ตอนที่ 2 เด็กในอุปการะ
ตอนที่ 2
เด็กในอุปการะ
รอยยิ้มสดใสของหญิงสาวทำให้ทุกคนในแผนกรู้สึกสดชื่น หน้าแปลกที่แผนกนี้พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มีผู้หญิงเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นคืออินทิรากับ ชฎาพร
สองสาวเพื่อนซี้ที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม ตัวติดกันตลอดเวลา ตอนเข้ามหาลัยก็เรียนคณะเดียวกันสาขาเดียวกัน อยู่ด้วยกันแทบทุกช่วงชีวิตทำให้ทั้งสองสนิทกันมาก จนสามารถแลกเปลี่ยนความลับของกันและกันได้
“น้องอิน น้องหมวย พวกพี่จะไปกินข้าวไปด้วยกันไหม”
พนักงานหนุ่มเอ่ยถาม ตอนแรกทั้งสองตั้งท่าจะปฏิเสธเพราะช่วงนี้กำลังลดความอ้วน แต่พอรุ่นพี่หนุ่มเสนอตัวว่าจะเลี้ยง พวกเธอก็หูผึ่ง รีบตอบรับทันทีเพราะเสียดายของฟรี
ร้านส้มตำใหญ่ตรงข้ามตึกบริษัท เต็มไปด้วยผู้คนมากมายช่วงพักเที่ยง อินทิราชะเง้อมองไก่ย่างที่วางเรียงรายอยู่บนเตา ควันโขมงส่งกลิ่นหอมตลบจนหญิงสาวได้ยินเสียงท้องร้องของตัวเอง
“น้องอินกับน้องหมวยอยากกินอะไรสั่งได้เต็มที่เลยนะ เดี๋ยววันนี้พี่จะเลี้ยงเอง”
ชายหนุ่มยืดอก เอ่ยกับหญิงสาวทั้งสองเสียงหวาน แม้ว่าเขาจะเป็นพนักงานระดับเดียวกับพวกเธอ แต่ทุกคนก็รู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นลูกชายของผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ชายหนุ่มมองไปรอบๆสายตาเหยียดหยามปกปิดไม่มิด ร้านส้มตำชื่อดังใจกลางกรุงแต่กลับดูทรุดโทรม แถมอากาศก็ร้อนอบอ้าวมีแค่พัดลมอุตสาหกรรมตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ทุกมุมร้านให้ความเย็นน้อยนิด
“ขอบคุณนะคะพี่มาร์ค”
ชฎาพรสบตาเพื่อน ในเมื่ออีกฝ่ายหน้าใหญ่ใจโต ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ หญิงสาวทั้งสองทำให้ชายหนุ่มถึงกับหน้าซีดเผือด มองดูอาหารที่วางเต็มโต๊ะจนแน่นเอี๊ยดแล้วก็ได้แต่ปาดเหงื่อ
เขาไม่รู้ว่าพวกเธอจะกินเยอะขนาดนี้ คิดว่าผู้หญิงรูปร่างบอบบางคงจะสั่งกันอย่างสองอย่างเท่านั้น ใครจะไปคิดว่าพวกเธอเล่นสั่งทุกเมนูในร้าน แถมยังชวนพนักงานหนุ่มคนอื่นๆในแผนกมานั่งร่วมโต๊ะอีก
คนเป็นเจ้ามือถึงกับยิ้มเจื่อน เขาอยากใช้เวลากับหญิงสาวทั้งสอง ไม่ได้อยากให้มีก้างขวางคอเต็มโต๊ะขนาดนี้
“พี่มาร์คลองกินไก่ย่างร้านนี้ดูสิคะ อร่อยมากเลย ถ้าได้ลองแล้วจะติดใจ”
ชฎาพรยื่นจานไก่ย่างให้ชายหนุ่ม เขาแทบไม่แตะอะไรเลย ปกติเป็นคนติดหรู เห็นหญิงสาวทั้งสองแล้วเขาก็ไม่คิดว่าพวกเธอจะมานั่งจกส้มตำแถมยังใส่ปลาร้าอีก
ชายหนุ่มที่เห็นแบบนั้นก็อยากจะหันหลังวิ่งหนี แต่ในเมื่อเขารับปากแล้วว่าจะเป็นเจ้ามือ จึงจำเป็นต้องนั่งอยู่ตรงนี้รอทุกคนกินเสร็จ
“มีมาร์คคะ ทำไมไม่กินล่ะคะ”
อินทิราเอ่ยถาม เธอขยับเข้ามานั่งใกล้ชายหนุ่ม ตักส้มตำก่อนจ่อช้อนที่ปากของเขา
“อะ เอ่อ พี่กินไม่เป็นครับ”
ชายหนุ่มหาทางเอาตัวรอด ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยกินส้มตำ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นอาหารที่ไม่สะอาด ยิ่งได้กลิ่นปลาร้าเขาก็รู้สึกคัดจมูก
“เอาเข้าปากเคี้ยวแล้วก็กลืนค่ะ ลองดูสิคะแล้วจะติดใจ”
เพราะรุ่นพี่หนุ่มไม่เคยเปิดใจกินอาหารข้างทาง ทุกวันเขาจะฝากท้องไว้กับภัตตาคารหรู จึงไม่เคยรู้ว่าอาหารอีสานบ้านเรามันอร่อยมากแค่ไหน ชายหนุ่มทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขาเปิดปากออกช้าๆ
