12 แผนร้ายของเลขาฯสาว
เดือนต่อมา
“คุณมนต์ขา...” เสียงหวานปนเศร้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาคู่สวยฉายแววขุ่นเคืองตั้งแต่เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา
“ตั้งแต่คุณภาสไปสนิทสนมกับแม่พรีเซนเตอร์สาวคนนั้น... ยัยแม่ค้าออนไลน์ที่ชื่อพริมานั่น... เค้าก็แทบจะไม่มาหาแซนดี้อีกเลยค่ะ” มนต์ตราเลิกคิ้วเล็กน้อย แม้ในใจจะรู้สึกสมเพชหญิงสาวตรงหน้าอยู่บ้าง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะใจเล็กๆ ที่ช่วงนี้ภาสกรเอาแต่เฝ้าดูแลอาการป่วยของลูกอยู่กับเธอทุกวัน... อย่างน้อยเขาก็อยู่บ้านกับเธอ ตลอดเวลาที่ลูกป่วย มนต์ตราก็ได้เจอหน้าสามีบ่อยขึ้น ความใกล้ชิดที่ห่างหายไปนานเริ่มกลับคืนมาทีละน้อย
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ..? สวย ๆ อย่างเธอ ยังเอาเค้าไม่อยู่!!!” น้ำเสียงของมนต์ตราเย็นชา ดวงตาคู่สวยแข็งกระด้าง แต่ยังคงฉายชัดถึงร่องรอยความสะใจ
หญิงสาวตรงหน้าที่เพิ่งเดินเข้ามาคือเลขานุการสาวสวยของภาสกร หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งมนต์ตราเคย 'ยอมรับ' ให้หล่อนเข้ามามีความสัมพันธ์กับสามีของเธอด้วยเหตุผลอันขมขื่น เมื่อร่างกายของเธอเองไม่อาจปรนนิบัติสามีได้อย่างเต็มที่เฉกเช่นเมื่อก่อน แต่บัดนี้ เลขานุการสาวสวยผู้ที่เคยได้รับ 'สิทธิพิเศษ' นั้น กลับกลายเป็นผู้ถูกนอกใจเสียเอง
”แซนดี้แค่อยากให้คุณมนต์... ทำอะไรสักอย่างค่ะ ให้คุณภาสเค้ากลับมา... กลับมาเหมือนเดิมอะค่ะ” ในแววตาของแซนดี้มีความอ้อนวอนเจืออยู่ เธอต้องการให้มนต์ตราลงมือจัดการทำอะไรสักอย่าง เพื่อผลประโยชน์ของตัวเธอเองล้วน ๆ
มนต์ตราทอดสายตามองแซนดี้อย่างพิจารณา ความรู้สึกหลากหลายตีกันอยู่ในอก ทั้งความขุ่นเคืองต่อความไม่รู้จักพอของสามี และความรู้สึกสมเพชระคนสะใจเล็กๆ ต่อหญิงสาวตรงหน้า ที่ครั้งหนึ่งก็เคยเป็น 'กิ๊ก' กับสามีเธอ...พอมาบัดนี้กลับมาขอให้เธอช่วย 'ทวง' ผู้ชายคนเดียวกันกลับคืน
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรทำไงดีล่ะ....แซนดี้?” มนต์ตราถามเสียงเรียบ แซนดี้รีบเสนอแผนการร้ายทันที
“เราต้องรีบแฉเรื่องนี้เลยค่ะคุณมนต์ เอาให้ทุกคนรู้ว่ามันแย่งคุณภาสไปจากคุณ! ยัยนั่นมันจะได้ไม่มีที่ยืนในสังคม! ยิ่งมันเป็นแค่แม่ค้าออนไลน์กระจอกๆ แล้วมาทำตัวแบบนี้ เตรียมโดนรถทัวร์ลงจนดับไปได้เลยค่ะ!” แซนดี้เสนออย่างหนักแน่น ทว่ายังคงรักษาระดับไม่ให้ดูออกหน้าออกตามากจนเกินไป
มนต์ตราทอดสายตามองเลขาฯ สาวอย่างพิจารณา แววตาของเธอลึกล้ำ ยากจะคาดเดา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ
“แล้วเธอคิดว่ามันจะมีวิธีไหน ให้ฉันไปจ้างนักข่าวมาแฉงั้นเหรอ?” มนต์ตราตอบเลี่ยง ๆ อย่างไม่เห็นด้วย แซนดี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็รีบเอ่ยขึ้น
“เอางี้ค่ะคุณมนต์...ในงานเปิดตัวโครงการบ้านสัปดาห์หน้านี้ นักข่าวคงมาทำข่าวกันบ้าง เราจะใช้โอกาสนี้โดยไม่ต้องจ้างนักข่าวเลย เราแค่เอาคลิปที่คุณภาสพาแม่นั่นเข้าโรงแรมมาเปิดในงาน แค่นี้นักข่าวก็สนใจแล้วค่ะ”
“เธอพูดอย่างกับเธอมีหลักฐานแล้วงั้นแหละ” มนต์ตราเอ่ยเสียงเรียบ
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวเร็วๆ นี้แซนดี้จะแอบสะกดรอยตามคุณภาสเอง ถ้าเห็นคุณภาสออกไปพาแม่นั่นเข้าโรงแรมเมื่อไหร่ รับรองได้เป็นข่าวใหญ่โตแน่นอนค่ะ!” แซนดี้เอ่ยอย่างกระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายวาววับด้วยความมุ่งมั่น มนต์ตราทอดสายตามองเลขาฯ สาวอย่างสมเพช
