บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

วันต่อมาหลงจู๊หานก็มาเยือนที่จวนตระกูลสวีแต่เช้าตรู่ นางไม่รู้ว่าเขาบอกคนด้านนอกว่าอย่างไร เรื่องที่บิดาของนางกู้ยืมเงินจึงไม่ได้ถูกลือออกไป

เพียงเข้ามาด้านในจวน หลงจู๊หานก็เอ่ยออกมาในทันที

“คุณหนูโจว ข้ามาทวงสัญญาจากท่าน”

“หลงจู๊หาน ข้ายอมยกทรัพย์สินทั้งหมดพร้อมทั้งจวนให้ท่านเป็นค่าดอก เมื่อข้าเข้าพบบิดาได้ ข้าจะหาทางใช้หนี้ทั้งหมดให้แก่ท่าน” นางเอ่ยอย่างใจเย็น

“หึ สัญญาระบุไว้แล้ว ข้าไม่อาจทำตามสิ่งที่คุณหนูร้องขอได้ ไม่เช่นนั้น” เขาปรายตาไปมองร่างเล็กของหงอี้ที่หลบอยู่ที่ประตูห้องโถง

“ท่านคิดจะทำอันใด” เพียงนางเอ่ยถาม คนของหลงจู๊หานที่เขาพามา ก็เข้าจับตัวของหงอี้ไว้ทันที

รั่วอินไม่อาจรักษาท่าทางเยือกเย็นของนางไว้ได้อีกแล้ว นางหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา หากไม่มีขนตาที่ยาวขวางกั้นน้ำตาไว้ ไม่แน่นางในตอนนี้คงได้ร่ำไห้ออกมาให้เขาได้เห็น

“หากท่านยอมให้ข้าพาตัวคุณชายน้อยไป ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องที่ท่านร้องขอจะเป็นไปไม่ได้” หลงจู๊หานยกยิ้มที่มุมปาก

รั่วอินหวาดกลัวเกินกว่าจะเอ่ยสิ่งใดออกมา นางมองหงอี้ที่ดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของคนงานหลงจู๊หานอย่างสงสาร

แต่ก่อนที่นางจะตัดสินใจยอมแพ้กับโชคชะตาที่โหดร้าย แล้วประทับชื่อลงในสัญญาขายตัว เสียงเย็นชาด้านหลังของหลงจู๊ก็ดังขึ้น

“เกิดเรื่องอันใดขึ้นรึ” หลงจู๊หันไปมองผู้มาเยือน ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างนอบน้อม

ไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงไม่รู้จักเขา เซียวรุ่ยเผิง รองตุลาการศาลต้าฉี ขุนนางหนุ่มวัยเพียงยี่สิบสามหนาว ผู้ใดจะคิดว่าบัณฑิตหนุ่มที่ไม่มีคนหนุนหลังจะก้าวมาอยู่ในจุดนี้ได้อย่างรวดเร็ว

เพราะการทำคดีที่เที่ยวตรง ทั้งการตัดสินที่โหดเหี้ยม เขาถูกยกย่องจากชาวเมืองหลวงว่าเป็นขุนนางตงฉิน แม้แต่ฮ่องเต้ยังโปรดปรานความสามารถของเขา

เขายังเป็นผู้ที่มาคุมตัวบิดาของนางไปขังไว้ที่คุกหลวงอีกด้วย

รั่วอินขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าเขามาเยือนด้วยตนเองในวันนี้ เพราะเหตุใด

เซียวรุ่ยเผิงมองหลงจู๊หานแวบหนึ่งก่อนจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้านาง

ไม่ต่างจากข่าวลือในเมืองหลวงที่คนพูดถึงนางมากนัก สตรีงดงาม ดอกไม้ที่ถูกซ่อนอยู่ในจวนตระกูลโจว ท่วงท่ากิริยางามสง่า ดวงตามีม่านน้ำคู่นั้นซ่อนความงามที่ไม่มีผู้ใดจะเทียบได้

ในตอนนี้ท่าทางที่ตกระกำลำบากของนางไม่มีผู้ใดที่มองมาแล้วจะไม่นึกเห็นใจ แต่เซียวรุ่ยเผิงก็มองนางอย่างเย็นชา

รั่วอินก้มหน้าลงอย่างอับอายนางเคยถูกผู้ใดปรายตามองเช่นนี้เสียที่ไหน สองแก้มปรากฏรอยแดงเรื่อยอย่างนึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที

“นายท่านโจวกู้ยืมเงินจากโรงรับจำนำ เป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนตำลึง วันนี้ครบกำหนดชำระเงิน ข้าน้อยจึงมาทวงถามขอรับ” หลงจู๊หานเอ่ยบอกถึงประสงค์ที่เขามาในวันนี้

“เช่นนั้นหรือ” เขาลากเสียงยาวอย่างไม่ใส่ใจ

“คุณหนูโจวท่านก็นำเงินมาจ่ายให้หลงจู๊หานก็สิ้นเรื่อง” เขายกยิ้มที่มุมปาก

รั่วอินที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ่งอับอาย เหมือนเขากำลังตั้งใจจะดูถูกนาง เพราะรู้ว่าจำนวนเงินมากเพียงนี้นางไม่อาจหามาใช้ได้

นางกำมือแน่นอย่างอับจนหนทาง ก่อนจะอ้าปากเพื่อเอ่ยพูดบางสิ่งบางอย่าง แต่ก็ถูกเซียวรุ่ยเผิงเชิญตัวไปพูดคุยตามลำพัง

“หลงจู๊หาน ท่านรอสักครู่เถิด ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับคุณหนูโจว”

“ขอรับ” เซียวรุ่ยเผิงเดินนำหน้ารั่วอินเข้าไปด้านในห้องโถง คนของเขาขวางหน้าประตูไม่ให้แม่นมโจวกับเสี่ยวจินเข้ามาด้านในได้

“ท่านมีสิ่งใดก็พูดเถิดเจ้าค่ะ” รั่วอินก้มหน้าเอ่ยเสียงเบา นางไม่อยากเงยหน้าเพื่อสบตากับสายตาที่เหยียดหยามนางในตอนนี้

เมื่อถึงคราวเคราะห์เรื่องที่ไม่เคยพบเห็นก็ได้พบเห็น นางในตอนนี้เพิ่งจะถูกถอนหมั้น หากข่าวลือถูกพูดออกไป ไม่รู้ว่าจะมีคนมากแค่ไหนที่อยากมารังแกนาง

“เช่นนั้นข้าก็จะไม่อ้อมค้อม” เซียวรุ่ยเผิง เดินเข้ามาหานางช้าๆ พร้อมทั้งก้มลงกระซิบข้างใบหูของนาง

“ข้าจะจ่ายหนี้ที่บิดาของเจ้าติดไว้ แต่เจ้าต้องมาเป็นภรรยาลับของข้า”

รั่วอินลุกขึ้นจากเก้าอี้ ถอยหนีอย่างตกตะลึง นางไม่อยากเชื่อว่าคนที่ถูกพูดถึงว่ามีคุณธรรมจะมีความคิดเช่นนี้ออกมาได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel