ตอนที่4 สิ้นสุด
สองวันถัดมา ณ เรือน
ร่างงามในชุดสีหวาน เดินเข้ามาภายในเรือน พร้อมกับสาวใช้หลายคน โดยในมือนั้นมีถาดในอาหาร และกล่องไม้หลายอัน อนุลั่วยิ้มน้อยๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสาวใช้ของฮูหยินใหญ่
“ข้าต้องการเข้าพบฮูหยินใหญ่”
“นายหญิงลั่ว โปรดรอสักครู่”
ต่อให้เสี่ยวเยี่ยนไม่พอใจ แต่นางก็มิอาจหักหน้านายตน ด้วยการแสดงความใจแคบต่อผู้มาเยือน
“นายหญิงลั่ว เชิญด้านในเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเยี่ยนกลับออกมา เชื้อเชิญอนุลั่ว ก่อนจะเดินนำกลับเข้าไปภายในห้องโถง อนุลั่วก้าวน้อยๆ อย่างสตรีชั้นสูง รอยยิ้มพริ้มเพราที่ประดับใบหน้ามิเสื่อมคลาย คือสิ่งที่นางมีมิเคยขาด
“ลั่งอิง คารวะฮูหยินใหญ่”
“นั่งสิ...เสี่ยวเยี่ยนชา”
“ขอบคุณ ฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”
ลั่วอิงเดินไปนั่งเก้าอี้ ที่อยู่ไม่ห่างออกไปมากนัก หญิงสาวหันไปพยักหน้าให้สาวใช้ติดตาม นำสิ่งของต่างๆ ไปวางไว้บนโต๊ะข้างกายเจ้าของเรือน
“ลั่วอิงมิรู้ว่าฮูหยินใหญ่ ชื่นชอบสิ่งใดเป็นพิเศษ จึงได้นำของเหล่านี้มาเสียทั้งหมด เพื่อแสดงความเคารพเจ้าค่ะ”
“เจ้ากำลังคิดว่าข้าใจแคบสินะ...”
“ไยท่านคิดเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ”
“เพราะวันเข้าหอของเจ้า ข้าขอหย่าขาดจากท่านแม่ทัพ และการที่เจ้ามาที่นี่ ก็เพื่อทำให้ข้าเปลี่ยนใจ หรือข้าคิดเข้าข้างตนเองมากไป”
“ลั่วอิงรู้เจียมตัวเสมอเจ้าค่ะ ไม่ว่าอย่างไร ลั่วอิงมิเคยที่จะแทนที่ฮูหยินใหญ่เลยนะเจ้าคะ”
“หึๆ เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อมีเท้าก้าวล้ำเส้น ข้าก็แค่...ปกป้องพื้นที่ ของข้าก็เท่านั้น”
ชูเหมยฮวา เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะยกชาขึ้นเป่าเบาๆ เพื่อขับไล่ความร้อน และในจังหวะนั้นเอง ใบหน้างามของอนุลั่ว มีความมาดร้ายพาดผ่าน ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ
“ข้าอยากให้ฮูหยิน ช่วยทบทวนเรื่องนี้ อีกสักครั้งเจ้าค่ะ”
“ไยข้าต้องทบทวนด้วยเล่า ในเมื่อทุกการตัดสินใจ ข้าได้ไตร่ตรอง มาก่อนหน้านั้นนานแล้ว”
“ข้าจะไม่รบกวนเวลาของท่านแม่ทัพ กับฮูหยินมากจนเกินไปเจ้าค่ะ”
“เจ้าไม่อยากอยู่เรือนใหญ่นี้หรือ”
“ข้าย่อมรู้สถานะ ของตัวเองเจ้าค่ะ”
“แม้ข้าจะไม่ได้ออกท่องโลกมากนัก แต่ดวงตาของข้าเปิดกว้างมิน้อย”
ในทุกแผ่นดิน ผู้ที่มีลูกเมียมากที่สุด ย่อมหนีไม่พ้นฮ่องเต้ นางจึงคุ้นชิน กับการแก่งแย่งตำแหน่ง ของเหล่าสตรีเป็นอย่างดี ลั่วอิงเป็นบุตรสาวคหบดีผู้ร่ำรวย เสียแค่ลั่วอิงมิใช่บุตรสาวขุนนาง จึงไม่อาจก้าวสู่ตำแหน่งสูงกว่านางได้
แล้วอย่างไรเล่า...ในเมื่อแม่สามีของนาง สนใจเพียงเงินทองหาใช่ความดีของนาง เมื่อมีสะใภ้คนใหม่ที่ร่ำรวย นางก็ควรปล่อยวางทุกอย่าง และจากไปก็ถูกแล้ว
“ข้าสาบานว่า...”
“เก็บมันเอาไว้ใช้กับผู้อื่น เพราะข้า...ไม่ได้เชื่อมั่น ลมปากของใครทั้งสิ้น”
“จะมากไปแล้วนะ ข้ายินยอมมาอ้อนวอนเจ้าถึงที่นี่ เจ้ายังจะเล่นตัวอยู่อีก”
“หือ...เสี่ยวเยี่ยน อนุลั่วไปที่ใดแล้ว ไยนางกลับไม่บอกข้าสักคำ”
มุมปากที่กระตกยิ้มของฮูหยินใหญ่ ทำให้ลั่วอิงสะบั้นความอดทนในทันที หญิงสาวกำหมัดแน่น
“ยังไม่ได้ไปไหนเจ้าค่ะ แค่ถอดหน้ากาก ที่สวมออกก็เท่านั้นเจ้าค่ะ”
“แก...”
“อิงเอ๋อร์”
เสียงเรียกด้วยความร้อนใจจากด้านหน้าเรือน ทำให้ท่าทีของลั่วอิงเปลี่ยนไป หมับ! เพียงร่างสูงก้าวพ้นประตูเข้ามา ร่างบางก็วิ่งโถมเข้าสวมกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น อาการสั่นน้อยๆ ทำให้ท่อนแขนแกร่ง รีบโอบกระชับนางเอาไว้แนบอก
“เจ้าทำสิ่งใด ชูเหมยฮวา!”
แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามภรรยาเสียงกร้าว ดวงตาที่มองนางราวกับจะ ฉีกทึ้งร่างนั้นให้แหลกเหลวคามือ
“ข้าต้องซับน้ำตา เรียกร้องความเห็นใจจากท่านไหม ในเมื่อที่นี่คือเรือนของข้า เท้าข้า...ยังไม่ได้ก้าว ไปในพื้นที่ของผู้ใด”
ชูเหมยฮวา รู้สึกขัดใจไม่น้อย ที่นางลงมือเช่นร่างเดิมมิได้ นี่คือความต่างทางฐานะสินะ! นางเข้าใจแล้วว่าทำไม การได้ครองบัลลังก์ มันจึงหอมหวนสำหรับใครหลายคน
“ท่านแม่ทัพ...”
“ลั่วอิงมาหาเจ้า พร้อมของกำนัลมากมาย เจ้ายังกล้ารังแกนางอีก”
“เช่นนั้นรึ!”
ชูเหมยฮวายังคงความเยือกเย็น เพราะต่อให้นางอยู่ในร่างบอบบางนี้ ใช่ว่านางจะสิ้นความสามารถเชิงยุทธ์ แต่ไม่เลยมันกลับมีพลังไหลเวียนในร่างกาย ราวกับว่าร่างกายนี้เป็นของนางเอง
“หากเจ้าไม่ถูกลงทัณฑ์จริงๆ เสียที เจ้าคงไม่สำนึก!”
“ท่านแม่ทัพ อย่าได้ถือสา ฮูหยินใหญ่เลยเจ้าค่ะ สตรีทุกคนย่อมมีใจหึงหวงสามี หากเป็นข้า ก็คงน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนางเจ้าค่ะ”
“เห็นหรือไม่ ลั่วอิงเข้าใจเจ้าเพียงใด พ่อบ้านจง! นำตัวฮูหยินใหญ่ไปเรือบรรพบุรุษ ให้นางคุกเข่าจนกว่าข้าจะสั่งให้หยุด”
“สวีกงจื่อ รับราชโองการ”
ทว่าสิ้นคำสั่ง เสียงประกาศก้อง จากหัวหน้าขันทีดังขึ้น ทำให้แม่ทัพหนุ่มรีบคลายอ้อมแขน ก้าวออกไปด้านหน้าเรือน โดยมีภรรยาทั้งสอง รวมถึงทุกคนที่อยู่ในเรือน
“สวีกงจื่อ ถวายพระพร ขอให้ฮ่องเต้ทรงพระเจริญ”
“ท่านแม่ทัพ โปรดฟังรับสั่ง สวีกงจื่อ แต่งงานกับบุตรสาวสกุลชู ยาวนานถึงสิบห้าปี ทว่ากลับไร้ทายาทสืบสายเลือด ฝ่าบาทจึงมีรับสั่ง ให้สวีกงจื่อ และชูเหมยฮวา สิ้นสุดการเป็นสามีภรรยา นับตั้งแต่บัดนี้ไป
รวมถึงให้คืนสินเดิม ที่สกุลสวีนำของชูเหมยฮวาไปใช้ คืนให้นางทั้งหมด ห้ามขาดแม้แต่อีแป๊ะ หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นต่อนาง ถือว่าสกุลสวี คิดกระด้างกระเดื่องต่อบัลลังก์ สิ้นสุดราชโองการ ท่านแม่ทัพสวีโปรดรับ”
