5 แทงใจดำ
"เธอรู้จักชื่อแม่ฉันได้ไง?"
ฮันเตอร์ถามเมื่อเราสองคนกำลังขับรถไปเพนท์เฮาส์ที่เขาซื้อออกมาอยู่เป็นส่วนตัว ซึ่งก็คือเรือนหอที่เขาบอกกับแม่เขาไปนั่นแหละ
"ฉันก็ - - อ่านข่าวสังคมบ้างน่ะสิ ดารากับงานสังคมมันก็ของคู่กันอยู่แล้ว แม่คุณไปออกงานการกุศลออกจะบ่อย"
ฉันแกล้งตอบไปและก็คิดว่ามีเหตุผลมากพอที่ฮันเตอร์จะเชื่อด้วย เพราะจะให้ฉันพูดความจริงได้ยังไงล่ะว่าฉันเป็นคนแต่งชื่อให้แม่เขาเอง เขาคงได้เปลี่ยนจากพาฉันไปเพนท์เฮาส์เป็นไปโรงพยาบาลบ้าแน่ๆ
"เตรียมพร้อมเป็นลูกสะใภ้แม่ฉันดีเหมือนกันนี่ ใช้ได้"
เขาหันมายิ้ม เวลาที่หมอนี่ไม่เก๊ก ไม่กวนประสาท เขาก็คือฮันเตอร์แสนอบอุ่นอย่างที่ฉันเคยเขียนไว้ในนิยายจริงๆ ซึ่งนิยายเรื่องนั้นมีแต่คนเชียร์เขาเพราะไม่อยากเห็นพ่อไมโครเวฟคนดีต้องอกหัก
จริงสิ! พูดถึงเรื่องอกหักแล้วล่ะก็ คำพูดของแม่ฮันเตอร์ก็ทำให้ฉันสงสัยขึ้นมา
"ที่แม่คุณพูดที่บ้าน...หมายความว่าไงเหรอ?"
ฉันถาม ฮันเตอร์หันมามองฉันสลับกับมองถนนตรงหน้า
"พูดอะไร?"
"ก็ที่บอกว่าก่อนหน้านี้คุณไม่เป็นผู้เป็นคนน่ะ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?"
ฉันถามต่อ แต่คราวนี้ฮันเตอร์ไม่ได้หันมามองฉัน ตาเขาจ้องมองถนนเขม็ง
"แม่ฉันก็พูดไปเรื่อย แค่เห็นฉันไม่โกนหนวดก็หาว่าไม่ดูแลตัวเองแล้ว ไม่ได้มีอะไรหรอก"
เขาตอบ ดูท่าทางก็รู้ว่าเขาโกหก แต่ที่ฉันอยากรู้ก็คือมันจะใช่เรื่องที่ฉันคิดไว้หรือเปล่าก็เท่านั้น
"คุณอกหักใช่มั้ย?"
ฉันถามจี้จุด ฮันเตอร์ดูมีท่าทีตกใจเล็กๆก่อนจะปรับมานิ่งเฉยตามเดิม
"อกหักอะไร? พูดจาเลอะเทอะ"
"คุณอกหักจากอันนาใช่มั้ย? ที่ไปคบกับแทนไทน่ะ"
จู่ๆฮันเตอร์ก็เหยียบเบรคเอี๊ยดจนหน้าเกือบทิ่มเมื่อฉันพูดจบ อะไรของเขาเนี่ย? นึกจะเบรคก็เบรครึไงอีตาบ้า!
"โอ๊ย! นี่ขับรถอะไรของคุณเนี่ย?!"
