บทที่5 ไร้ตัวตน
บังอรพูดจาปลอบประโลมจนพราวรุ้งคลายความเศร้าความเสียใจ ตั้งแต่เด็กจนโตพราวรุ้งเป็นเด็กน่ารักนิสัยดี บังอรรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจ ด้วยรู้จักเนื้อแท้ของหญิงสาวในอ้อมกอดว่าเป็นคนมีนิสัยอย่างไร จึงเชื่ออย่าง ร่องรอยที่พี่สาวทำเอาไว้มันทำให้พราวรุ้งเจ็บไม่น้อย ถ้ากลับไปบ้านเธอต้องเจ็บตัวมากกว่าเดิมแน่นอน
"ไม่เป็นไรนะ อยู่กับแม่ก็ได้ เอางี้ไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่า เดี๋ยวแม่หาชุดให้ เรื่องที่มันเกิดขึ้นแล้วเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขมันได้ หลังจากนี้เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเข้ามา พราวต้องเข้มแข็งต้องผ่านทุกอย่างไปให้ได้"
"ค่ะ" พราวรุ้งปาดน้ำตาลวก ๆ แล้วลุกขึ้น บังอรจึงโอบบ่าเล็กพาขึ้นด้านบน ทนงกกมองตามแล้วถอนหายใจออกมาแรง ๆ เขารู้ดีว่าเรื่องจะไม่จบเพียงแค่นี้ มันต้องมีเรื่องราวมากมาย มาให้ปวดหัวแน่นอน
พราวรุ้งเข้าไปในห้องพร้อมกับอาบน้ำ เพียงแค่ส่วนนั้นสัมผัสกับน้ำ พราวรุ้งก็ร้องออกมาเพราะเจ็บแสบ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จหญิงสาวก็ใช้ผ้าเช็ดตัวพันร่างเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอเอามือปิดที่เนินอกเอาเมื่อเห็นบังอรจ้องมอง
"ไม่ต้องอายหรอกจ้ะ แหม่ ลูกชายตัวดีของแม่มันน่าตีจริง ๆ ทำรุนแรงกับพราวขนาดนี้ได้อย่างไรกัน" บังอรบ่นกระปอดกระแปด แล้วดึงผ้าขนหนูมาเช็ดที่ผมให้ "ทำใจให้สบาย ไม่ต้องเครียดต่อให้ใครไม่ยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่แม่ยินดีและดีใจมาก ที่ได้หนูมาอยู่ด้วยกัน"
"ฮึก ขอบคุณที่ดีกับพราว"
"หนูไม่ได้ตั้งใจทำผิดนี่จ๊ะ ทำไมแม่จะต้องโกรธหนูด้วยล่ะ คนเราสามารถทำเรื่องผิดพลาดกันได้เท่านั้น อย่ามัวแต่โทษตัวเอง จนชีวิตไม่มีความสุขนะ"
"ค่ะแม่บังอร ขอบคุณที่เข้าใจพราว"
พราวรุ้งอยู่ในชุดชมพูหวานกระโปรงคลุมเข่า เดินลงมาข้างล่างพร้อมกับบังอร เป็นจังหวะเดียวกับที่ขุนเขาเดินเข้ามา เขากระแทกไหล่ใส่คนตัวเล็กจนเซแทบล้มไปกองกับพื้น
"ทำอะไรของลูกเนี่ย"
"โทษทีผมไม่เห็น" เขากระแทกส้นเดินขึ้นไปด้านบน พราวรุ้งเม้มปากเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่ง คนใช้ในบ้านต่างซุบซิบนินทา มองเธอด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
@18.30
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอึมครึม พราวรุ้งอึดอัดหัวใจเป็นอย่างมาก ขุนเขานั่งทานอาหารจ้องมองเธออย่างไม่ชอบใจ สายตาที่เขามองมา มันฉายชัดไปด้วยความชิงชัง
"รีบทานเถอะขุนเขา จ้องน้องอยู่ได้"
"ผมไม่ได้อยากจะมองเลยสักนิด" เขาเบือนหน้าหนีไปอีกทาง "ผมยังยืนยันคำเดิมนะแม่ ผมไม่แต่งกับพราวรุ้งผมจะแต่งกับพลอยดาว"
"ได้สิ!"
