บทที่2
“ขอร้องล่ะครับคุณ คุณช่วยแกล้งเป็นแฟนของผมหน่อยได้ไหมครับ” ธามจำต้องพูดความจริงพร้อมจ้องมองหญิงสาวที่เขายังไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเธอด้วยสายตาเว้าวอน เขามองไม่เห็นใครอีกแล้วที่จะสามารถช่วยให้เขารอดพ้นจากการดูตัวของคุณย่าไปได้นอกจากเธอคนนี้ที่น่าจะพอช่วยกันได้บ้าง
“คุณเห็นว่ามีป้ายว่างอยู่บนหัวของฉันรึไง ฉันไม่มีเวลามาทำเรื่องบ้าไร้สาระกับคุณหรอกนะจะบอกให้ เอานี่! คุณทำตกไว้รับไปซะสิ!” หญิงสาวปฏิเสธทันทีพร้อมยัดกระเป๋าสตางค์ใส่มือพ่อสุดหล่อที่ชื่อก็ยังไม่รู้จักแต่กลับมาชวนให้แกล้งเป็นแฟนกันเสียได้ ชื่อเขาเธอก็ยังไม่รู้จักแล้วจะให้ไปเป็นแฟนกันได้ยังไง
“ผมจ้างก็ได้! คุณอยากได้เท่าไหร่ว่ามาเลย!!” ทว่าเสียงที่ดังขึ้นไล่ตามหลังทำให้หญิงสาวชะงักค้างไปก่อนจะหันกลับไปมองหน้าคนที่กำลังส่งยิ้มอบอุ่นมาให้กันตาขวางอย่างไม่พอใจ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วในใจกำลังลิงโลดเป็นอย่างมากต่อข้อเสนอที่สุดหล่อตรงหน้าหยิบยื่นมาให้ ซึ่งเธอเชื่อว่านอกจากตัวเองแล้ว ก็ไม่น่าจะมีใครมาสวมบทที่ว่านี้ได้ดี
“นี่คุณคิดว่าเงินของคุณมันซื้อได้ทุกอย่างเลยรึไง! ฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญนะคุณว่าคนอย่างฉันไม่ใช่ผู้หญิงเห็นแก่งะ…”
“ผมให้สองแสนและจ่ายสดเลยครึ่งนึงถ้าคุณตกลงแกล้งเป็นแฟนผมเพื่อตบตาคุณย่าของผม หนึ่งเดือนเท่านั้นเองครับ เราก็แค่แกล้งเป็นคนรักกันเวลาอยู่ต่อหน้าทุกๆ คน และถ้าหากคุณทำได้ดีผมจะให้เพิ่มตามสถานการณ์ต่างหากด้วยครับ”
“ตกลงค่ะ! ไปกันเลย!!” ให้ตายๆๆ สุดท้ายเงินของเขาก็ซื้อได้ทุกสิ่งจริงๆ ตั้งสองแสนเชียวนะใครจะบ้าไม่เอากันเล่า งานง่ายๆ แค่นี้มันจะไม่ยากเย็นอะไร ก็แค่แกล้งเป็นแฟนกันเขา
แค่นั้นเอง….
แต่พอเอาเข้าจริงๆ สิ่งที่ปลายตะวันเคยคิดว่าง่ายในตอนแรกนั้นกลับไม่ง่ายเลยเมื่อต้องมาถูกหญิงชราวัยเจ็ดสิบนั่งจ้องหน้านานถึงสิบห้านาทีเต็มโดยไม่ยอมพูดจาอะไรกับเธอเลยสักคำ
“อายุถึงยี่สิบแล้วรึยังล่ะเรา! แล้วชื่ออะไร เป็นลูกเต้าเหล่าใคร!” หญิงชราที่เงียบไปนานตัดสินใจรัวคำถามใส่กันไม่ยั้งก่อนจะจ้องมองแฟนของหลานชายด้วยสายตาจับผิด
“หนูชื่อปลายตะวันค่ะคุณย่า ส่วนอายุ…”
“คุณหญิง!”
“คะ”
“เรียกฉันว่าคุณหญิง เพราะว่าฉันมีหลานแค่คนเดียว” ธามแทบจะสำลักน้ำที่กำลังดื่มเมื่อได้ยินคำสวนกลับที่รุนแรงของผู้เป็นย่าเข้า เขาจำต้องรีบหันมองคนข้างกายทันทีเพราะกลัวว่าเธอจะเผลอหลุดปากตอบโต้อะไรที่มันรุนแรงพอๆ กันกลับไป
แต่แล้วชายหนุ่มกลับต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเพราะพบเพียงแค่รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าอ่อนหวานของเธอเท่านั้น ซึ่งมันน่าแปลกทีเดียวที่นอกจากเธอจะไม่โกรธแล้วนั้น ยังทำราวกับว่าเตรียมตัวรับมือต่อเรื่องพวกนี้มาก่อนก็ไม่ผิด คนอะไรแปลกเสียจริง
“ได้ค่ะคุณหญิง หนูต่อเลยนะคะ หนูชื่อปลายตะวัน อายุยี่สิบหกแล้วค่ะ ส่วนเป็นลูกของใครนั้นหนูเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะเพราะตั้งแต่จำความได้หนูก็มีแค่คุณยายอยู่คนเดียว อีกอย่างตอนนี้คุณยายของหนูท่านก็เสียไปแล้วค่ะ หนูก็เลยไม่รู้ว่าจะไปถามใคร…” ปลายตะวันเอ่ยบอกไปตามความจริงก่อนจะเงียบเสียงลงไปเมื่อพบกับสายตาอ่อนโยนของหญิงชราตรงหน้าเข้า
“แสดงว่าตอนนี้เธอก็ตัวคนเดียวแล้วน่ะสิ” นั่นดูจะเป็นคำถามที่ทำให้คนฟังชะงักไปนานร่วมนาทีเห็นจะได้ ก่อนที่เธอจะตอบกลับท่านไปเบาๆ ตามความเป็นจริง
“ค่ะ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
“แล้วมารู้จักกับตาธามหลานชายของฉันได้ยังไง ไหนลองเล่ามาหน่อยสิ” ครั้งนี้น้ำเสียงของหญิงชราอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่การที่นางเอาแต่รัวคำถามใส่หญิงสาวทั้งๆ ที่เขาและเธอยังไม่ทันจะได้นัดแนะอะไรกันมากนักเริ่มทำให้ธามทนไม่ไหวจำต้องรีบพูดขึ้นขัดเพราะกลัวว่าถ้าหากปล่อยให้ทั้งสองคุยกันไปความลับเรื่องที่ว่าเขาและเธอไม่ได้เป็นแฟนกันจะแตกขึ้นมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ใครเลยจะรู้ว่าย่าของเขานั้นจับผิดคนเก่งแค่ไหน
“คุณย่าครับ ผมว่าเรามาสั่งอาหารก่อนแล้วค่อย…”