”ฉันว่าเธอไปหาหลักฐานมาให้มันชัวร์ๆ ก่อนดีกว่า” พักหลังๆ มานี้ ภาสกรดูเหมือนจะอยู่กับเธอและดูแลลูกที่ป่วยอยู่ตลอด ทำให้ความโกรธในใจของมนต์ตราเริ่มอ่อนลง เธอไม่อยากทำร้ายสามีหากเรื่องราวไม่เป็นอย่างที่แซนดี้กล่าว
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นช่วงที่รอหลักฐาน แซนดี้จะหาโอกาสเล่นงานมันแบบเบาๆ ไปก่อนค่ะ” แซนดี้ตอบอย่างมั่นใจ พร้อมรอยยิ้มมีเลศนัย หึ! อีนังแม่ค้าออนไลน์... แกเตรียมตัวรับมือไว้เลย ฉันจะทำให้แกกระเด็นออกจากชีวิตของคุณภาสให้ได้! แล้วคุณภาสก็จะกลับมาหาฉันเอง...ความคิดร้ายกาจแล่นปราดอยู่ในหัวของแซนดี้
“จะทำอะไรก็อย่าให้เสียมาถึงฉันกับคุณภาสก็แล้วกัน” มนต์ตราเตือนเสียงเข้ม
“คะ รับรอง” แซนดี้รับคำมั่นเหมาะ
หลังจากนั้น แซนดี้ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เจือความห่วงใย
“คุณมนต์ขา... ช่วงนี้คุณมนต์ดูแลน้องเพลงตลอดเลย คุณมนต์ดูเครียดๆ ไปนะคะ แซนดี้ว่า...วันไหนว่าง ๆ คุณมนต์ลองไปนวดผ่อนคลายดูไหมคะ? แซนดี้มีร้านที่ไปเป็นประจำ... หมอนวดเค้าเก่งมากค่ะ นวดแล้วสบายตัวขึ้นเยอะเลยค่ะ...” แซนดี้เว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงที่แฝงความนัย
“แซนดี้ว่า...มันอาจจะทำให้คุณมนต์กลับมาดูแลคุณภาสเหมือนอย่างแต่ก่อนก็ได้นะคะ เพื่อน ๆ แซนดี้บางคนคลอดลูกมาใหม่ ๆ ก็แทบไม่อยากมีอะไรกับสามีเลย พอลองไปนวดร้านนี้ก็ดีขึ้นค่ะ เหมือนได้ความสาวกลับคืนมา” มนต์ตรามองแซนดี้ด้วยความลังเลสงสัย คำแนะนำของเลขาฯ สาวดูเหมือนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้
แต่ในใจของมนต์ตราก็แอบคิดถึงเรื่องบนเตียงกับสามีขึ้นมา ตั้งแต่มีลูกคนที่สอง ความสัมพันธ์ทางกายของเธอและสามีก็ไม่เหมือนเดิม หากเธอสามารถกลับมาปรนนิบัติสามีได้อย่างที่เคย... บางที... เขาอาจจะกลับมารักและซื่อสัตย์ต่อเธอเพียงคนเดียวก็ได้... เพราะมีลูกด้วยกันถึงสองคน
“อืม..ไว้ฉันหาพยาบาลที่ไว้ใจมาดูแลน้องเพลงได้ก่อน แล้วฉันจะพิจารณาดู” มนต์ตราตอบเสียงเรียบ เก็บซ่อนความคิดที่วูบเข้ามาในใจเอาไว้
“ค่ะ คุณมนต์อยากไปวันไหนบอกแซนดี้ได้เลยนะคะ เดี๋ยวแซนดี้จะเป็นคนพาคุณไปเอง” แซนดี้ลอบคลี่ยิ้มอย่างร้ายกาจ
หลายวันต่อมา
ขณะที่พริมาก้าวออกมาจากตัวห้างสรรพสินค้าชื่อดัง รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้าสวยหวานของเธอ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเครื่องสำอางแบรนด์ใหม่ เธอยังคงรู้สึกถึงพลังและความสำเร็จที่ได้รับจากงานในวันนี้ เสียงปรบมือและคำชมจากผู้ร่วมงานยังคงดังก้องอยู่ในหู แม้จะรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกพึงพอใจในตัวเองก็เข้ามาแทนที่
พรีเซ็นเตอร์สาวสวยเดินตรงไปยังบริเวณลานจอดรถวีไอพี ที่จอดรถยนต์หรูคู่ใจของเธอเอาไว้ ดวงตากวาดมองหารถท่ามกลางขบวนรถหรูที่จอดเรียงราย เมื่อพบรถคุ้นตา เธอก็เร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อย ทว่า... ต้องชะงักกึกในทันที
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาพริมาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รถยนต์คันงามของเธอยางแบนราบติดพื้น และเมื่อเดินสำรวจรอบคัน เธอก็พบว่ามันไม่ใช่แค่ล้อเดียว แต่มันแบนสนิททั้งสี่ล้อ หน้าและหลัง ซ้ายและขวา ราวกับ... มีใครจงใจปล่อยลมยางรถของเธอออกจนหมดเพื่อกลั่นแกล้ง!