ฉันหันไปโวยวายเมื่อรถจอดนิ่งสนิท ถ้าไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยไว้ล่ะก็ตัวฉันได้พุ่งออกไปนอกรถแน่ แต่ฮันเตอร์กลับกำพวงมาลัยรถแน่น สันกรามปูดออกจากการกัดฟันที่ดูแล้วคำถามของฉันคงจะจี้ใจดำเขาน่าดู
"อย่าถามอะไรแบบนี้อีก...ถ้าไม่อยากเจอดี"
เขาหันมามองฉันพลางพูดเสียงต่ำ แต่นั่นยิ่งทำให้ฉันแน่ใจว่าสิ่งที่แม่เขาบอกเกิดจากการที่เขาอกหักจากอันนาที่ไปคบกับแทนไทในนิยายของฉันจริงๆ
ในนิยายที่ฉันแต่ง ฮันเตอร์แอบชอบอันนามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่อันนาก็คิดกับเขาเพียงแค่รุ่นพี่เท่านั้น จนเธอมาเจอกับแทนไทที่เข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนขับรถชนน้องสาวของเขาจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา แต่จริงๆแล้วคนทำคือแม่ของอันนาที่อันนายอมรับผิดแทน แทนไทจึงโกรธมากและจับตัวเธอไปอยู่ไร่ที่เชียงรายเพื่อชดใช้กับสิ่งที่ทำโดยที่ฮันเตอร์เองก็พยายามหาทางช่วยอันนาทุกอย่าง ใช้อำนาจอิทธิพลที่ครอบครัวตัวเองมี แต่ครอบครัวของแทนไทก็มีอำนาจมากไม่แพ้กันที่จะทำให้การช่วยเหลือของฮันเตอร์ไม่สำเร็จ และเพราะความใกล้ชิดและความดีของอันนาก็ทำให้เธอกับแทนไทรักกันในที่สุด
ซึ่งนิยายของฉันก็จบลงแค่นั้น ไม่ได้มีเขียนเรื่องราวอะไรภายหลังต่อ แต่ฉันไม่เคยรู้เลยว่ามันจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากนั้นอีก จากที่มีนาเล่าคืออันนากับแทนไทประกาศจะแต่งงานกันเดือนหน้า นี่คงเป็นสาเหตุที่ฮันเตอร์เสียใจหนักอย่างที่แม่เขาบอก
เป็นเพราะฉันเหรอเนี่ย...
"ฉ - - ฉันขอโทษ..."
ฉันบอก อยากจะขอโทษทั้งกับเรื่องที่ถามจี้ใจดำ และขอโทษที่เขาต้องเสียใจจากการเขียนนิยายของฉัน แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าจู่ๆตัวละครในนิยายของตัวเองจะมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ แถมยังมีเรื่องราวต่อจากนั้นที่ฉันไม่ได้เป็นคนเขียนเองอีกด้วย เพราะฉะนั้นจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างฉันจะไม่มีทางรู้ได้เลย
และฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันก็ยังหาคำตอบไม่ได้เช่นกัน
ฮันเตอร์ไม่ได้พูดอะไร เขาหันไปมองถนนก่อนจะเหยียบคันเร่งพุ่งรถออกไปทันที ก่อนที่เขาจะพาฉันมาถึงตึกสุดหรูที่เป็นเพนท์เฮาส์ส่วนตัวของเขา ซึ่งเจ้าของโครงการนี้ก็คือบริษัท จีเอ็ม กรุ้ป ของตระกูลกรภัคโชติเมธีที่ฮันเตอร์มีตำแหน่งซีอีโออยู่นั่นเอง
อย่าถามว่าฉันรู้ได้ยังไง เพราะฉันเป็นคนแต่งประวัติเขาในนิยายเรื่องก่อนไงล่ะ จบเนอะ!
เขากดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้น25ที่เป็นชั้นบนสุด เมื่อลิฟต์เปิดออกก็เผยให้เห็นภายในห้องของเขาทันที ห้องของเขาตกแต่งด้วยโทนสีขาวดำสไตล์โมเดิร์นที่กินบริเวณไปทั่วทั้งชั้น ขนาดพอๆกับบ้านเดี่ยวได้เลยแหละ
นี่เขารวยกว่าที่ฉันแต่งไว้อีกรึเปล่านะ -_-
ฮันเตอร์ไม่พูดอะไรตั้งแต่มาถึง เขาเดินเข้าไปด้านในห้องหนึ่ง ปล่อยให้ฉันชื่นชมและทำความรู้จักห้องของเขาอยู่คนเดียว แล้วฉันจะตรัสรู้มั้ยล่ะว่าห้องอะไรอยู่ตรงไหนบ้างน่ะ?!
ฉันเดินไปตามทางที่ฮันเตอร์เดิน จึงพบว่าห้องนั้นเป็นเหมือนเลาจ์ขนาดย่อมๆที่มีทั้งเคาท์เตอร์บาร์ ชั้นวางเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โต๊ะสนุ๊กเกอร์ โซฟาขนาดใหญ่ และยังมีแสงสีและเครื่องเสียงแบบจัดเต็มที่หากเปิดแล้วคงเหมือนกับกำลังจัดปาร์ตี้ปีใหม่กลางลานเซ็นทรัลยูนิเวิร์สแบบย่อส่วน แต่ฮันเตอร์ไม่ได้เปิดมัน เขานั่งท่ามกลางแสงไฟสลัวอยู่ที่เคาท์เตอร์บาร์พลางรินไวน์ลงในแก้วแล้วยกขึ้นดื่มราวกับกำลังดื่มน้ำเปล่า
สงสัยคงยังหงุดหงิดกับเรื่องที่ฉันถามสินะ...
