บทที่ 2 คู่แข่งตลอดกาล
ลิ้นอุ่นสอดแทรกควานหาความอ่อนนุ่มหวานหอมละมุนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหลจนลืมตัวเพลินกับการตอบโต้เย้ายวนอยากเกินถอนตัว กายหนาเบียดเข้าแนบชิดเสียงลมหายใจหอบผสานกระตุ้นให้คนที่กำลังรุ่มร้อนด้วยไฟราคะยิ่งที่ทวีความต้องการรุนแรงขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่มือเรียวดันอกหนาให้ออกห่างแต่เขาขืนเบียดดันร่างเล็กหลังชนผนังหน้าสวยเหยเกพยายามผละออกจากการกดจูบแสนเร่าร้อนหายใจติดขัดสองมือหนายังคงจับประคองใบหน้าเรียวไว้แน่นไม่ยอมให้ห่าง เธอส่งเสียงอู้อี้ในลำคอแล้วหลบเลี่ยงการตวัดลิ้นกวาดดื่มด่ำจนเขาหงุดหงิดยอมถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า
“ไม่ควร” ริมฝีปากบางบวมเจ่อเงยมองแววตาสั่นไหว หน้าหล่อโน้มเข้าใกล้แตะปลายจมูกโด่งสัมผัสกับปลายจมูกของเธอ
“อยากได้” เสียงทุ้มแหบพร่าหายใจหอบกระเส่าใกล้หน้าสวย
“ไม่ได้” เสียงหวานลากยาวหนักใจที่ต้องปฏิเสธทั้งที่ต่อต้านกับความรู้สึก
“แบบลับ ๆ ได้ไหม ขอร้อง.....” กายหนาเบียดเข้าชิดใกล้ลากปลายจมูกคลอเคลียดวงหน้าสวยช้า ๆ สร้างความวาบหวามให้หญิงสาวอ่อนแรงขาแทบทรุดแต่ต้องห้ามใจไม่อาจเกินเลยไปกว่านี้
“เราไม่ควรอยู่ใกล้กัน ไม่เผลอไผลต่อกันอีก” หน้าสวยหลบลงเลี่ยงหนีการคลอเคลียที่ทำให้หวั่นไหวก่อนจะดันเขาออกห่างเดินเลี่ยงหนีไม่อยากแพ้ใจตัวเองให้กับความสัมพันธ์ที่เป็นไปไม่ได้และต้องเป็นเพียงของเล่นแก้เบื่อให้กับเขา มือหนารีบคว้าข้อมือเธอแล้วทวงบุญคุณที่เขาเคยบอกให้ลืมมันไป
“ผมช่วยชีวิตคุณไว้ คุณเป็นของผมตั้งแต่วันนั้น” เสียงทุ้มเน้นหนักจ้องมองหลังบางที่กำลังจะเดินจากเขาไป หน้าสวยครุ่นคิดกับคำพูดของเขาแต่ก็เลือกดึงข้อมือตัวเองออกจากมือหนาแล้วค่อย ๆ เดินห่างเขาออกไปเรื่อย ๆ ไม่แม้แต่หันหลังมอง อัศวนัยจุกอกเมื่อถูกปฏิเสธอย่างเฉยชา เขาเอนพิงผนังห้องจัดแสดงหลับตาลงครุ่นคิดอย่างหนักถึงความสัมพันธ์ต้องห้ามไม่ควรเข้าใกล้และเผลอไผลกับเธออีก.....ทว่าลิปสติกกลิ่นหอมที่เปื้อนอยู่ริมฝีปากกับกลิ่นกายสาวยังติดปลายจมูกวนเวียนเข้ามาในโสตประสาททำให้เขาทรมานกับการฝืนความต้องการ
แก้วกัลยาเดินออกมานอกห้องจัดแสดงด้วยสีหน้าหม่นเศร้าค่อย ๆ หันหลังไปมองห้องจัดแสดงอีกครั้งด้วยแววตาสั่นไหวทุกวันนี้ชีวิตเธอต้องแบกรับความรับผิดชอบในฐานะลูกสาวของภรรยาหลวงได้รับแรงกดดันมากมายถาโถมเข้ามาใส่จนเธอแบกรับไม่ไหวแทบอยากจะหายตัวไปให้พ้น ๆ หากมีเรื่องความสัมพันธ์ต้องห้ามกับคู่แข่งของตระกูลเพิ่มเข้ามาอีก เธอคงทนแบกรับปัญหาพวกนี้เอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป..............
