3 ทะลุนิยาย
"ยัยหน่า ทางนี้ๆ"
เสียงร้องเรียกชื่อฉันดังขึ้นเมื่อฉันเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ผู้หญิงผมยาวในชุดสายเดี่ยวสีม่วงไลแลคโบกมือเรียกฉันอย่างกระตือรือร้น ยัยนี่คงเป็นมีนาสินะ ผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆมีนาโบกมือให้ฉันเช่นกัน
นี่จะมีตัวละครลับเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆหรือไง -_-
ฉันเดินไปที่โต๊ะของมีนาพร้อมกับสายตาของคนที่นั่งทานข้าวอยู่ในร้านต่างหันมามองฉันพร้อมกับซุบซิบกันยกใหญ่ บางคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอย่างไม่เกรงใจราวกับไม่เกรงกลัวกฎหมายPDPA*กันเลย
"เปิดหน้าหราเข้ามาแบบนี้ คนก็ฮือฮากันหมดสิ"
มีนาพูดขึ้นเมื่อฉันมานั่งที่โต๊ะ ผู้หญิงอีกคนเอามือเขกหัวมีนาเบาๆ
"ก็แกนั่นแหละ เรียกชื่อมันซะดังเลย คนไม่มองก็แปลกแล้ว"
"เอ่อ..." ฉันเอ่ยขึ้นอย่างประหม่า "มีนา - - กับ...."
"เออ ฉันชวนยัยนิโคลมาเองแหละ ฉันว่าคุยโทรศัพท์กับแกเมื่อคืนแล้วแกดูแปลกๆอ่ะ เผื่อยัยนิคจะช่วยอะไรได้"
มีนาบอก ฉันเริ่มคุ้นๆชื่อผู้หญิงคนนี้แล้วล่ะ เพราะจำได้ว่ามีรายชื่ออยู่ในไลน์ที่เป็นรายการโปรดของฉันเหมือนกัน
"แกโอเครึเปล่าหน่า? ฉันฟังจากที่มีนาเล่าแล้ว แกอยากไปสแกนสมองหรือไปหาหมอหน่อยมั้ย?"
คำถามของนิโคลทำเอาฉันตกใจ สแกนสมองอะไรกัน สมองฉันไม่ได้กระทบกระเทือนสักหน่อย
"ฉันไม่ได้เป็นอะไร" ฉันรีบบอก "ช่วงนี้อาจจะนอนน้อยเลยเบลอๆน่ะ สงสัยทำงานหนัก แหะๆ"
"อาจจะเกี่ยวนะ พี่แจมก็เคยบอกว่าช่วงก่อนแต่งงานแกรับงานละครตั้งสามเรื่องติดกัน ไหนจะงานพรีเซนเตอร์กับงานถ่ายแบบอีก ฉันก็งงว่าแกจะเอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อน"
มีนาพูด โอเค...ฟังจากข้อมูลที่ยัยนี่พูดเรื่องงานละคร งานถ่ายแบบ งานพรีเซนเตอร์ ประกอบกับคำว่า 'นางเอกเบอร์ท็อป' ที่หล่อนบอกฉันเมื่อคืนอีก ทำให้คิดว่าฉันเป็นอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากดารา
ฉันเป็นดาราเหรอ? บ้าบอ! ฉันก็พอจะรู้ว่าตัวเองสวยแต่ก็ไม่คิดว่าจะสวยถึงขั้นเป็นดาราได้หรอกนะ อิอิ ><
"แหม ก็...นางเอกเบอร์ท็อปนี่นา โฮะๆ"
ฉันลองแกล้งพูดหยั่งเชิงดูปฏิกิริยาของทั้งสองคน แม้จะรู้สึกคำพูดตัวเองน่าหมั่นไส้มากก็ตาม
"จ้าาา แม่นางเอกเบอร์หนึ่งของช่องเท็น" มีนาลากเสียง "แต่ระวังเถอะ ตอนนี้โซเชี่ยลกำลังคิดว่าแกท้องก่อนแต่งอยู่นะ"
"ท้องก่อนแต่ง?"
ฉันถามอย่างตกใจ ทำไมถึงคิดแบบนั้นกันล่ะ?
"จู่ๆแกกับคุณฮันเตอร์ก็ประกาศแต่งงานสายฟ้าแล่บ ตัดหน้างานของยัยอันนากับคุณแทนไทที่แพลนมาตั้งหลายเดือนไปซะงั้น ใครเขาก็ต้องคิดว่าแกท้องก่อนแต่งสิ"
"อันนากับคุณแทนไทเหรอ?"
ฉันทวนชื่อของคนที่นิโคลพูดถึง เพราะชื่อของอันนากับแทนไทเหมือนชื่อของพระเอก-นางเอกในนิยายเรื่องล่าสุดที่ฉันเพิ่งแต่งจบไปไม่มีผิด
และชื่อฮันเตอร์ก็ยังชื่อเหมือนพระรองที่หลงรักนางเอกอย่างอันนาอีกด้วย
"ก็ยัยอันนา อัญมณี กิจโชคไพศาล นางเอกตัวท็อปอีกคนของช่องที่มีข่าวลือว่าเกาเหลากับแกอยู่ไง กับคุณแทนไท ธนเกียรติพิพัฒน์ ทายาทเจ้าของไร่กาแฟหมื่นไร่ที่เชียงใหม่ที่ส่งออกต่างประเทศตั้งกี่สิบประเทศนั่นน่ะ"
ข้อมูลที่มีนาบอกทำเอาฉันถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เป็นไปไม่ได้...ทำไมชื่อและอาชีพของอันนากับแทนไทมันถึงเหมือนกับในนิยายของฉันขนาดนี้ล่ะ ฉันมั่นใจว่าดารานักแสดงในประเทศไทยไม่มีนางเอกชื่ออันนา ทั้งชื่อ นามสกุล และอาชีพเป็นสิ่งที่ฉันตั้งใหม่ขึ้นเองทั้งหมด รวมไปถึงข้อมูลของคนที่ชื่อแทนไทด้วย
"อ - - อย่าบอกนะว่าอีตาคุณฮันเตอร์นั่นก็ชื่อ ฮันเตอร์ กรภัคโชติเมธี ลูกชายเจ้าของธุรกิจโรงแรมและคาสิโนในไทยและต่างประเทศน่ะ?"
"ใช่แล้วล่ะจ้ะ คุณนภิชญา กรภัคโชติเมธี สะใภ้เจ้าของธุรกิจโรงแรมและคาสิโนมูลค่าแสนล้าน"
อกอีแป้นจะแตก!! บ้าไปแล้ว ทำไมข้อมูลทุกอย่างที่ยัยพวกนี้บอกถึงเหมือนนิยายของฉันอย่างนี้ล่ะ!! จะว่าเรื่องบังเอิญก็คงไม่ใช่ อะไรมันจะบังเอิญทั้งชื่อ นามสกุล และอาชีพได้ขนาดนี้ แปลว่าคนเหล่านี้มีตัวตนจริงๆงั้นเหรอ??
หลังจากได้รู้ข้อมูลต่างๆจากมีนาและนิโคล ฉันก็รีบเรียกรถแท็กซี่กลับโรงแรมทันทีด้วยความร้อนใจ การที่ชื่อและอาชีพตัวละครที่ฉันสมมติขึ้นมากลายเป็นเรื่องจริงคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พยายามตบตัวเองและให้เพื่อนตบแล้วก็พบว่ามันไม่ใช่ความฝัน
ฉันหลุดเข้ามาอยู่ในโลกของนิยายตัวเอง!!
บ้ากันไปใหญ่แล้ว ฉันเคยอ่านแต่นิยายที่มีคนแต่งว่านางเอกหลุดเข้าไปในนิยาย หรือย้อนเวลา เกิดใหม่ ทะลุมิติไปเป็นคนอื่นในมิตินั้นๆ แต่สิ่งที่ฉันอยากรู้ก็คือฉันเกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์นี้ด้วย? เพราะตอนนี้ฉันคือน้อยหน่า นภิชญา ที่มีชื่อ นามสกุล และรูปร่างหน้าตาเหมือนตัวเองทุกอย่าง เพียงแต่ในโลกนี้ฉันเป็นดารา เป็นนางเอกเบอร์ท็อปของช่องเท็นช่องเดียวกับของอันนา แถมนิยายของฉันก็จบแค่ที่แทนไทกับอันนารักกัน แพลนจะแต่งงานกัน โดยที่ฮันเตอร์ก็ถูกปฏิเสธความรักจากอันนาแล้วบอกว่าจะหลบไปทำใจที่เมืองนอกสักพัก แต่ทำไมเขายังอยู่ที่นี่ และแต่งงานกับฉันอีกด้วย
ฉันจะต้องรู้เรื่องราวทั้งหมดให้ได้!
ผลั่วะ!
ฉันเปิดประตูห้องเสียงดังทำเอาคนตัวสูงในเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงสแล็คสีเทาหันมามองอย่างงงๆ ฮันเตอร์ที่แต่งตัวเนี้ยบกับทรงผมที่เซ็ตขึ้นดูหล่อกว่าเมื่อคืนหลายเท่าตัว เขาเหมือนกับฮันเตอร์ที่ฉันจินตนาการไว้ในหัวเมื่อตอนที่แต่งนิยายไม่มีผิด ไม่สิ หล่อกว่าที่เคยคิดไว้ด้วยซ้ำ
"กลับมาแล้วเหรอครับที่รัก?"
เขาพูดเสียงหวานแต่แอบส่งสายตาดุใส่ คงเพราะฉันหุนหันเปิดประตูห้องเข้ามานั่นแหละ เห็นแม่บ้านกำลังช่วยกันเก็บเสื้อผ้าข้าวของใส่กระเป๋าแล้วทยอยขนออกไปนอกห้องจนหมด ฉันจึงปิดประตูห้องทันที
"ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ"
ฉันบอก สีหน้าของฮันเตอร์เปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นนิ่งเฉยทันทีเมื่อเหลืออยู่กันแค่สองคน เขาเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถบนโต๊ะก่อนจะเดินผ่านฉันไป
"มีอะไรไว้ค่อยไปคุยกันบนรถ อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัดแล้ว"
"คุณแต่งงานกับฉันทำไม?"
ฉันถามเข้าประเด็นทำเอาเขาหยุดนิ่งก่อนจะหันมา
"ก็บอกแล้วไงว่าพ่อเธอเป็นหนี้ฉัน เขาเลยส่งเธอมาใช้หนี้แทน"
"ไม่จริง พ่อของฉันเสียไปแล้วตั้งแต่ฉันอายุสิบห้า คุณโกหก"
"งั้นเหรอ?" เขาแค่นหัวเราะ "งั้นก็มากับฉันสิ จะได้รู้ว่าฉันโกหก...หรือเธอเพ้อเจอ"
ฮันเตอร์บอกก่อนจะเดินนำฉันออกไปจากห้อง ฉันมองไล่ตามหลังเขาอย่างขัดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามไปเพราะอยากจะรู้ว่าเรื่องการเป็นหนี้ของพ่อฉันนั้นมันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า
.
.
.
ฮันเตอร์กดลิฟต์ลงมาที่ชั้นสองของโรงแรมก่อนที่ลิฟต์จะเปิดออกแล้วเดินนำฉันเข้าไปในคาเฟ่ที่ตกแต่งอย่างดูดี พนักงานในร้านยกมือไหว้เขาและฉันอย่างสุภาพ
นี่คงเป็นโรงแรมของเขาสินะ
ฉันเดินตามเขาเข้าไปก่อนจะสังเกตเห็นชายสูงอายุที่หันมามองเราสองคนด้วยสีหน้าอิดโรย ผู้ชายที่จากฉันไปด้วยอุบัติเหตุรถชนตั้งแต่ฉันอายุสิบห้า ผู้ชายที่ฉันคิดถึงมาตลอดกำลังมองมาทางฉันแล้วยิ้มให้
"พ่อ..."
ฉันพึมพำเรียกชายคนนั้นเสียงเบาอย่างไม่อยากเชื่อ
"น้อยหน่าลูก"
พ่อยืนขึ้นยิ้มให้ฉันพลางกางแขนออก ฉันยืนมองพ่อตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา
เขาคือพ่อของฉันจริงๆ...
ฉันสวมกอดพ่อแน่นอย่างคิดถึง น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาย สิบห้าปีแล้วที่ฉันไม่ได้รับอ้อมกอดนี้ กอดของพ่อยังคงอุ่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
"พ่อขอโทษนะลูก พ่อขอโทษ..."
พ่อพูดเสียงสั่นพลางกอดฉันแน่นแล้วลูบหัว
ถ้าการที่ต้องติดอยู่ในโลกแห่งความฝันแล้วได้กอดพ่อแบบนี้ ฉันก็จะขอติดอยู่ในโลกแห่งนี้ตลอดไปเลย...
"หนูคิดถึงพ่อนะคะ คิดถึงมากที่สุดในโลกเลย"
ฉันสะอื้นเหมือนเด็กพลางซุกหน้าอยู่ที่อกอุ่นของพ่ออย่างคิดถึง
"พ่อก็คิดถึงหนูนะลูก" พ่อบอก "แต่พ่อต้องไปแล้ว พ่อขอโทษนะที่ทำให้หนูต้องลำบากแทนพ่อ"
คำพูดของพ่อทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
"ไป? ไปไหนคะ?"
"พ่อกำลังจะไปเมืองนอกลูก ฮันเตอร์ให้พ่อไปอยู่เมืองนอกจนกว่าจะใช้หนี้หมด"
พ่อบอก ฉันหันขวับไปมองอีตาจอมเก๊กที่ยืนล้วงกระเป๋ามองมาทางฉันกับพ่ออยู่
"ทำไม?"
ฉันถามเสียงห้วน
"คนที่ผีพนันเข้าสิงอย่างพ่อเธอ...ถ้าอยู่ต่อก็จะมีแต่สร้างหนี้เพิ่ม ไปอยู่เมืองนอกสักพักน่ะดีแล้ว ถ้าเธอใช้หนี้แทนพ่อเธอหมดเมื่อไหร่ฉันก็จะให้เขากลับมา"
"พ่อฉันเป็นหนี้คุณเท่าไหร่? ฉันจะจ่ายให้หมดเดี๋ยวนี้"
ฉันบอก เพราะหลังจากที่รับรู้ว่าตัวเองเป็นดาราเบอร์ใหญ่ รู้ข้อมูลต่างๆรวมไปถึงข้อมูลเงินเก็บและทรัพย์สินของตัวเองทำให้ฉันมั่นใจว่าฉันมีเงินมากพอที่จะใช้หนี้ให้พ่อได้อย่างแน่นอน
"แน่ใจเหรอ?"
ฮันเตอร์ยิ้มขณะที่ฉันหยิบสมุดเช็คเงินสดออกมาจากกระเป๋า
"เท่าไหร่ล่ะ? สิบล้าน? ยี่สิบล้าน?"
"สามร้อยล้าน"
