บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

ในความคิดของญาดาเวลานี้ เธอมักจะเฝ้าบอกตัวเองให้อดทนและต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากไปให้ได้ ถ้าบริษัทเก่าปกป้องเธอบ้างเพราะไม่ได้ทำอะไรผิดก็คงไม่ยื่นใบลาออกแต่นี่กลับเลือกปกป้องคนผิดแล้วพยายามทำเหมือนเธอคือคนก่อเรื่องเสียเอง

แต่ฟ้าหลังฝนกำลังสดใส เพราะจู่ๆ ก็มีบริษัทแห่งหนึ่งโทรมาสัมภาษณ์เบื้องตนเธอในตำแหน่งเลขาส่วนตัวของผู้บริหาร ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีทางนั้นจึงนัดหมายวันเข้าไปสัมภาษณ์อีกครั้งที่บริษัท แค่มีบริษัทโทรมาทำนองนี้เธอก็ดีใจจนอยากตะโกนแล้ว

เมื่อถึงวันนัด ญาดาก็ตื่นแต่เช้าแล้วจัดการแต่งหน้าทำผมปรับลุคให้ตัวเองโตขึ้นอีกหน่อยเพื่อสร้างความภูมิฐานให้เหมาะสมกับตำแหน่งงานใหม่ที่เธอนั้นต้องคว้ามาให้ได้ ทว่าก่อนออกจากบ้านเธอกลับได้รับสายจากต่างประเทศ

ทันทีที่คุยเสร็จโทรศัพท์ในมือของญาดาก็แทบจะร่วง หัวใจของเธอกระตุกตั้งแต่ประโยคแรกที่ได้ยิน นั่นเพราะไม่คิดว่าผู้เป็นน้าที่เวลานี้ทำงานอยู่ที่ออสเตรเลียจะล้มป่วยและเธอจำต้องหาเงินก้อนโตไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล

“จะไปหาเงินที่ไหนตั้งเกือบล้าน” สีหน้าของญาดาเต็มไปด้วยความเครียด แม้จิตใจจะไม่สงบนักแต่เธอก็ไม่ได้ยกเลิกนัดยังคงเดินทางไปสัมภาษณ์งาน แม้จะได้รับข่าวร้ายแต่ยังไงชีวิตก็ต้องมีงานเพื่อมีเงิน

ญาดาเดินทางไปบริษัทด้วยความมุ่งมั่นแม้ในใจจะคิดห่วงอาการป่วยของน้าสาวตลอดเวลา แต่เมื่อมาถึงก็ต้องสลัดทิ้งไปก่อนชั่วคราว

“เชิญข้างในค่ะ” พิยาดายิ้มให้ญาดาอย่างเป็นมิตร เจ้านายเธอตาแหลมไม่เบาเพราะเลขาคนใหม่สวยน่ารักไม่น้อยเลย ดูจากโปรไฟล์แล้วก็เพอร์เฟคเพราะเรียนเก่งได้เกียรตินิยม

ญาดาเข้าไปนั่งรอในห้องสัมภาษณ์ประมาณสิบนาทีประตูห้องก็ถูกเปิดออกและคนที่ก้าวเข้ามาก็ทำให้เธอตกใจเล็กน้อย นั่นเพราะไม่คิดว่าจะใช่ลูกค้าคนแรกที่เธอขับรถให้ ในขณะที่ณตินก็ทำเฉยไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องในคืนนั้นแต่อย่างใด พลอยทำให้ญาดาคิดเอาเองว่าชายหนุ่มอาจจะเมาจนจำอะไรไม่ได้รวมถึงเธอด้วย ซึ่งเป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว

ซึ่งการพูดคุยระหว่างเธอกับณตินก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างหรือพิเศษไปจากการสัมภาษณ์งานทั่วไป กระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วโมงทุกอย่างก็จบลง ณตินรับเธอเข้าทำงานในตำแหน่งเลขาส่วนตัวโดยขอให้ญาดาเริ่มงานทันทีซึ่งเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

หลังการสัมภาษณ์เสร็จสิ้นญาดาก็ตรงกลับบ้าน แม้จะได้ข่าวดีตามที่คาดหวังทว่าสีหน้าของเธอก็ยังคงเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องนอนที่อยู่ชั้นสองของบ้าน เปิดลิ้นชักข้างเตียงนอนแล้วหยิบสมุดเงินฝากประจำของธนาคารแห่งหนึ่งออกมาดู ซึ่งยอดเงินมีอยู่มันยังห่างไกลจากยอดค่ารักษาพยาบาลของน้าสาวอีกมาก