"แม่พูดจริงเหรอครับ?" ชายหนุ่มฉีกยิ้มออกมาอย่างดีใจ
"ใช่ แต่แกต้องถูกตัดจากกองมรดก ฉันจะให้ลูกชายอีกสองคนของฉันดูแลฟาร์มเอง ไม่มีลูกชายคนโตไปสักคน ก็ไม่เป็นไรหรอก เราอยู่กันได้ถ้าลูกจะไปแม่ก็ไม่ว่าอะไร"
"แม่ครับ!"
"ไปคิดทบทวนให้ดี ถ้าเกิดว่าได้คำตอบอย่างไรแล้วก็ให้มาบอกแม่แล้วกัน"
++++
"แม่ต้องทำอะไรสักอย่างนะคะ ฮึก! นังพราวมันแย่งพี่ขุนเขาไปเป็นของมัน ฮือ ๆ" พลอยดาวร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดมารดาอยู่ที่โซฟา เธอไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตต้องเจอเรื่องแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าน้องสาวเพียงคนเดียวของเธอจะกล้าทำเรื่องเลวทราม ทรยศความไว้ใจที่เธอมี
"แม่สัญญาว่าแม่จะจัดการเรื่องนี้ให้ลูก"
"แล้วแม่จะทำยังไงในเมื่อพ่อตอบตกลงให้นังพราวแต่งงานกับพี่ขุนเขาแล้ว พี่ขุนเขาเป็นของพลอยนะแม่ เรารักกันมาตั้งหลายปี ทำไมนังพราวถึงทำแบบนี้กับพลอย"
"มันเลวเอง มันอยากได้ของพี่ ถึงได้ทำแบบนี้" กานดาเค้นเสียงอย่างเจ็บใจ เธอไม่ได้เข้าข้างลูกสาวคนโตแต่สิ่งที่ลูกสาวคนเล็กทำ มันทำให้เธอรับไม่ได้จริง ๆ
"พลอยจะไม่มีวันยอมให้มันได้แต่งงานกับพี่ขุนเขา"
"ถ้าไม่ยอมให้น้องแต่งงาน มันก็จะไม่มีงานแต่งระหว่างพลอยกับขุนเขาแน่นอน พ่อรู้จักแม่บังอรดี ในเมื่อต้องการที่จะให้ขุนเขาแต่งงานกับพราวรุ้ง ขุนเขาก็ต้องแต่งงานกับพราวรุ้งคนเดียวเท่านั้น"
"พ่อไม่เคยเข้าใจพลอยเลย! พ่อก็เอาแต่เข้าข้างนังพราว"
"พ่อไม่ได้เข้าข้างน้อง พ่อเข้าใจทุกคนพลอย ในเมื่อเขาไม่เอาลูก จะให้พ่อทำยังไง?"
"ฮือ ๆ แม่คะ" พลอยดาวร้องไห้ เก็บความเคียดเเค้นเอาไว้ในใจ แต่ก็ไม่อาจที่จะทำตามหัวใจของตัวเองได้ ในเมื่อน้องสาวของเธอทำเธอเจ็บปวดขนาดนี้ ก็อย่าหวังว่าจะมีความสุข
ติ้ง!
เสียงข้อความแอพพลิเคชั่นสีเขียวดังขึ้น พลอยดาวบาดน้ำตาตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาอ่านข้อความ
("คุณเป็นยังไงบ้าง?") เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วส่งข้อความตอบกลับ
"ไปรออยู่ที่เดิมนะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย"
******