ทันทีลิ้นรับรสอย่างเต็มที่ เขาก็รู้สึกได้ถึงความนัว รสชาติที่กลมกล่อมคละคลุ้งไปทั่วทั้งปาก ปลาร้าที่เขาเคยรังเกียจแต่ทำไมมันถึงได้รสชาติดีขนาดนี้
หลังจากที่ได้ลองคำแรก คำที่ 2 และคำที่ 3 ก็ตามมาติดๆ เพียงครู่เดียวส้มตำปูปลาร้าก็หมดเกลี้ยง ไม่เหลือแม้กระทั่งเศษผัก
“เห็นไหมคะบอกแล้วว่าอร่อย”
“ที่มันอร่อยเพราะน้องอินป้อนพี่ต่างหาก ถ้าน้องอินป้อนพี่แบบนี้ทุกวัน พี่จะยอมกินจนหมดจานเลย”
ชายหนุ่มหยอดคำหวานแต่หญิงสาวไม่คล้อยตาม จริงอยู่ที่ผู้ชายตรงหน้ารูปหล่อพ่อรวย แต่เธอพอจะได้ยินกิตติศัพท์ของเขามาบ้าง จึงไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง
“จะบ่ายโมงเเล้ว รีบไปกันดีกว่าค่ะ”
ชายหนุ่มจ่ายเงิน เขาเดินแทบไม่ไหวเพราะกินจนล้นกระเพาะ พนักงานกลุ่มใหญ่กว่าสิบชีวิตข้ามถนนกลับมาที่บริษัท ก่อนแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง
วราภรณ์นอนคิดทั้งคืนว่าควรจะทำอย่างไรให้ลูกชายของเธอไม่ตกเป็นเหยื่อผู้หญิงพวกนั้น เธอกลัวว่าจะได้ลูกสะใภ้ไม่ดี เป็นผู้หญิงประเภทเดียวกับที่พ่อของวงศกรเคยไปติดพัน
หญิงวัยกลางคนนึกขึ้นได้ว่าเธอเคยอุปการะหญิงสาวไว้คนนึง แต่หญิงสาวคนนั้นแยกออกไปอยู่ข้างนอกได้หลายปีแล้ว กลับมาเยี่ยมบ้างเป็นครั้งคราว ตอนนี้มีหน้าที่การงานที่ดี เป็นถึงพนักงานในบริษัทญี่ปุ่น เงินเดือนก็ไม่ใช่น้อย โปรไฟล์ถือว่าดีใช้ได้
เธอลงมารอลูกชายข้างล่างตั้งใจว่าจะคุยกับเขาเรื่องอินทิรา วงศกรกลับมาวันนี้อารมณ์ดีเพราะงานราบรื่นกว่าทุกวัน เขานั่งลงข้างผู้เป็นแม่สวมกอดอีกฝ่ายและหอมแก้มเหมือนที่ชอบทำเป็นประจำ
“กรจำอินได้ไหมลูก”
ชายหนุ่มพยักหน้า เขาจำได้เสมอ อินทิราเป็นเด็กที่แม่ของเขารับอุปการะหลังจากที่พ่อของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตอน 10 ขวบ หญิงสาวอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กจนโต เขาได้เจอเธอบ้างเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่ได้สนิทสนมกัน
“ลูกคิดว่าอินเขาเป็นคนยังไง”
“ผมก็ไม่รู้ครับ แม่ถามทำไม”
เขาไม่ได้สนิทสนมกับหญิงสาว เคยเจอเธอบ้างแต่ก็ไม่รู้ว่านิสัยใจคอเป็นยังไง
“แม่อยากให้ลูกแต่งงานกับอิน”
ชายหนุ่มนิ่ง พยักหน้าช้าๆ“ครับ”
“ลูกยินดีที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่หาให้ใช่ไหม”
วราภรณ์ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เธอไม่ได้อยากบังคับลูก แต่ก็ไม่อยากไปให้เขาไปเจอผู้หญิงไม่ดี อินทิราเป็นคนใช้ได้ ขยันขันแข็งตั้งใจเรียน ทั้งที่เธอยินดีอุปการะเลี้ยงดูแต่ก็ยังไปสรรหาทุนการศึกษา เพื่อที่จะได้ไม่รบกวนเธอมากเกินไป
วราภรณ์ประทับใจหญิงสาวเป็นอย่างมาก แม้ว่าอินทิราจะไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เธอก็ยินดีที่จะรับอีกฝ่ายเป็นสะใภ้ เพราะรู้ว่าหญิงสาวจะต้องดูแลลูกชายของเธอเป็นอย่างดีแน่นอน และไม่มีวันทรยศเขา
อินทิรามักจะเปรยเสมอว่าอยากจะตอบแทนบุญคุณเธอ นี่เป็นโอกาสที่เธอจะได้ทำในสิ่งที่เคยลั่นวาจาไว้ วราภรณ์เชื่อว่าอินทิราจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน
“ถ้าแม่คิดว่าดี ผมก็จะไม่ขัด”
หนุ่มตอบสั้นๆเพราะไม่อยากแสดง ความคิดเห็น