ย้อนไปเมื่อสามเดือนก่อนหน้านี้
ภูมิภาคหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น
การประชุมเกี่ยวกับการนำเข้ายางยนต์ของตัวแทนนานาประเทศรวมตัวกันเพื่อเปิดตัวยางยนต์ของบริษัทใหม่ที่มีประสิทธิภาพสำหรับยานยนต์ระดับไฮคลาส กลุ่มบริษัทต่างต้องการเป็นตัวแทนนำเข้ารวมถึงสองตระกูลพิตรพิบูลและจิรสิน สองตระกูลใหญ่คู่แข่งตลอดกาลของเมืองไทย อัศวนัย จิรสินผู้ติดต่อคือประธานบริษัทหนุ่มหล่อทายาทรุ่นที่สามของจิรสิน และบริษัทคู่แข่งแก้วกัลยา พิตรพิบูล ลูกสาวคนเล็กของประธานกรรมการบริหารที่ถนัดทำงานเบื้องหลังเท่านั้นแต่เพราะพ่อและพี่ชายติดไวรัสทำให้ป่วยต้องเก็บตัวเธอจึงต้องมาร่วมงานแทน
การร่วมประชุมยื่นเสนอข้อตกลงเพื่อพิจารณาคือหนึ่งประเทศจะมีเพียงหนึ่งบริษัทที่ได้นำเข้าเท่านั้น
เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง
แก้วกัลยา สวมชุดกระโปรงคลุมเข่าสีดำเรียบร้อยเป็นทางการใบหน้าของเธอสวยถูกแต่งแต้มในรอบเดือนเพราะต้องออกงาน อัศวนัยสวมสูทสีเข้มสอดสองมือในกระเป๋ากางเกงเดินตามหลังแก้วกัลยาแล้วกวาดสายตามองเธออย่างพิจารณาก่อนจะยกมุมปากเหยียดหยัน แก้วกัลยาเดินเคียงคู่กับนิสาเลขาของท่านประธานกำลังเดินเลี้ยวไปยังลิฟต์หางตาเธอเห็นเงาสะท้อนกระจกของอาคารว่าอัศวนัยกำลังมองมาทางเธอ ร่างบางหยุดกึกหันขวับไปมองทันทีทำให้คนที่เดินตามมาเปลี่ยนสีหน้าเหยียดหยันไม่ทันหยุดเดินกะทันหันเกือบถึงตัวเธอ
“มองฉันแบบนั้นทำไม?” เธอเอ่ยถามน้ำเสียงแข็งทื่อไม่ชอบใจทายาทของคู่แข่งตลอดกาล
“มองยังไง อย่างนี้เหรอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นทำหน้ายียวนท้าทายยกมุมปากเหยียดยิ่งกว่าเดิม
“ใช่” เสียงหวานกดต่ำจ้องมองขุ่นเคือง
“ก็ดูถูกไงคุณไง งานใหญ่ระดับประเทศแต่พิตรพิบูลส่งคนที่ไม่เคยทำงานมาติดต่อ คิดว่าที่นี่เป็นสนามเด็กเล่นงั้นสิ” อัศวนัยรู้สึกขุ่นมัวทางบริษัทคู่แข่งส่งคนไม่เป็นงานไม่มีตำแหน่งมาสู้กับเขาทำแบบนี้ตั้งใจดูหมิ่นความสามารถเขาชัด ๆ
“ฉันเป็นตัวแทนนำข้อตกลงมาเสนอ ก็แค่คนส่งเอกสารไม่เห็นต้องใช้ผู้บริหารระดับสูงมาเลยนี่หรือว่าทางจิรสินมองว่าคุณเป็นแค่คนส่งเอกสาร”
“ทางจิรสินเล็งเห็นทุกขั้นตอนของงานสำคัญเราทุ่มเทใช้ความสามารถตลอดกระบวนการไม่ไช่ทำอะไรส่งเดช เอาเด็กอ่อนหัดมาลงสนามทัศนคติความคิดยังด้อยอย่างนี้จะไปสู้กับใครได้”
“รอดูแล้วกันว่าทางจิรสินกับพิตรพิบูลใครจะได้เป็นตัวแทนนำเข้า” หน้าสวยเชิดขึ้นมองท้าทายมั่นใจว่าพ่อกับพี่ชายเตรียมการมาดี เขากระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ทำทีจะเดินผ่านเธอ
“เตรียมกระดาษทิชชู่เช็ดน้ำตาไว้เยอะ ๆ นะเด็กน้อย” เสียงเย้ยหยันในลำคอของเขากับสีหน้าแววตากวนประสาทช่างรบกวนอารมณ์ของแก้วกัลยาให้ขุ่นเคืองเพราะรู้ว่าตัวเองด้อยกว่าเขาหลายเท่า
“ไร้มารยาท!” เธอเหวี่ยงใส่หน้าตาขึงขัง อัศวนัยทำเฉยไม่สะทกสะท้านเดินผิวปากไปที่ลิฟต์อย่างอารมณ์ดี
