บทที่ 4 ไม่มีอารมณ์
หลังกลับมาจากญี่ปุ่น
บริษัทจิรสินได้รับการเลือกให้เป็นบริษัทนำเข้ายางยนต์ล้ำยุคที่สุด ทางพิตรพิบูลโมโหในคำตัดสิน วาทกรพาลโทษว่าเป็นความผิดของแก้วกัลยาที่ไม่มีประสบการณ์ไปเสนองานไม่ได้เรื่องทำให้ทางจิรสินคว้าไปได้
“เราต้องเปิดโปรเจคใหม่ที่กำลังซุ่มทำเพื่อกลบเรื่องนี้” เกริกวางแผนธุรกิจตัวใหม่ต่อว่าลูกสาวตัวเองสักคำ วาทกรพี่ชายต่างมารดาแอบกลอกตาหมั่นไส้พ่อที่รักลูกไม่เท่ากัน
“คุณพี่เรียกจีมาทำไมคะ?” รุจีเดินสวยสง่าเข้ามาในห้องทำงานของสามี
“เรื่องที่ให้ยัยหนูไปดูตัวกับลูกชายคุณหญิงกมลวรรณไปถึงไหนแล้ว”
“วันเสาร์นี้พวกเขาจะนัดดูตัวกันค่ะ”
“ไวดี....ลูกสาวทำได้ดีสุดก็แค่แต่งงานเชื่อมสองตระกูลให้เอื้อธุรกิจกันเท่านั้น” เกริกเสียงอ่อนพลางมองรูปของแก้วกัลยาที่อยู่ในกรอบรูปครอบครัวบนผนังห้องทำงาน
“ลยาไม่ได้แย่เพียงแต่ได้รับมอบงานที่ไม่ถนัด” รุจีออกตัวแย้งแทนลูกสาวทันที
“คนจะเก่งต้องเก่งทุกเรื่องไม่อย่างนั้นจะมาสืบทอดกิจการของตระกูลได้ยังไง” เกริกเหลือบมองภรรยายืนหน้ามุ่ยเคืองสามีต่อว่าลูกสาวของเธอ ด้านวาทกรกระตุกยิ้มเยาะรุจีเป็นเมียหลวงแต่งงานจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายแต่ฟ้าเล่นตลกให้มีลูกสาวส่วนแม่ของเขาเป็นเมียน้อยบุญเยอะได้ลูกชาย ซึ่งเขาก็เป็นที่ไว้วางใจของพ่อมาตลอดแน่นอนตำแหน่งบริหารยังไงก็ต้องตกเป็นของเขา ลูกสาวยังไงก็ไม่มีทางสู้ลูกชายได้...
************************************************************
ปัจจุบัน
คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลพิตรพิบูล
ทุกคนในครอบครัวรับประทานอาหารเย็นกันพร้อมหน้าพร้อมตา เกริกผู้เป็นพ่อนั่งอยู่หัวโต๊ะ รุจีกับแก้วกัลยานั่งอยู่ฝั่งขวามือและวศินน้าชาย ส่วนข้างซ้ายเป็นที่นั่งของครอบครัววารุณีภรรยาน้อยของเกริก วาทกรลูกชายคนโตเกิดก่อนลูกสาวของภรรยาหลวง และวานิสาลูกสาวคนเล็กเกิดหลังแก้วกัลยา ทุกคนในครอบครัวจะมารวมตัวกันรับประทานอาทิตย์ละหนึ่งวันหากเป็นวันอื่นจะแยกกันอยู่ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่แบ่งแยกเป็นสัดส่วน
“โปรเจคใหม่มีกำหนดเปิดตัววันศุกร์นี้นะครับ” วาทกรพูดพ่อที่กำลังรับประทานอาหารร่วมกัน
“ทำงานเร็วดีมาก วันเปิดตัวพ่ออยากให้พวกเราไปร่วมงานด้วยกันทุกคน” เกริกเอ่ยชมลูกชายแล้วหันไปบอกกับทุกคนให้เตรียมตัวไปร่วมงาน วารุณียกยิ้มชูคออย่างผู้ชนะภูมิใจในตัวลูกชายที่ไม่เคยทำให้ผิดหวังก่อนจะหันไปมองแก้วกัลยาแล้วขำในลำคอเย้ยลูกสาวของภรรยาหลวงที่ไร้ความสามารถ
“ขำอะไร” รุจีหน้าตึงจ้องวารุณีอย่างเอาเรื่อง
“น้องแค่ยิ้มภูมิใจในตัวลูกชายที่ทำงานเก่ง ไม่เหมือนใครบางคนแค่ทำให้ผู้ชายสนใจยังยากเลยคุณลยาต้องหัดบริหารเสน่ห์หน่อยนะคะแข็งทื่อแบบนี้เมื่อไหร่จะได้แต่งงาน” วารุณียิ้มเยาะปรายตามองแก้วกัลยาที่นั่งเงียบไม่พูดจาเพราะตอนนี้ทุกคนในบ้านรู้แล้วว่ามารุตปฏิเสธเรื่องเดทกับแก้วกัลยา รุจีหันมาแตะแขนลูกสาวและพูดอย่างใจเย็นแต่เหยียดไปถึงเมียน้อย
“เป็นแบบนี้แหละลูกดีแล้วจะได้มีค่ายืนหนึ่ง ถ้ามารยาร้อยเล่มเกวียนผู้ชายเขารู้ว่าแสดงก็ไม่ให้ค่าเป็นได้แค่ตัวสำรอง”
