บทนำ 2
“ถ้ามีลูกค้ามาเกาะแกะหรือว่าชวนให้ไปนอนด้วยก็ให้บอกว่านั่งดริงก์อย่างเดียว ถ้ามีคนมาตามตื๊อมาก ๆ ให้มาบอกฉัน เข้าใจไหม” ผู้จัดการถาม ยื่นชุดทำงานให้เปลี่ยน หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยคำขอบคุณออกมา
“ขอบคุณค่ะ”
“เริ่มงานได้เลย ลูกค้าทยอยมาแล้ว” ผู้จัดการเพยิดหน้าไปทางหน้าประตู
หญิงสาวเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเดินออกมา
เพราะหญิงสาวหน้าตาดีอยู่แล้ว วันแรกจึงมีคนจองตัวไปนั่งด้วย เขาเป็นเสี่ยวัยกลางคน ท่าทางจะกระเป๋าหนักน่าดู โชคดีที่ลูกค้าคนแรกไม่คิดรุ่มร่ามกับเธอ นอกจากเมียงมองและสอบถามทั่วไปเท่านั้น
เวนิสตารู้สึกสบายใจที่จะอยู่ใกล้ชายคนนี้ กระนั้นเธอก็ต้องคอยสังเกตด้วยว่าลูกค้าคิดเล่นตุกติกอะไรไหม
“เดี๋ยวเวสั่งกับแกล้มให้นะคะ”
หมับ
ลูกค้าเสี่ยจับตัวเธอเข้าก่อนจะบอก “ฉันว่าสั่งมาเยอะ ๆ ไม่น่าดีนะหนู ฉันยังไม่อยากจ่ายหนัก หนูเองดูแล้วก็ยังเป็นมือใหม่อยู่ อย่าเพิ่งเรียกลูกค้าเยอะ ๆ จะดีกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นดื่มตรงนี้ให้หมดก่อนก็ได้ค่ะ”
เวนิสตายอมอ่อนข้อให้ เสี่ยที่คล้องไหล่อยู่จึงละมือออกจากไหล่เธอไป
บรรยากาศในสถานบันเทิงคึกครื้นมาก ผู้คนเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกเริงร่าอย่างมีความสุข ผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมาทางโต๊ะก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเสี่ย ชายวัยกลางคนจึงลุกขึ้นก่อนบอก
“ฉันว่าจะกลับแล้ว เคลียร์โต๊ะได้เลย”
“ค่ะ เดี๋ยวเวไปส่งที่หน้าร้านค่ะ” เวนิสตาบอก แต่เสี่ยกดเธอเบา ๆ ให้นั่งลงกับโซฟา “เดี๋ยวฉันกลับเองดีกว่า ขอบคุณหนูมากที่มานั่งเป็นเพื่อนคุย”
หญิงสาวรู้สึกงงงวยเพราะไม่คิดว่าลูกค้าคนแรกจะใจดีขนาดนี้ ตอนแรกเธอคิดว่าจะต้องรับมือกับลูกค้าที่ชอบลวนลามหรืออะไรแบบนี้สักอีก ที่แท้แค่นั่งคุยเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
ร่างบอบบางมองไปรอบข้าง สำรวจตรวจตราโต๊ะด้านข้างว่ามีใครมาจองด้วยไหมและเขาทำงานกันอย่างไร
ระหว่างที่กำลังหลงใหลไปกับแสง สี เสียง ลูกค้าคนที่สองก็มาถึง รายนี้ดูค่อนข้างมุทะลุ มานั่งด้วยแค่แป๊บเดียวแต่ก็คิดจะลวนลามเธอเสียแล้ว มิหนำซ้ำยังอยากจะนอนกับเธออีกด้วย
เวนิสตารู้สึกเศร้าจนแทบจะร้องไห้ กระนั้นต้องฝืนให้บริการเขาทั้งที่หวงเนื้อหวงตัว
“จับแค่นี้ก็ไม่ได้! หวงตัวอะไรนัก เป็นแค่เด็กนั่ง
ดริงก์” ชายหนุ่มบอก เอื้อมมือมาโอบไหล่เธอด้วยความรุนแรง เวนิสตาไม่รู้จะทำอย่างไรดีนอกจากนั่งตัวลีบ เด็ก
