับ...แค่กๆ” ลดาปรี่เข้ามาดูอาการของโสภีที่ตอนนี้ไอออกมาอย่างหนัก เลือดสดๆ ไหลซึมออกมาจากช่องว่างระหว่างนิ้วมือที่โสภียกขึ้นมาปิดปากของตัวเอง นั่นทำให้ลดาตกใจสุดขีด
“คุณป้าคะ คุณป้า!” เสียงตะโกนของลดาที่ดังขึ้นในห้อง ทำให้โอบและปรียาที่ยืนรออยู่ด้านนอกรีบเปิดประตูเข้ามาภายในห้องทันที
“แม่ครับ แม่เป็นยังไงบ้าง” พ่อเลี้ยงโอบผลักลดาให้ออกห่างแล้วเข้าไปพยุงผู้เป็นแม่เสียเอง โดยมีปรียาเข้ามาช่วยอีกคน ส่วนลดานั้นยืนมองหน้าซีดอย่างตกใจอยู่ข้างๆ โดยบนมือของเธอยังมีเลือดของโสภีเปื้อนอยู่
“แม่คะแม่”
“อุ้มไปตามอาหมอมาเร็วเข้า เร็ว!”
“ค่ะพี่โอบ” ปรียาแทบจะวิ่งออกจากห้อง เธอรีบไปตามอาหมอเพื่อให้มาดูอาการของผู้เป็นแม่ด้วยความร้อนใจ
“เธอเข้ามาคุยอะไรกับแม่ฉัน…ฮะ!” พ่อเลี้ยงโอบหันมาตะคอกถามลดา ที่เวลานี้ยืนตัวสั่นเทาอยู่ข้างเตียง
“ลดาไม่ได้คุยอะไรค่ะ”
“ไม่ได้คุยอะไรแล้วทำไมแม่ของฉันถึงเป็นแบบนี้ บอกมาว่าเข้ามาคุยอะไร” นั่นเพราะจู่ๆ อาการป่วยของแม่ที่ทรงตัวมาหลายวันก็ทรุดไปแบบนี้ ทำให้โอบโยนความผิดให้ลดารับไปแต่เพียงผู้เดียว