ญาดาชั่งใจว่าเธอจะต้องไปหาเงินจากไหน ญาติพี่น้องนอกจากน้าสาวแล้วก็ไม่มีใครให้พึ่งพา บ้านที่อยู่ตอนนี้ก็เอาโฉนดไปกู้แบงค์เพื่อนำเงินมาส่งเธอเรียนรวมถึงแบ่งเงินส่วนหนึ่งเป็นทุนให้น้าสาวไปต่างประเทศ หนี้ก้อนนั้นเธอยังต้องใช้คืนให้แบงค์อยู่ทุกเดือน

ก่อนที่เสียงออดซึ่งดังขึ้นจากหน้าบ้านจะทำให้เธอสะดุ้ง ญาดาชะเง้อมองออกไปตรงประตูรั้วเพื่อดูว่าใครก่อนจะตกใจเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเขา

“คุณณติน” เธออุทานชื่อชายหนุ่มออกมาแล้วรีบลงไปหาทันที

“เปิดประตูให้ฉันเข้าไปหน่อย พอดีมีธุระสำคัญจะคุยด้วย”

“คุณมาบ้านฉันถูกได้ยังไง” แทนที่จะเปิดประตูให้ตามที่ณตินบอกเจ้าบ้านสาวกลับเอ่ยถามแขกที่ไม่ได้รับเชิญออกไปแทน แม้จะเกรงใจเพราะยังไงเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นว่าที่เจ้านายก็ตาม

“ก็แค่ขับรถมาตามที่อยู่บนใบสมัครงานไม่ได้ยากอะไร เปิดได้หรือยัง”

“เอ่อคือว่า”

“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก คุยธุระเสร็จก็จะกลับ” ณตินเอ่ยบอกอย่างหนักแน่น ตอนนี้ไม่ทำแต่อนาคตไม่ทำไม่ได้ สีหน้าของญาดาดูลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมเปิดประตูรั้วเพื่อต้อนรับชายหนุ่ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปนั่งในบ้านแต่ก็ยังคงระแวดระวังตัวเสมอ

“เชิญค่ะ”

“ขอบคุณ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก แต่นั่งได้ไม่นานชายหนุ่มก็พูดเข้าประเด็นสำคัญทันที “ฉันมานั่งคิดทบทวนดูแล้วดูเหมือนว่างานในตำแหน่งเลขามันจะไม่เหมาะกับเธอเท่าไหร่ ฉันกลัวจะเสียความรู้สึกเลยตัดสินใจมาบอกข่าวด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า”

“อะไรนะคะ” ความหวังของญาดาพังทลายลงทันทีทั้งๆ ที่เธอพึ่งดีใจได้ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ งานที่เธอหวังจู่ๆ ก็ลอยจากไปจนคว้าไว้ไม่ได้แล้ว

“เธอสอบสัมภาษณ์ในตำแหน่งเลขาไม่ผ่าน” คำพูดของณตินเหมือนฟ้าที่ผ่าลงมากลางศีรษะของญาดาก็ว่าได้ สีหน้าของเธอดูเสียใจจนปกปิดไว้ไม่อยู่ กระทั่งเสียงของณตินจะดังขึ้นและดึงสติของเธอให้กลับมา “แต่ฉันมีงานอีกตำแหน่งจะเสนอให้เธอทำ”

“ตำแหน่งอะไรหรือคะ” แสงแห่งความหวังเกิดขึ้นกับญาดาอย่างฉับพลันทั้งๆ ที่เมื่อครู่มันแทบจะเลือนหายไปแล้ว ณตินสบตาเธอครู่หนึ่งแล้วจึงพูดทุกอย่างออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม เพราะเขาไม่มีเวลาแล้วนั่นเอง

ญาดาช็อกจนแทบหยุดหายใจ นั่นเพราะไม่คิดว่าจะมีคนมาพูดอะไรทำนองนี้กับเธอมาก่อน ไม่คิดไม่ฝันว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองได้ ใบหน้าสวยเจื่อนลงไปหัวใจก็เต้นรัวเพราะความกลัวและสิ้นหวัง

“ฉันขอคำตอบอย่างช้าภายในพรุ่งนี้เที่ยง ถ้าเธอตกลงช่วงบ่ายเราจะไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกัน” เวลานี้ญาดาเกิดอาการหูอื้อจนฟังณตินได้ไม่ครบทั้งประโยคด้วยซ้ำ แต่ก็พอจะสรุปใจความได้

“แล้วถ้าฉันไม่ตกลงละคะ”

“เธอก็จะไม่ได้งานที่บริษัทฉันรวมถึงบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในเครือและบริษัทของบรรดาเพื่อนๆ ฉันด้วย รู้ใช่ไหมว่าฉันมีพาวเวอร์เรื่องพวกนี้มากแค่ไหน” แม้จะไม่อยากขู่อีกฝ่ายแต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ทำให้ณตินเลือกที่จะทำแบบนั้น

“คุณกำลังขู่และบีบบังคับฉัน” ดวงตาทั้งสองข้างของญาดาแดงก่ำ น้ำตากำลังเอ่อคลอและใกล้จะไหลอาบแก้มเต็มที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel