11 สองความรู้สึก
บทสนทนายังคงดำเนินต่อไปอย่างออกรส ทั้งสองค้นพบความชอบที่คล้ายคลึงกันในเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง
”แล้วเพลงล่ะครับ? คุณชอบฟังเพลงแนวไหน?” ไมค์ถามต่อ
”ถ้าเมื่อก่อน ก็เพลงป๊อปทั่วไปค่ะ แต่ช่วงนี้อินกับเพลงอกหัก หรือบางทีก็เป็นเพลงเก่าๆ ที่ฟังแล้วคิดถึงอดีต คุณล่ะคะ?”
”ผมก็ฟังได้หลายแนวครับ แต่ที่ชอบมากๆ ก็คงเป็นพวกร็อก หรือไม่ก็ฮิปฮอปที่มีเนื้อหาดีๆ” ไมค์ตอบ
“แต่เพลงเก่าๆ หรือเพลงอกหักนี่ก็ชอบนะครับ บางเพลงฟังแล้วมันรู้สึก...เข้าถึงอารมณ์ดี”
”ค่ะ...” พริมาตอบสั้นๆ การได้พบคนที่มีความชอบเหมือนกัน การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมอง ทำให้ความรู้สึกใกล้ชิดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
”แล้วที่เที่ยวล่ะครับ? คุณชอบไปเที่ยวที่แบบไหน?” ไมค์ถามต่อด้วยความสนใจ
”ฉันชอบไปทะเลค่ะ ฟังเสียงคลื่นแล้วรู้สึกผ่อนคลาย หรือไม่ก็ไปเที่ยวธรรมชาติ เงียบๆ สงบๆ คุณล่ะคะ?”
“ผมก็ชอบทะเลเหมือนกันครับ ไปนั่งฟังเสียงคลื่นก็สบายใจดี” ไมค์ตอบ ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนใบหน้าของทั้งคู่ ความรู้สึกบางอย่างที่มากกว่าคนรู้จักเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ท่ามกลางบทสนทนาที่ไหลลื่น
แววตาที่เคยแดงก่ำและเต็มไปด้วยความเศร้าเริ่มมีประกายสดใสขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มบางๆ เริ่มแต้มบนริมฝีปากสวย และบางครั้งก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ เล็ดลอดออกมา การได้ระบายความรู้สึกบางอย่างในใจ แม้จะไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมดของความเจ็บปวดที่ผ่านมา ผ่านการพูดคุยกับแฟนคลับอย่างไมค์ ก็ทำให้ความหนักอึ้งในใจของพริมาค่อยๆ เบาลงอย่างน่าเหลือเชื่อ
ไมค์มีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้พริมารู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ตัดสินเธอจากอาชีพ หรือท่าทีภายนอกเหมือนคนส่วนใหญ่ แต่กลับเหมือนมองเห็นถึงความอ่อนไหวและความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้ภาพลักษณ์ที่เข้มแข็งที่เธอสร้างขึ้นมา
ไมค์ทำให้พริมาคลายจากความเศร้าได้ชั่วขณะ ความเจ็บปวดที่เพิ่งผ่านมาถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นเล็กๆ ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจอย่างเงียบๆ
พริมารู้สึกหวั่นไหวกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ เธอโหยหาใครสักคนที่จะเข้าใจ ใครสักคนที่จะอยู่เคียงข้าง และในค่ำคืนที่แสนจะเปราะบางนี้ เด็กหนุ่มตรงหน้า ผู้ที่บอกว่าเป็นเพียงแฟนคลับที่คอยสนับสนุนเธอ ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของเธออย่างไม่คาดฝัน...