ดริงก์คนอื่นแม้จะเห็นว่าเธอไม่สบายใจแต่ก็ไม่มีใครกล้ามาช่วย เป็นเพราะไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน
ในระหว่างที่เธอกำลังอึดอัดอยู่นั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“เอาผู้ชายคนนี้ออกไปที” เสียงทุ้มบอก ผู้จัดการปรากฏตัวขึ้นแทบจะทันที “บอดี้การ์ดไปเคลียร์โต๊ะซิ”
ฉับพลัน ผู้ชายร่างใหญ่สองสามคนก็โผล่มาขวาง คนหนึ่งเชิญให้ลูกค้าที่นั่งอยู่ก่อนออกไป
“เชิญออกไปกับพวกเราด้วยครับ”
ลูกค้าคนที่สองโวยวายขึ้นทันที “ฉันซื้อผู้หญิงคนนี้แล้วและกำลังจะไปหาอะไรสนุก ๆ ทำ พวกแกมาขวางทำไม”
“ต้องขอเชิญออกไปจริง ๆ ครับ ผู้หญิงคนนี้มีคนซื้อไว้แล้ว”
“แต่ฉันมาก่อน ยังไงฉันก็ต้องได้ยัยนี่” ไม่ว่าเปล่า เอื้อมมือมาจับหญิงสาวให้ลุกขึ้นเพื่อให้ไปกับตนเองอีกต่างหาก เวนิสตาพยายามสะบัดให้ออกจากการเกาะกุม แต่อีกฝ่ายกลับไม่ปล่อยง่าย ๆ
บอดี้การ์ดจึงพูดขึ้น
“แต่ร้านของเราไม่มีนโยบายให้เด็กนั่งดริงก์นั้น
เอนเตอร์เทนแขกนอกเหนือไปจากที่โซฟากินเลี้ยง เราต้องขอเชิญผู้ที่ละเมิดกฎข้อนี้ออกจากร้าน หากไม่ทำตามอย่าหาว่าทางร้านไม่เตือนนะครับ” บอดี้การ์ดตั้งท่าจะลงไม้ลงมือกับแขก นั่นทำให้ผู้ชายคนที่นั่งกับเธอรู้สึกหวาดกลัว
“เออ ๆ ไปก็ได้ เสียอารมณ์จริง” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกไป เวนิสตารู้สึกเหมือนหายใจโล่งขึ้นมาหน่อย โชคดีที่แขกคนที่มาใหม่มาช่วยเหลือเธอไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงเสียใจไปตลอดชีวิต
หญิงสาวกำลังจะหันไปขอบคุณคนที่เข้ามาช่วยหล่อน แต่เมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย ร่างบอบบางก็ตกใจสุดขีด
ผู้ชายตรงหน้าอายุสามสิบกว่า ๆ เขามีใบหน้าหล่อคม น้ำหอมกลิ่นสปอร์ตฟุ้ง คิ้วจมูกรับกัน ดูแล้วชวนหลงใหล ใครมองก็รู้ว่าคงเป็นเจ้าของธุรกิจกระเป๋าหนัก แต่สำหรับเวนิสตาแล้ว เธอรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
ศิขริน
ว่าที่พี่เขยของเธอเอง!
หญิงสาวร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก แม้ไม่เคยรู้จักมักจี่กับคู่หมั้นของพี่สาว แต่เธอก็พอจะรู้จักหน้าคร่าตาของอีกฝ่าย
ยิ่งอีกฝ่ายนั่งลงข้างกัน ยิ่งทำให้บรรยากาศในร้านพลันอึมครึมกดดัน เวนิสตาหาเสียงในลำคอของตนก่อนจะเอ่ยขึ้น
“คุณศิ...”
“ทำงานแบบนี้มานานแล้วหรือยัง”
“เพิ่งทำวันนี้ค่ะ” รู้สึกเหมือนโดนผู้ปกครองดุ
“พี่สาวรู้เรื่องนี้ไหม”
“พี่เขมไม่ทราบค่ะ” เวนิสตาบอกเสียงอ่อย ไม่คิดว่าพี่เขยจะมาเจอเธอในที่แบบนี้ อีกฝ่ายไม่พูดอะไร นิ้วเรียวยาวสัมผัสแก้วออนเดอะร็อกก่อนจะยกขึ้นจิบ
“แล้วนี่คุณศิมาซื้อชั่วโมงแบบนี้...”