ความรู้สึกปิติยินดีและอารมณ์ดีจากงานเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น ถูกแทนที่ด้วยความหงุดหงิดและโทสะที่พลุ่งพล่าน
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย! ใครมาทำบ้าๆ แบบนี้!?” เธอพึมพำกับตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
พริมาเดินวนรอบรถ มองสภาพยางที่แบนแต๋ทั้งสี่ล้อ ในหัวเต็มไปด้วยคำถามและความไม่พอใจที่ถาโถมเข้ามาอย่างกะทันหัน
“โอ๊ย!!...แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้?” เธอบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะยืนนิ่งครู่หนึ่ง พยายามรวบรวมสติคิดหาทางออก ตัวเลือกต่างๆ ผุดขึ้นมาในความคิด ก่อนที่พริมาจะตัดสินใจ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วรีบเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางรถยนต์ทันที
แต่พอคิดทบทวน... การเรียกใช้บริการเหล่านั้นต้องเสียเวลาในการรอคอย และไม่รู้ว่าจะต้องรอนานแค่ไหน พริมารู้สึกเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก หลังจากการใช้พลังเสียงและร่างกายมาเกือบทั้งวัน และการที่ต้องมายืนรอคอยกลางลานจอดรถในสภาพเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าพอใจเลย ยิ่งชุดที่ทีมงานเตรียมให้ใส่ในงานวันนี้ก็ค่อนข้างจะเปิดเผย ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจและไม่ปลอดภัยที่จะต้องรออยู่คนเดียวนานๆ ในชุดที่ล่อแหลมแบบนี้...
หญิงสาวคิดที่จะโทรตามภาสกร และหวังว่าเขาคงจะช่วยได้แน่นอน เขามีคอนเนคชั่น มีคนขับรถ มีทุกอย่างที่สามารถจัดการเรื่องแบบนี้ได้ในพริบตา...
แต่... เธอก็ต้องชะงักนิ้วที่กำลังจะกดโทรออก ความสัมพันธ์ของเธอกับเขา มันเริ่มจืดจางมาได้สักพักหนึ่งแล้ว นับตั้งแต่คืนนั้น....คืนที่เธอได้คุยเปิดใจคุยกับไมค์ที่ผับ เธอเริ่มตระหนักว่าตัวเองไม่ต้องการอยู่ในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและไร้ตัวตนแบบนั้นอีกต่อไป
ประกอบกับช่วงนี้ ภาสกรเองก็ไม่ค่อยมีเวลาให้เธอเหมือนเมื่อก่อน เขาต้องคอยเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ เพราะบุตรชายคนเล็กของเขาป่วยหนัก การที่บุตรชายของภาสกรป่วยด้วยโรคหืดชนิดรุนแรง จะทำให้เขาต้องแบ่งเวลาส่วนใหญ่ไปดูแลลูก ทั้งการพาไปหาหมอ การเฝ้าดูอาการอยู่ที่บ้าน การดูแลในช่วงที่อาการกำเริบจนต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อย ๆ
ทำให้เขาไม่มีเวลาให้กับเธอเหมือนอย่างแต่ก่อน ยิ่งคิดถึงสถานะของตัวเองที่ภาสกรเลือกให้เป็น พริมาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดและไม่กล้าโทรไปหาเขาอีก
แล้วเธอควรจะไลน์ไปหาไมค์ ดีไหม? เด็กหนุ่มคนนั้น...เขาบอกว่ายินดีช่วยเหลือทุกอย่าง แต่เขาก็เป็นแค่แฟนคลับ... แม้จะคุยกันถูกคอ แต่ก็เพิ่งเจอกันครั้งเดียว...เธอไม่อยากจะคบหาใครอย่างรวดเร็วแบบที่ผ่านมาอีก
พริมายืนลังเลอยู่กลางลานจอดรถ ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน ทั้งหงุดหงิด อ่อนใจ และรู้สึกโดดเดี่ยว เธอมองยางรถที่แบนสนิทอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจ... เธอจะลองจัดการด้วยตัวเองก่อน
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง นิ้วเรียวกดหาเบอร์บริการช่วยเหลือฉุกเฉินของบริษัทประกันภัยรถยนต์คู่ใจ พลางภาวนาขอให้ทุกอย่างราบรื่น
