บทที่4
“ปากแกนี่มันยังไงนะ! ทำไมถึงได้พูดอะไรแบบนั้น คิดบ้างไหมว่าหนูปันเขาจะเสียใจแค่ไหนกับคำพูดของแก!” คุณหญิงทิพย์โสภาตวาดขึ้นทันทีที่เห็นว่าปันตาเดินหายไปจนลับสายตาก่อนจะจ้องมองพ่อลูกชายตัวดีอย่างเอาเรื่องที่จู่ๆ ก็พูดจาแบบนั้นออกมา
“ผมพูดความจริงที่รู้สึกมันผิดตรงไหนกันครับ อีกอย่างผมกับเธอก็ไม่ได้แต่งงานอยู่กินกันจริงๆ อีกเดี๋ยวเราก็หย่ากันแล้ว เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นเหตุผลเลยสักนิดว่าทำไมต้องไปแคร์เธอ” ไม่รู้ว่านิสัยปากร้ายนี่ได้จากใครมา คุณหญิงทิพย์โสภาคิดคนเดียวก่อนจะส่ายหน้าตอบกลับพ่อลูกชายปากร้ายไปอย่างรวดเร็ว
“ยังไงแกก็ควรไว้หน้าแม่บ้าง! รีบๆ ตามไปขอโทษน้องเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นวันนี้แกอย่าหวังเลยว่าแม่จะยอมปล่อยให้แกออกไปหาแม่นางแบบอะไรนั่นของแกอีก!! รีบไปสิ!” เมื่อเจอเข้ากับคำขู่นี้กิตติจึงไม่มีทางเลือกนอกจากลุกขึ้นออกตัวเดินตามหลังแม่คนชอบสร้างเรื่องไปอย่างเลือกไม่ได้ก่อนจะพบแม่ตัวดีที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่ดวงตาแดงกล่ำเข้าโดยบังเอิญ
“พี่กิต…มาเข้าห้องน้ำเหมือนกันเหรอคะ” ปันตาเอ่ยถามคนที่เอาแต่มองหน้ากันไม่ยอมพูดอะไรออกมาเสียที แม้ว่าเธอจะเคยบอกทุกคนว่าจะอดทนกับทุกๆ อย่าง แต่มันก็อดไม่ได้ไปเสียทุกครั้งที่ต้องปวดร้าวจนต้องแอบมาร้องไห้กับตัวเองเหมือนครั้งนี้
“เธอนี่เล่นละครเก่งเหลือเกินนะปันตา! ถึงได้อุตส่าห์ลงทุนหนีมาบีบน้ำตาเพื่อเรียกคะแนนความสงสารจากแม่ฉันแบบนี้!”
“พี่กิตพูดอะไรคะ ปันไม่เข้าใจ…” หญิงสาวย้อนถามเสียงสั่นก่อนจะจ้องมองคนที่ชอบกล่าวกันอยู่เรื่อยอย่างตัดพ้อ ตลอดเวลาที่รู้จักกันมากิตติไม่เคยมองเธอในแง่ดีเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าเธอเผลอไปทำตัวร้ายกาจให้เขาได้เห็นตอนไหนเขาถึงได้เกลียดกันถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เธอรักแค่เขามาโดยตลอด
มันคือความรักข้างเดียวที่ไม่มีค่าอะไรกับเขาเลย!
“ไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจกันแน่ห๊ะ!! เธอจะทำให้ฉันถูกแม่ต่อว่าไปอีกเท่าไหร่ถึงจะพอใจเธอ!!” กิตติตวาดถามก่อนจะกระชากต้นแขนแม่ตัวดีเข้าหาตัวอย่างแรง เขาไม่สนเลยสักนิดว่าแรงกระชากนั้นจะทำให้เธอเจ็บปวดมากแค่ไหน เพราะยิ่งเธอเจ็บเขาก็ยิ่งสะใจมากขึ้นเท่านั้น ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่ามีอะไตดีนักหนาแม่ของเขาถึงได้รักได้หลงเธอเสียยิ่งกว่าเขาที่เป็นลูกแท้ๆ แบบนี้ได้
“พี่กิตปันเจ็บนะคะ…แล้วอีกอย่างปันก็ไม่เคยคิดที่จะทำพี่กิตถูกคุณแม่ต่อว่าด้วย พี่กิตเองต่างหากละคะที่ทำตัวเอง โอ้ย!!” หญิงสาวถึงกลับร้องลั่นขึ้นเมื่อต้นแขนถูกบีบอย่างแรงจากคนใจร้ายที่ดูท่าจะโกรธกันเอามากๆ กับอีแค่คำพูดของเธอเพียงไม่กี่คำ
“เธอต่างหากที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าเธอแอบใส่ร้ายแฟนของฉันเอาไว้ว่ายังไงบ้าง อิจฉาเขานักรึไงที่ฉันรักเขาไม่ได้รักผู้หญิงอย่างเธอ!! ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากตัว!” เมื่อเจอเข้ากับคำสปหม่าที่รุนแรงปันตาจึงเป็นฝ่ายหมดความอดทนสะบัดต้นแขนของตัวเองจนหลุดพ้นก่อนจะฟาดมือลงบนใบหน้าคมคายของกิตติเข้าอย่างแรงด้วยความพลั้งเผลอ
“พะ…พี่กิต ปันขอทะ…อื้อ!!!” ไม่ทันที่คำขอโทษจะหลุดออกจากปากร่างของเธอกลับถูกกระชากเข้าอย่างแรงก่อนจะตามมาด้วยริมฝีปากหนาที่กระแทกเข้าหากันอย่างรุนแรง หญิงสาวดิ้นเร้าอยู่ภายในอ้อมกอดที่กักขังเธอเอาไว้แน่นก่อนกิตติจะตะบมจูบแม่ตัวดีที่กล้าตบหน้ากันอย่างดุดัน จูบแรกที่คิดว่าจะเก็บมันเอาไว้ให้เขาในวันที่เขารักกันถูกช่วงชิงไปอย่างป่าเถื่อนไร้ความอ่อนโยนที่ควรมีจนปันตาเริ่มรู้สึกถึงคาวของกลิ่นเลือดขึ้นมา
ในขณะที่หญิงสาวกำลังดิ้นรนหาทางรอดอยู่นั้นกิตติกลับกำลังสนุกที่ได้แกล้งคนในอ้อมกอด หากแต่เมื่อได้สัมผัสไปเรื่อยๆ กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ติดใจจูบอ่อนหวานของเธอ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกระชากเอาข้อมือน้อยๆ ที่กำลังทุบอกกันอย่างเอาเป็นเอาตายมารวบไว้ด้วยมือเดียวก่อนมือีกข้างจะเอื้อมไปกระชากผมของปันตาลงเบาๆ เพื่อให้เธอเงยหน้าขึ้นรับลิ้นอุ่นร้อนของเขาที่ฉกเข้ามาดูดดึงลิ้นน้อยของเธออย่างเอาแต่ใจตนเอง
จูบยาวนานที่กินเวลาล่วงเลยไปถึงสิบนาทีทำเอาคนที่เคยดิ้นรนถึงกลับเข่าอ่อนให้กับสัมผัสที่ไม่เคยพาลพบมาก่อนกับใคร แต่ยังไม่ทันไรทั้งสองก็ต้องรีบผละออกจากกันเมื่อมีเสียงจากใครคนหนึ่งดังขึ้นขัดมาขัดจังหวะเข้าซะก่อน..
“อุ้ย!! เอ่อ ขอโทษค่ะ พอดีคุณหญิงให้ทิวาเข้ามาดูว่าคุณๆ เสร็จกันรึยัง…” พนักงานของร้านเอ่ยขึ้นหลังจากที่เผลอเข้ามาขัดจังหวะจูบอันเร้าร้อนของว่าที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวคนสวยเข้าให้ ในขณะที่ปันตานั้นรู้สึกอับอายจนไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าอีกฝ่าย หญิงสาวรีบผละตัวถอยห่างจากคนฉวยโอกาสก่อนจะเดินกลับไปหาแม่สามีพร้อมๆ กับยกมือขึ้นถูกปากของตัวเองไปมาตลอดทาง