"คุณจะให้ฉันนอนห้องไหนเหรอ?"
ฉันถามขึ้น ฮันเตอร์รินไวน์ลงในแก้วแล้วยกขึ้นดื่มอีกครั้ง
"อยากนอนห้องไหนก็นอน"
เขาตอบโดยไม่หันมามอง นี่เขาจะพูดดีๆไม่เป็นเลยรึไงนะ
"ถ้าไม่มีที่จะให้นอน ฉันกลับไปนอนบ้านตัวเองก็ได้นะ"
ฉันบอกก่อนจะหันหลังเดินออกมา ถึงแม้จะไม่รู้ว่าบ้านตัวเองในโลกนี้อยู่ที่ไหนก็เถอะ แต่เดี๋ยวฉันโทรให้ยัยมีนามารับก็ได้
"ไม่ได้!"
เสียงฮันเตอร์ดังขึ้นพร้อมกับที่เขาคว้าแขนฉันไว้จนฉันต้องหันกลับมามอง อะไรของเขากัน ไม่มีที่จะให้ฉันนอน พอฉันจะขอไปนอนบ้านตัวเองก็ไม่ให้ งงไปหมดแล้วนะ
"อะไรของคุณเนี่ย?"
"เธอไปนอนที่อื่นไม่ได้"
"ทำไมล่ะ?"
"ก็เราแต่งงานกันแล้ว ฉันไม่ให้เธอไปนอนที่อื่น"
เขาบอก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันเข้าใจเหตุผลของเขามากขึ้นเท่าไหร่นัก ก็แต่งงานมาใช้หนี้ไม่ใช่เหรอ? จะต้องมาห่วงประเพณีทำไมล่ะว่าสามีภรรยาจะต้องอยู่บ้านด้วยกันน่ะ
"ก็คุณให้ฉันแต่งงานมาใช้หนี้แทนพ่อไม่ใช่เหรอ? ฉันจะนอนที่ไหนมันก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เราไม่ได้แต่งเพราะอยากอยู่ด้วยกันสักหน่อย"
ฉันบอก ฮันเตอร์มองฉันครู่หนึ่งก่อนจะดึงแขนฉันไปอีกด้านหนึ่งของห้องพักแล้วเปิดประตูห้องหนึ่งเข้าไป เป็นห้องนอนโทนสีขาวขนาดกลางที่มีเตียงควีนไซส์ตั้งอยู่ ด้านข้างมีกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่หลายใบ ทำให้ฉันเข้าใจได้ไม่ยากว่านี่คงจะเป็นห้องที่เขาจะให้ฉันนอนในคืนนี้
"นี่ห้องเธอ" เขาพูด "แล้วนั่นก็เสื้อผ้าที่ฉันให้คนไปเก็บมาให้ที่คอนโดเธอ คิดว่าน่าจะเอามาครบนะ"
ฉันพยักหน้ารับที่เขาพูดก่อนจะหันไปถาม
"เรา...ไม่ได้ต้องนอนด้วยกันใช่มั้ย?"
ฉันถามขึ้น ฮันเตอร์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นนิดหนึ่งเมื่อได้ฟัง
"ทำไม? อยากนอนด้วยกันเหรอ?"
"เปล่าซะหน่อย! ฉันก็แค่ถามดู..."
ฉันรีบปฏิเสธ ไม่รู้ทำไมถึงหน้าร้อนหูร้อนขึ้นมาเฉยๆ กลัวจะเกิดเหตุการณ์ก่อนที่ฉันถีบเขาตกเตียงเมื่อคืนอีก
"ห้องฉันอยู่ตรงนี้" เขาชี้ไปที่ประตูฝั่งตรงข้าม "มีอะไรก็เรียกได้ แต่ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเข้ามา เพราะส่วนมากถ้าผู้หญิงคนไหนเข้ามาแล้ว...มักจะไม่ได้ออกไปง่ายๆ"
เขายิ้มกวนทำเอาฉันอยากจะข่วนหน้าหล่อๆนั่นให้เสียโฉมสักที พ่อฮันเตอร์ผู้แสนดีของฉันหายไปไหน ทำไมถึงกลายเป็นไอ้หื่นจอมกวนประสาทแบบนี้ล่ะ T_T
"โอเคๆ คุณออกไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน"
ฉันรีบดันหลังเขาออกจากห้องไปก่อนจะปิดประตูแล้วถอนหายใจออกมา เฮ้อออ... มันเกิดอะไรขึ้นกันนะเนี่ย ทำไมเหมือนกับว่ามันมีเรื่องราวต่อจากตอนจบของนิยายของฉัน แถมลักษณะของตัวละครที่ฉันเขียนก็ดันไม่ได้เป็นแบบที่ฉันเคยคิดไว้ ฮันเตอร์ที่เคยเป็นพระรองแสนดีแสนอบอุ่นกลับกลายเป็นคนมีปมในใจจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น แถมบุคลิกก็ดันเปลี่ยนเป็นคนยียวนกวนบาทาที่สุด จะมีก็แต่ความหล่อความรวยที่ตรงกับคาแรคเตอร์ที่ฉันเขียนไว้แต่แรกนั่นแหละ
ว่าไปก็ชักอยากจะเจอตัวละครอื่นเหมือนกันนะว่าจะเหมือนกับที่ฉันเคยแต่งไว้มั้ย? โดยเฉพาะคุณแทนไท พระเอกสุดหล่อแสนเพอร์เฟ็คท์ในอุดมคติของฉัน หล่อ เท่ โปรไฟล์ดี มีมุมดิบเถื่อนนิดๆ แถมยังคลั่งรักแฟนสุดๆ ผู้ชายในฝันของฉันเลยแหละ ><
เสียงแจ้งเตือนไลน์ของฉันดังขึ้น ฉันรีบหยิบโทรศัพท์มาดูทันที พบว่าเป็นข้อความจากพี่แจม
พี่แจม(ผู้จัดการ) : น้องหน่าจ๊ะ ที่เราให้พี่รับงานให้น่ะ พรุ่งนี้มีงานถ่ายแบบโปรโมทงานการกุศลของช่อง ใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมง ค่าตัวแปดหมื่น สะดวกรับมั้ยจ๊ะ?
ข้อความของพี่แจมทำเอาฉันตาลุกวาว สองชั่วโมงได้แปดหมื่น!! รายได้เขียนนิยายของฉันรวมกันสามเดือนยังไม่ถึงเลยนะเนี่ย แค่ไปโพสต์ท่าถ่ายแบบยึกๆยักๆก็ได้เงินแล้ว เป็นดารานี่ได้เงินง่ายจริงๆเลยนะ
I'M NOINA : รับค่ะพี่แจม ที่ไหน กี่โมง พี่แจมบอกรายละเอียดมาได้เลยนะคะ
ฉันรีบตอบกลับไปทันที ลองคิดดูเล่นๆว่าทำงานได้เงินวันละแปดหมื่น เดือนนึงก็สองล้านกว่าแล้ว ถ้าทำปีนึงฉันก็จะได้เกือบสามสิบล้านเลยทีเดียว!!
เอาล่ะ เงินมาหน้าตั้ง น้อยหน่าคนนี้พร้อมลุยแล้วค่ะ!! ?
.
.
.
[ฮันเตอร์]
หลังจากวันแต่งงานที่จัดขึ้นอย่างกะทันหัน ผมก็รู้สึกว่ายัยนางเอกนี่ดูเปลี่ยนไปยังไงไม่รู้ ทั้งที่ตอนแรกที่ยัยนี่รู้ว่าจะได้แต่งงานกับผมก็ดูไม่ได้อิดออดที่รู้ว่าตัวเองจะต้องแต่งงานใช้หนี้แทนพ่อ แถมคืนเข้าหอก็ยังถอดชุดยั่วหวังจะให้ผมปล้ำอีก ซึ่งผมก็ไม่ใช่พระเอกที่ไหนหรอกนะ ผู้หญิงสวยๆระดับนางเอกแบบนี้มาเสนอ ผมก็ต้องสนองอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ผีที่ไหนมาเข้าสิง ระหว่างกำลังเคลิ้มๆยัยนี่ก็ถีบผมซะเต็มแรงจนตกเตียง แถมลุกขึ้นโวยวายปาข้าวของเละเทะจนผมต้องหนีออกมานอนโซฟาข้างนอก ตอนเช้ายัยนี่ก็ดูแปลกๆ เรียกชื่อผมวนไปวนมา แล้วไหนยังพูดเหมือนกับว่ารู้เรื่องราวต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตผมทั้งที่เราเพิ่งเจอกันก่อนแต่งงานได้ไม่ถึงอาทิตย์
มันชักจะมีอะไรแปลกๆรึเปล่านะ...