มิตรภาพ หรือบางทีอาจจะเป็นอะไรที่มากกว่านั้น กำลังค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ในบรรยากาศสลัวๆ ที่อบอวลไปด้วยเสียงเพลงแจ๊สของบาร์แห่งนี้
ก่อนที่ค่ำคืนจะล่วงเลยไปมากนัก ไมค์มองพริมาด้วยสายตาที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความหวัง
“คืนนี้...ก่อนเราจากกัน... ผมขอไอดีไลน์ของคุณเอาไว้ได้ไหมครับ?” ไมค์เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ หลังจากพูดคุยกันมานาน
พริมามองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างพิจารณาอีกครั้ง ความรู้สึกดีๆ ที่ก่อตัวขึ้นในใจนั้นอบอุ่นอย่างประหลาด การได้พูดคุยกับใครสักคนในค่ำคืนที่แสนจะเดียวดายและบอบช้ำนี้ กลับกลายเป็นเหมือนยาที่ช่วยเยียวยาจิตใจเธออย่างไม่น่าเชื่อ
“ฉันแถมเบอร์โทรให้คุณด้วยก็ได้ค่ะ...” เสียงหวานปนเศร้าในช่วงแรกของเธอหายไปเหลือเพียงเสียงสดใสที่มีแต่รอยยิ้ม มือเรียวพลางยื่นโทรศัพท์มือถือของเธอให้เขา
ไมค์รับโทรศัพท์ไปอย่างดีใจ ดวงตาคมเป็นประกายอบอุ่นยิ่งกว่าเดิม เขามองพริมาด้วยความชื่นชมและขอบคุณ ราวกับเธอเป็นแสงสว่างที่ส่องนำทางในค่ำคืนที่มืดมิดของเขา
“ขอบคุณมากนะครับคุณพริมา...ผมดีใจที่ได้เปิดเผยตัวตนให้คุณรู้จักสักที”
“ฉันก็ดีใจค่ะ...” พริมายิ้มบางๆ รู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจเช่นกัน
“เอ่อ... คุณพริมาจะรับเครื่องดื่มเพิ่มอีกมั้ยครับ เดี๋ยวบาร์ก็จะปิดแล้ว” ไมค์รีบบอกอย่างเกรงใจ
“ได้ค่ะ” พริมายิ้มรับ
ทั้งสองคนนั่งคุยกันต่อ ไมค์สั่งวิสกี้ให้เธอ เสียงหัวเราะคิกคักดังเป็นระยะ บทสนทนาไหลลื่นและเป็นกันเอง จนพริมาแทบจะลืมเรื่องราวอันเลวร้ายที่เพิ่งผ่านมา
“ชนแก้วค่ะ... ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะคุณไมค์” พริมายกแก้วเบียร์ขึ้น
“ด้วยความยินดีครับคุณพริมา...” ไมค์ชนแก้วกับเธอเบาๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ในบรรยากาศที่แสงสีสลัวและเสียงเพลงคลอเบา ๆ ความสัมพันธ์ที่ไม่คาดฝันของแม่ค้าออนไลน์ผู้เดียวดายกับหนุ่มน้อยสายเปย์ผู้ลึกลับ กำลังเริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆ ท่ามกลางความเหงาที่เริ่มจางหายไป และความหวังริบหรี่ในหัวใจของพริมาที่กำลังจะกลับมาจุดประกายอีกครั้ง
พริมาเริ่มรู้สึกถึงฤทธิ์แอลกอฮอล์ ใบหน้าสวยเริ่มแดงระเรื่อ ดวงตาหวานเยิ้มเล็กน้อย
“คุณพริมา... ดูเหมือนจะเริ่มไม่ไหวแล้วนะครับ ให้ผมไปส่งที่ห้องไหมครับ?” ไมค์เอ่ยด้วยความเป็นห่วง เมื่อรู้ว่าเธอพักอยู่โรงแรมเดียวกัน
“อื้ม...ก็ดีค่ะ ฉันก็เริ่มจะเดินไม่ไหวแล้ว...” พริมาแสร้งทำเป็นเสียงอ่อน คล้ายคนเมาเล็กน้อย เธออยากจะทดสอบดูว่าไมค์เป็นคนอย่างไร
ไมค์พยุงพริมาขึ้นอย่างเบามือ พาเธอเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่เธอบอก ก่อนจะพาเธอมาส่งถึงหน้าห้องอย่างปลอดภัย ตลอดทางเดินไม่ว่าจะเป็นช่วงที่อยู่ในลิฟต์เขาประคองเธออย่างสุภาพ ไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวที่ไม่สมควร พริมาแสร้งทำเป็นเซเล็กน้อยระหว่างเปิดประตูห้อง ไมค์รีบประคองร่างของเธอ
”ขอบคุณนะคะคุณไมค์... เข้ามาข้างในก่อนสิคะ...” เธอช้อนตามองเขาอย่างเย้ายวน ไมค์ยิ้มบางๆ อย่างสุภาพ ก่อนจะตอบด้วยเสียงอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรครับคุณพริมา คุณพักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้คุณจะได้สดชื่น” เขาจัดการล็อกประตูห้องให้เธออย่างดี “กู๊ดไนท์นะครับ”
“กู๊ดไนท์ค่ะ” แล้วไมค์ก็เดินจากไป ทิ้งให้พริมายืนมองตามแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้า