“ช่างเถอะค่ะ กลับไปเตรียมตัวรับประทานอาหารเย็นตามคำเชิญของบริษัทกันดีกว่า” นิสาแตะแขนลูกสาวเจ้านายให้เดินไปยังลิฟต์เพราะเย็นนี้ยังมีนัดสำคัญอยากให้อารมณ์ดียิ้มสดใสให้ดูเป็นคนอัธยาศัยดีน่าคบค้าสมาคมช่วยให้ทางบริษัทยางยนต์อาจเก็บพิตรพิบูลไว้พิจารณา แก้วกัลยาหน้างอถอนหายใจเหนื่อยหน่ายการมาติดต่อธุรกิจไม่ใช่ตัวเธอเลยสักนิดเธอไม่ชอบพบปะผู้คนมากมาย ชอบเขียนโปรแกรมระบบปฏิบัติการเงียบ ๆ คนเดียวไม่สุงสิงกับใครแต่ต้องมาเข้าสังคมปั้นหน้ายิ้มแย้มแต่งหน้าแต่งตัวสวยราวกับพญาทั้งที่ฝืนใจอยากกรีดร้องออกมาสุดเสียง
ร้านอาหารในสวนจัดขึ้นเป็นงานเลี้ยงรับรองในช่วงค่ำ
ตัวแทนจากนานาประเทศมาร่วมรับประทานอาหารตามคำเชิญของบริษัทยางยนต์ อัศวนัยสวมเชิ้ตสีดำทับด้วยสูทกางเกงแสลคนั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนทางด้านธุรกิจอยู่กับผู้บริหารของทางญี่ปุ่นเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีและแสดงวิสัยทัศน์เพื่อชนะการคัดเลือก ระหว่างที่พูดคุยกับผู้บริหารเขาเหลือบมองผู้หญิงร่างสูงระหงเดินเข้ามาในงาน แก้วกัลยาสวยมั่นสะกดสายตาเกล้าผมหลวม ๆ สวมชุดราตรีสีดำเปิดไหล่กระโปรงยาวเข้ารูปสวมถุงมือสูงถึงข้อศอกดูเหมือนเป็นนางแบบมากกว่านักธุรกิจ ผู้ร่วมงานต่างพากันหันมองหญิงสาวที่เดินนวยนาดปรายตามองรอบข้างราวกับอยู่บนเวทีสวยสง่าสมกับเป็นคุณหนูเล็กของตระกูลพิตรพิบูลมีแม่เป็นถึงนางงามของประเทศได้ความสวยสง่าของแม่มาเต็ม ๆ อัศวนัยหันมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยหากแต่แววตานั้นเป็นประกายกำแพงสูงที่สองตระกูลสร้างขึ้นมาทำให้เขารู้สึกว่าแม้ผู้หญิงตรงหน้าสวยแค่ไหนก็ไม่ควรเข้าใกล้
นิสาปรายตามองเบะปากหมั่นไส้ลูกสาวเจ้านายสวยเกินหน้าเกินตาจนน่ารำคาญก่อนจะสะกิดให้เธอหันมองไปทางผู้บริหาร แก้วกัลยาประหม่าเมื่อเห็นอัศวนัยนั่งอยู่กลัวว่าจะถูกเขาเหน็บหักหน้าให้เธออับอาย
“นายนั่นอยู่ด้วยเขาอาจจะพูดจาทำลายความน่าเชื่อถือของบริษัทเราหรือเปล่า”
“ต่อให้เราไม่เข้าไปเขาก็พูดค่ะ สู้เราเข้าไปสวัสดีทักทายตามมารยาทดีกว่า” นิสาเสนอแนะตามประสบการณ์อันช่ำชองในการออกงานและอยู่ใกล้ชิดผู้บริหารระดับสูงมากว่าสิบปี
แก้วกัลยานิ่งคิดก่อนจะเดินตรงไปยกมือไหว้คุณทามาดะอย่างอ่อนน้อมและแนะนำตัวด้วยภาษาญี่ปุ่น อัศวนัยเงยมองหญิงสาวตรงหน้าตาไม่กะพริบเธอมีเสน่ห์ชวนมองไม่ใช่เพียงรูปร่างหน้าตาแต่บุคลิกภาพท่าทางมุ่งมั่นแฝงไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนช่างมีเสน่ห์น่าค้นหา แก้วกัลยาแสร้งหันมายิ้มหวานให้กับอัศวนัยเพื่อสร้างภาพต่อหน้าคุณทามาดะว่าถึงสองบริษัทจะเป็นคู่แข่งกันแต่ก็ยังมีสัมพันธ์อันดีทางพิตรพิบูลจะได้ดูเป็นผู้น้ำใจแม้แต่กับคู่แข่งก็ตาม
อัศวนัยมองตาเยิ้มยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเรื่องเสแสร้งเล่นละครคืองานถนัดและเขารู้ทันความคิดเธอว่าหันมายิ้มให้เขาทำไมเลยลงเล่นในสนามด้วยเช่นกัน ระหว่างนั้นเสียงภายนอกก็ดังก้องพื้นดินสั่นสะเทือนมีเสียงไซเรนดังระงมจากนั้นทุกอย่างภายในงานสั่นไหวพื้นดินสั่นสะเทือนแรงขึ้นไฟฟ้าดับรอบข้างมืดสลัวผู้คนกรีดร้องวิ่งหนีกันหาที่กำบัง