“คุณจี” วารุณีหน้ามุ่ยถูกตอกหน้ากลับทุกครั้งที่เปิดศึก เกริกส่ายหน้าเอือมระอาภรรยาทั้งสอง
“เลิกแขวะกันสักทีอยู่ด้วยกันจนผมหงอกยังไม่เลิกเหน็บแนมกันอีก”
“คุณพี่ไม่เป็นฉันไม่เข้าใจหรอกค่ะว่าหัวอกเมียหลวงรู้สึกยังไง!” รุจีหันขวับมองสามีอย่างตัดพ้อ วารุณีไม่ยอมแพ้รีบหันไปทำหน้าเศร้าอ้อนสามี
“หัวอกเมียน้อยที่มาก่อนเมียหลวงแต่ถูกแย่งไปก็ช้ำไม่ต่างกันนักหรอก”
“หยุด! รีบกินให้อิ่มแล้วแยกย้ายกลับกันไปได้แล้ว” เกริกเสียงแข็งทุบมือลงบนโต๊ะอาหารเสียงดังทุกคนบนโต๊ะอาหารสะดุ้งหุบปากเงียบกันทันที แก้วกัลยาก้มหน้ากำช้อนส้อมในมือแน่นเบื่อหน่ายกับความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงของครอบครัวและความกดดันที่ได้รับมาจากแม่ต้องเหนือกว่าลูกชายคนโต ความคาดหวังจากพ่ออยากให้ลูกสาวแข็งแกร่งตามรอยพ่อและการเหยียบย่ำจากครอบครัวของเมียน้อยที่พร้อมกระทืบซ้ำเมื่อเธอพลาด
บ้านหรูสไตล์โมเดิร์นใจกลางเมือง
อัศวนัยสวมชุดคลุมสีเทาเข้มปกปิดกายกำยำเปลือยเปล่าเดินมาหยิบเบียร์กระป๋องในตู้เย็นกระดกดื่มหันหน้าออกมองสระว่ายน้ำกระเพื่อมไหวเล่นกับแสงไฟสีนวลสาดกระทบผืนน้ำ สายตาคมจ้องมองเมญ่าสวมชุดบิกินนี่ตัวจิ๋วแหวกว่ายอยู่ในสระอย่างไร้อารมณ์ก่อนจะดื่มเบียร์อีกครั้งกระตุ้นอารมณ์ให้พลุ่งพล่านมีเซ็กแสนเร่าร้อนเพื่อระบายความอัดอั้นที่มีต่อผู้หญิงอีกคนที่เขาไม่อาจแตะต้องให้มาลงที่เมญ่า มือหนาวางเบียร์กระป๋องที่ห้าลงบนโต๊ะสนามจับจ้องเมญ่าเดินเยื้องย่างโชว์เรือนร่างเซ็กซี่เย้ายวนเปียกฉ่ำเข้ามาใกล้แล้วโน้มลงจูบซุกไซ้ซอกคอหนามือเรียวแทรกเข้าเสื้อคลุมเคลื่อนหมุนวนหน้าอกแกร่งไล้ลงหน้ากล้ามท้องก่อนจะตะครุบความแก่นกายที่ยังไม่แข็งขืน
“เมญ่าใช้ปากให้นะคะ” หน้าสวยยกยิ้มตาหวานฉ่ำค่อย ๆ ย่อตัวลงไปกลางหว่างแกร่งเปิดเสื้อคลุมเขาออกแล้วอ้าปากกลืนแก่นกายของเขาอย่างช่ำชอง หน้าหล่อเสียวซ่านเม้มริมฝีปากแน่นก้มมองหน้าสวยกำลังกลืนแก่นกายเขาด้วยปากแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นหน้าเมญ่าเป็นหน้าแก้วกัลยา
“เชี้ย!” สายตาคมเบิกโพลงจ้องมองหญิงสาวที่อยู่กลางหว่างขาชัด ๆ เมญ่าเงยมองตาปริบ ๆ
“กลับไปได้แล้ว” ร่างหนาลุกพรวดเดินหน้ามุ่ยกำลังจะเข้าไปในตัวบ้าน
“เมญ่ากำลังทำให้คุณมีความสุขอยู่นะคะ”
“ไม่ต้อง”
“คุณตายด้านเพราะช็อกจากอุบัติเหตุที่ญี่ปุ่นหรือเปล่า” เมญ่าเอ่ยถามเรื่องคาใจตั้งแต่กลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อสี่เดือนก่อนเขาก็ทำตัวห่างเหินไม่พบเจอไม่มีสัมพันธ์กันเหมือนก่อนทำให้คิดไปว่าเขาอาจประสบเหตุทำให้ตายด้านจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น อัศวนัยยืนนิ่งหน้าเครียดเขาไม่ได้ตายด้านแต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์กับคนอื่นนอกจากลูกสาวคู่อริ
“ผมปกติแค่เหนื่อย ไว้นัดเจอกันวันหลัง” หน้าหล่อเอียงมองเพียงเล็กน้อยแล้วเดินไปยังบันไดกลางบ้าน เมญ่านิ่วหน้ามองแผ่นหลังหนาอย่างจับผิดถ้าเขาไม่ตายด้านก็มีอยู่อย่างเดียวคือเขากำลังสนใจผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ
