บทที่ 1 ความต้องการต้องห้าม
อาคารกระจกสูงใจกลางเมือง
อัศวนัยผู้บริหารระดับสูงสวมสูทผูกเนกไทสีเข้มหน้าหล่อคมเข้มแววตาหยาดเยิ้มแฝงความขี้เล่นกวน ๆ เล็ก ๆ รูปร่างสูงกำยำสมาร์ตน่าเกรงขามกำลังก้าวเดินบริเวณล็อบบี้ชั้นล่างเพื่อออกไปประชุมกับลูกค้าพร้อมกับเลขาและผู้ช่วยที่เดินเร็วตามให้ทันเจ้านาย พนักงานต่างเลี่ยงหลบก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้บริหารระดับที่เคร่งขรึมขึ้นชื่อว่าดุที่สุดในบริษัทนี้ เมื่อประตูรถคอมมูเตอร์คันหรูเปิดออก เมญ่านางแบบชื่อดังใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยวผิวขาวสว่างสวมชุดกระโปรงสั้นรัดรูปร่างสีดำสนิทมีเข็มกลัดโบว์ของแบรนด์ดังติดบนอกซ้ายกำลังนั่งส่งยิ้มหวานสลับขาเรียวไขว่ห้างเซ็กซี่เย้ายวน
“ผมไม่ได้เรียกมา” เสียงทุ้มกดต่ำบึ้งตึงไม่พอใจก่อนจะก้าวขึ้นมานั่งบนรถปิดประตู
“วันนี้ว่างอยากอยู่ใกล้คุณทั้งวันก่อนจะไปปารีสพรุ่งนี้” เมญ่าหน้าเสียช้อนตามองออดอ้อนเธอเป็นคนสนิทที่สุดของเขาแต่เขายังให้สถานะคู่นอนไม่ใช่คนรักอย่างที่เคยเป็นข่าว
“งานคุณยุ่งมากเลยเหรอคะตั้งแต่กลับมาจากญี่ปุ่น เราไม่ค่อยนัดเจอกันเลย” มือเรียวค่อย ๆ แตะลงแขนแกร่งแผ่วเบาอย่างประหม่ากลัวถูกไล่ลงจากรถ
“อึม” เขาตอบในลำคอดึงแขนออกแล้วเบือนหน้ามองนอกหน้าต่างรถแสดงออกชัดว่ารำคาญ เมญ่าฝืนยิ้มลากเสียงอ้อนแม้จะขุ่นเคืองที่เขาเมินเฉย
“หลังคุณคุยงานกับลูกค้า เราไปนั่งดริ้งค์กันนะคะ” อัศวนัยเหลือบมองเมญ่าเล็กน้อยพลางพ่นลมหายใจช่วงนี้เขากระวนกระวายหมกมุ่นนึกถึงแต่ใครบางคนที่ไม่ควรนึกถึงจนรบกวนจิตใจหงุดหงิดไปเสียทุกสิ่ง
งานนิทรรศการภาพวาดและการแสดงศิลปะนานาชาติ
แก้วกัลยา หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวระหงผิวขาวเนียนสีผมน้ำตาลอ่อนเป็นลอนเคลิฟรวบมัดไว้ข้างหลัง ใบหน้าของเธอสวยโฉบเฉี่ยวดวงตาหงส์หางตายกขึ้นเล็กน้อยรับกับจมูกโด่งเรียวปลายจมูกรั้นนิด ๆ ดูเย่อหยิ่งไร้ความเป็นสาวน้อยอ่อนหวานอย่างที่ใครเคยกล่าวถึง ร่างบางกำลังเยื้องย่างบนรองเท้าส้นสูงสองมือประสานจับหูกระเป๋าใบเล็กสำรวมกิริยามารยาทในการชมนิทรรศการภาพวาดด้วยชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อนแขนยาวกระโปรงบานยาวคลุมเข่าเรียบร้อยให้เกียรติสถานที่จัดแสดง
มารุตว่าที่คู่หมายลูกชายของคุณหญิงกมลวรรณเป็นผู้จัดแสดงนิทรรศการนี้กำลังอธิบายแรงบันดาลใจของศิลปินในการออกแบบแต่ละชิ้นงาน แก้วกัลยาเดินชมและฟังเขาจนมาหยุดที่ภาพวาดสีสันหลากหลายหมุนวนพาดกันวุ่นวายเน้นสีแดงและสีดำขนาดใหญ่พันทั่วทุกสีที่อยู่ในภาพ
“ภาพนี้นักวาดชารอฟจากสเปน แรงบันดาลใจคือความมืดดำในจิตใจคนแม้จะแสดงออกด้วยท่าทางหลากหลายแต่ซ่อนความดำมืดและชั่วร้ายไว้ลึก ๆ ภายในจิตใจ” มารุตมองภาพอธิบายแรงบันดาลใจแล้วปรายตามองแก้วกัลยาที่ยืนดูภาพอยู่ข้าง ๆ
“ลึกซึ้งมากค่ะ”
“ครับ ก็เหมือนกับคุณลยาท่าทางคำพูดเรียบร้อยอ่อนหวานอาจมีตัวตนดำมืดบางอย่างซ่อนอยู่” มารุตยกยิ้มมุมปากมองหญิงสาวว่าที่คู่หมายอย่างหยั่งเชิง
“ใช่ค่ะ เพราะไม่ใช่ทุกที่ที่เราจะแสดงออกถึงสิ่งที่ต้องการได้” แก้วกัลยาแสร้งยิ้มยืดอกพูดมั่นใจไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของเขา
“ใช่ครับ ภาพนี้เลยเป็นเดอะเบสที่ผมชอบมาก” มารุตลอบยิ้มชอบใจที่เธอฉลาดตอบหากเป็นผู้หญิงคนอื่นที่เคยมาดูตัวถูกเขาพูดเหน็บแบบนี้ก็มักจะโมโหแสดงตัวตนออกมาให้เห็นแต่แก้วกัลยาเก็บอาการได้ดีกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยมาที่นี่ แก้วกัลยารู้ว่าเขาจะเหน็บเลยไม่แยแสหันไปอีกทางเพื่อเดินชมงาน ก่อนจะเห็นอัศวนัยกำลังยืนหันข้างดูรูปภาพอยู่กับหญิงสาวสวยคนหนึ่งเธอชะงักกึกหัวใจเต้นแรงเปลี่ยนใจไม่เดินไปทางนั้น
“นี่ห้องอะไรคะ” ร่างระหงรีบหันกลับมาชี้ประตูสีดำมีลูกศรติดและเขียนว่าทางเข้า
“เป็นห้องมืดสำหรับแสดงแสงสีเสียงของศิลปินรังสรรค์ขึ้นมาอย่างทันสมัย” มารุตพูดจบกำลังจะเดินนำเธอเข้าไปในห้องนิทรรศการแสงสีเสียงแต่พนักงานสาวคนหนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาเขาและแจ้งเขาว่าลูกค้ารายใหญ่กำลังมา
“ผมต้องไปต้อนรับลูกค้า คุณลยาจะนั่งรอที่ห้องรับรองก่อนไหมครับ”
“ไม่เป็นไร ขอเดินดูงานเรื่อย ๆ ดีกว่า” ริมฝีปากสีพีชยิ้มน้อย ๆ ทอดสายตามองรอบงาน
“งั้นเชิญตามสบายครับ” มารุตโน้มหน้าเล็กน้อยขอตัวเดินไปกับพนักงานเพื่อไปต้อนรับลูกค้า เพียงคล้อยหลังมารุต แก้วกัลยาหุบยิ้มหน้าตึงถอนหายใจฝืนวางตัวดีอยู่นานสองนานจนอึดอัดแล้วหันมองไปทางอัศวนัยไม่เห็นเขาอยู่ตรงนั้น เธอคิดว่าเขาคงไม่เห็นหรือเห็นแต่ไม่อยากเจอเพราะเขาบอกว่าห้ามทักทายกันหรือแม้แต่ยิ้มให้ หน้าสวยหม่นเศร้าเสียดายได้เจอคนที่คิดถึงแต่ทักทายไม่ได้เลยเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องมืดแสดงแสงสีเสียงหลบเลี่ยงผู้คนอยากอยู่ส่วนตัวเงียบ ๆ ลำพัง
ภายในห้องมืดเป็นโถงขนาดใหญ่มีแสงไฟระยิบระยับสลับกับการฉายภาพฝีมือของศิลปินขึ้นมาและให้ผู้เข้าชมเดินตามโคมไฟดวงเล็กไปจนสุดทาง เท้าเรียวก้าวเดินเชื่องช้าอยากใช้เวลาอยู่ในนี้สักพักหลีกหนีผู้คนเหนื่อยกับการปั้นหน้าสร้างภาพเต็มทน เมื่อเดินมาถึงกลางห้องจัดแสดงแก้วกัลยารู้สึกว่ามีผู้ชมกำลังเดินตามหลังมาเลยหันไปมองท่ามกลางความมืดสลัวทันใดนั้นดวงตาสวยก็เบิกโพลงใจเต้นแรงเมื่อเจอชายที่เธอเฝ้าคิดถึงมาตลอดหลายเดือนทันทีที่มีสติเธอก็หันหนีกลัวจะเผลอยิ้มดีใจให้เขาเห็น
“เป็นแฟนเจ้าของที่นี่เหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามสองมือล้วงกระเป๋าหันหน้าเข้าผนังสีดำเว้นระยะห่างแสร้งว่ายืนมองผลงานของศิลปิน
“ไหนว่าห้ามทักทาย ห้ามคุยกัน”
“จะแต่งงานเมื่อไหร่?” เขายิงคำถามที่อยากรู้และเลี่ยงตอบคำถามเธอ
“แค่มาให้ว่าที่คู่หมายดูตัว ยังไม่รู้ว่าเขาจะเอาหรือเปล่า” เสียงหวานอ่อนลงคำพูดของพ่อยังก้องหู (ลูกสาวทำได้ดีสุดก็แค่แต่งงานเชื่อมสองตระกูลให้เอื้อธุรกิจกันเท่านั้น)
“คุณยอมให้พวกเขาทำเหมือนคุณเป็นสินค้าได้ยังไง” อัศวนัยหน้าเครียดรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจในเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของตัวเอง
“เพื่อคอนเนคชั่นของครอบครัว ลูกผู้หญิงทำได้ดีที่สุดแค่นี้แหละค่ะ”
“เอาลูกสาวมาเสนอตัวให้ผู้ชายเนี่ยนะ ทางพิตรพิบูลด้อยค่าคุณเกินไป” เสียงทุ้มเน้นหนักคล้ายเหยียดหยันในคำพูดทำคนฟังอ่อนไหวถึงกับสะอึก
“............”
“ผมไม่ได้ช่วยคุณเพื่อให้มาขายตัว” เมื่อเธอนิ่งยิ่งทำให้เขาขุ่นเคือง ดวงตาสวยกะพริบถี่กลั้นน้ำตาของความอัปยศ
“นั่นสิ ฉันก็คิดอยู่ถ้าตายไปตั้งแต่ตอนแผ่นดินไหวก็ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพทุเรศแบบนี้” หน้าสวยหม่นเศร้าน้ำเสียงสั่น อัศวนัยชะงักหันเชื่องช้า
“อย่าตาย.....” หน้าคมแสดงออกถึงความห่วงใยนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้ยินเธอพูดเรื่องตาย
“ฉันตายทั้งเป็นมานานแล้ว ที่ยืนอยู่เป็นแค่หุ่นเชิดไม่มีชีวิตจิตใจ” เธอเอียงมองเขาเล็กน้อยน้ำเสียงเศร้า ๆ แม้ภายในห้องมืดสลัวแต่อัศวนัยเดาได้ว่าใบหน้าสวยกำลังหม่นเศร้าแค่ไหน
“อย่าคิดแต่เรื่องแย่ ๆ คุณมีค่ามากกว่านั้น” กายหนาเขยิบเข้าใกล้จับมือเรียวมากุมไว้หวังให้กำลังใจ แก้วกัลยาปล่อยให้เขาจับมือเธอไว้ไม่ต่อต้าน ทั้งสองยืนจับมือกันในความมืดท่ามกลางงานแสดงภาพแสงสีเสียงเป็นพื้นที่ลับตาให้สองตระกูลที่เป็นคู่แข่งได้หลบซ่อนมอบความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน ไม่นานนักเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินเข้ามาในพื้นที่จัดแสดงอัศวนัยดึงมือเธอให้เดินตามออกจากแนวทางเดินแล้วเปิดผ้าม่านสีดำที่เป็นฉากหลังขึ้น ทั้งสองเข้าไปยืนเคียงคู่ชิดใกล้ หน้าสวยเงยมองเขาในความพร่ามัวมองไม่ชัดว่าเขาทำอะไรรู้เพียงลมหายใจอุ่นรดลงพวงแก้มเนียนและมากขึ้น
แม้จะเป็นอริกันแต่เธอไม่ได้ต่อว่าด่าทอใด ๆ เขาใจเต้นแรงตื่นเต้นที่อยู่ใกล้ชิดทั้งที่เป็นเสือผู้หญิงผ่านคนสวยมานักต่อนักแต่ไม่เคยประหม่าเท่านี้ หน้าหล่อเคลื่อนหน้าเข้าใกล้ทีละนิดจนชิดใกล้ก่อนจะแตะริมฝีปากอุ่นบนปากนุ่มเบา ๆ แล้วผละออกจูบซับซ้ำ ๆ จนเธอตอบสนองกลับ กายหนาร้อนรุ่มหมดความอดทนยกสองมือขึ้นประคองดวงหน้าสวยกดจูบบดขยี้ปากบางอย่างโหยหาดื่มด่ำไปกับความต้องการต้องห้ามที่แม้อยากได้แค่ไหนก็ไม่อาจได้มาครอบครอง
