บทที่1
บ้านสุขสกุล
“จริงเหรอคะคุณพ่อ! นี่พี่กิตเขายอมแต่งงานกับปันแล้วจริงๆ เหรอคะ!” ปันตา สุขสกุล บุตรสาวเพียงคนเดียวของคุณอนัน เจ้าของบริษัมอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจเมื่อได้รับข่าวดีต้อนรับการกลับจากสัมนาแทนผู้เป็นพ่อเข้า ข่าวดีที่เธอเฝ้ารอมานานหลายปีจนเกือบๆ จะตัดใจไปแล้วว่าวันนี้คงไม่มีวันมาถึง วันที่เธอจะได้เป็นเจ้าสาวของเขาคนนั้นสมใจ
“จริงสิลูก! นี่พ่อเองก็เพิ่งจะวางสายจากคุณหญิงไปเอง เขาบอกให้ปันเตรียมตัวเอาไว้รอเลยนะลูก ประเดี๋ยวพรุ่งนี้จะส่งคนมารับไปลองชุดแต่งงาน ปันดีใจไหมลูก” คุณอนันเอ่ยถามบุตรสาวที่ตนรักเสียยิ่งกว่าชีวิตออกไปพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“ดีใจสิคะพ่อ! พ่อก็รู้ว่าปันรักพี่กิตเขามากแค่ไหน แต่ว่าทำไมเขาถึงยอมตอบตกลงง่ายๆ อย่างนี้ละคะ ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาก็ปฏิเสธมาโดยตลอด” หญิงสาวตอบพร้อมย้อนถามด้วยความไม่เข้าใจ และถึงแม้ว่าเธอจะรักว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองมากแต่ในขณะเดียวกันนั้นเขากลับไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลยสักครั้ง
หนำซ้ำยังพยายามบอกปัดเรื่องงานแต่งงานมาโดยตลอด แต่แล้วนี่มันอะไรกันทำไมเขาถึงได้ยอมตกลงง่ายนักนะ!
“พ่อเองก็ไม่รู้ความเป็นมาเหมือนกัน แต่มันก็ดีแล้วที่ในที่สุดครอบครัวของเราสองคนจะได้ดองเป็นแผ่นเดียวกันเสียที ปันของพ่อเองก็จะได้มีความสุข” ปันตาพยักหน้ารับด้วยความตื่นเต้นดีใจกับความจริงที่เมื่อก่อนทำได้แค่เพียงฝันถึงเท่านั้น
“ค่ะพ่อ ปันจะต้องมีความสุขค่ะ ไม่ว่าจะต้องพยายามแค่ไหนปันจะทำให้พี่กิตรักปันให้ได้ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงปันนะคะ” คุณอนันอมยิ้มให้แทนคำตอบ ด้วยรู้ดีว่าลูกสาวของเขานั้นมั่นคงต่อรักครั้งนี้มากเพียงใด แม้ว่าจะมีอยู่บ่อยครั้งที่เขาพยายามจะบอกให้เธอตัดใจจากกิตติไปเสีย แต่ปันตากลับแน้วแน่และยืนหยัดว่าชาตินี้จะไม่ขอรักใครอีกเลยนอกจากกิตติ
ชายหนุ่มที่เป็นดั่งรักแรกของตัวเอง…
เช้าวันใหม่ปันตาตื่นขึ้นมาด้วยความร่าเริง หญิงสาวจำต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อรอคนที่คุณหญิงทิพย์โสภาบอกว่าจะส่งมารับให้ไปดูชุดแต่งงาน แต่เมื่อรถคันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหญิงสาวกลับเบิกตาโพลงขึ้นเพราะคาดไม่ถึงว่าคนที่ขับรถมารับเธอถึงที่บ้านจะไม่ใช่คนอื่นนอกจากกิตติว่าที่สามีของเธอนั่นเอง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่กิต” หญิงสาวรีบทัดทายพร้อมส่งยิ้มหวานตามไปให้เมื่อคนหน้าบึ้งพาตัวเองลงมาจากรถก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้ากัน เขายังคงหล่อเหลาไม่เปลี่ยนหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานถึงสองอาทิตย์เต็มๆ เพราะเธอต้องเดินทางไปสัมมาแทนพ่อ
“สิบโมงแบบนี้แถวบ้านฉันเรียกว่าสาย! รีบไปขึ้นรถเสียที!!” ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมานั้นทำเอาคนที่คาดหวังจะให้เขาพูดดีๆ กับเธอบ้างถึงกลับหน้าเสียไปชั่วครู่ แต่ไม่นานเธอก็ส่งยิ้มให้กำลังใจตัวเองก่อนจะรีบเดินอ้อมไปนั่งอีกฝั่งตามคำสั่งก่อนจะรีบคว้าเอาเข็มขัดนิรภัยมารัดเพราะรู้ว่ากิตตินั้นขับรถไวแค่ไหน
ไม่นานรถสปอร์ตคันงามสีแดงเพลิงก็มาจอดลงที่หน้าร้านรับจัดงานแต่งงานแห่งหนึ่ง กิตติเดินนำหญิงสาวเข้าไปในร้านก่อนทั้งสองจะเดินไปหาแม่ของเขาที่มารออยู่นานแล้วและก็ยังไม่วายโทรไปสั่งให้เขาไปรับปันตาที่บ้านเพื่อที่จะได้มาเจอกันที่นี่
มันน่าหงุดหงิดเหลือเกินที่เขาต้องมาทำตามทุกอย่างที่แม่สั่งราวกับเด็กสามขวบแบบนี้ อีกทั้งเมื่อคืนกว่าจะเคลียกับแฟนสาวอย่างรุจิราได้เข้าใจก็ปาไปตีสามกว่า ฝ่ายนั้นแทบจะกรีดร้องออกมาทันทีที่เขาเอ่ยบอกว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ
แต่พอเธอสงบลงได้เขาจึงเริ่มต้นเล่าเหตุผลและแผนการให้ได้ฟังพร้อมกับเซ็นเชคให้เธอไปซื้อกระเป๋าใบใหม่เป็นรางวัลปลอบใจเธอถึงได้ยอมรับและสัญญาว่าจะรอวันที่เขาหย่าขาดกับปันตาเพื่อที่จะได้ไปแต่งงานใช้ชีวิตคู่กับเธอ หย่าขาดจากผู้หญิงบ้า
คนที่ทำให้เขาอารมณ์เสียได้ทุกครั้งที่เจอกัน!!
“สวัสดีค่ะคุณป้า” เสียงหวานเอ่ยทักทายผู้อาวุโสกว่าก่อนจะยกมือไหว้อย่างนอบน้อมเมื่อพบหน้ากัน สำหรับปันตาแล้วนั้นคุณหญิงทิพย์โสภาก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับแม่คนที่สองของเธอเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะเธอที่ขาดแม่มาตั้งแต่เด็กๆ พ่อเธอจึงมักจะพาไปฝากเอาไว้กับคุณหญิงอยู่บ่อยครั้ง และด้วยความคุ้นเคยกันนี้เองเลยทำให้ทั้งสองคนนั้นสนิทสนมกันมากกว่าใครๆ จนพาลทำให้คุณหญิงทิพย์โสภายิ่งอยากจะได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ของตัวเอง