“ไม่น่าเชื่อ...อ่อยซะขนาดนี้!!” หญิงสาวพึมพำ แต่ในใจของเธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในค่ำคืนเปล่าเปลี่ยวนี้ เธอรู้แล้วว่าไมค์เป็นคนดีและไว้ใจได้คนหนึ่ง
แสงแดดยามเช้าสีทองอ่อนๆ สอดส่องผ่านผ้าม่านเนื้อดีเข้ามาในห้องพักสุดหรูของโรงแรม ปลุกพริมาให้ตื่นจากห้วงนิทรา ความรู้สึกในใจเบาบางลงกว่าค่ำคืนที่ผ่านมา ความเศร้าที่เคยเกาะกุมหัวใจไม่ได้ดำดิ่งจนเกินเยียวยา ใบหน้าหวานที่มักจะดูเหนื่อยล้า กลับมีร่องรอยของความผ่อนคลายจางๆ ปรากฏให้เห็น
ความคิดถึงยังคงวนเวียนอยู่กับบทสนทนาเมื่อคืน รอยยิ้มอบอุ่น และแววตาจริงใจของไมค์ เด็กหนุ่มผู้เป็นเหมือนปริศนาที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เจอ เขาทำให้เธอหัวเราะได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่า ไม่ใช่เพียงแค่ในฐานะแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องดิ้นรน แต่ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
ขณะที่สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ชมวิวเมืองยามเช้าอันเงียบสงบ เสียงแจ้งเตือนข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ก็ดังขึ้น พริมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หน้าจอแสดงชื่อที่เพิ่งมีใครบางบันทึกเอาไว้ให้เมื่อคืน
ก่อนจะมองเห็นส่งสติกเกอร์และข้อความสั้นๆ ของเด็กหนุ่ม
Mike : อรุณสวัสครับคุณพริมา เมื่อคืนหลับสบายไหมครับ?
พริมายิ้มบางๆ อย่างมีความสุข ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
Phima : สวัสดีค่ะคุณไมค์ หลับสบายค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะเมื่อคืน
ไมค์ตอบกลับมาแทบจะทันที
Mike : ดีใจครับที่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ วันนี้สู้ๆ นะครับ
ข้อความสั้นๆ เหล่านั้นกลับสร้างความรู้สึกดีๆ ในใจพริมา ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ การได้สัมผัสความจริงใจที่เรียบง่ายเช่นนี้ เหมือนการได้กำลังใจที่ดี ทว่า... ความรู้สึกดีนั้นก็อยู่ได้ไม่นานนัก
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นสายเรียกเข้าจากภาสกร ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าสวยจางหายไปในทันที หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติ ก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ” พริมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะพยายามซ่อนความรู้สึกเอาไว้
“พริมา..เรื่องเมื่อคืน ผมขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้โกรธคุณ”
“อืม..เช้านี้ผมมีประชุม คงไม่ได้เข้าไปหานะครับ” น้ำเสียงของภาสกรฟังดูรีบร้อนเล็กน้อย
“ค่ะ” พริมาตอบสั้นๆ ความรู้สึกเย็นเยียบแล่นปราดเข้ามาในใจ
“คุณกลับบ้านหรือยัง” ภาสกรถามต่อ
“ยังค่ะ ฉันเพิ่งตื่น” พริมาตอบเสียงแผ่ว มองไปยังเพดานห้องหรูหราที่ไม่คุ้นเคย
“โอเคครับ ช่วงนี้ผมอาจต้องไปเฝ้าลูกที่โรงพยาบาล อาจจะไม่ค่อยได้ไปหาคุณนะครับ” คำพูดนั้นราวกับตอกย้ำสถานะของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ” พริมาตอบรับอย่างว่างเปล่า ทั้งที่ในใจกลับรู้สึกโหวงเหวง
เธอวางสายลง ความเงียบงันในห้องกลับเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง ทว่าความรู้สึกที่แตกต่างกลับเข้ามาแทนที่ความเหงาเมื่อคืน การได้พูดคุยกับไมค์เมื่อคืน ราวกับมีแสงสว่างเล็กๆ ส่องเข้ามาในความมืดมิด ทำให้เธอได้เห็นภาพเปรียบเทียบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น... ภาพของความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ไร้สถานะ เต็มไปด้วยความลับ กับความจริงใจที่เรียบง่าย ตรงไปตรงมา แต่กลับเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่าของเธอได้อย่างน่าประหลาด
