บทนำ
ภายในห้องโถงใหญ่ที่ประดับไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราสมฐานะของบ้าน ประสิทธิราช ที่ในขณะนี้นั้นทั่วทั้งห้องโถงกำลังตลบอบอวลไปด้วยความตรึงเครียดระหว่างสองแม่ลูกที่ต่างก็จ้องมองกันและกันอย่างไม่มีใครคิดจะยอมอ่อนข้อให้ใคร เนิ่นนานที่ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบงันเข้ามาครอบคลุมทุกๆ อย่างก่อนคุณหญิง ‘ทิพย์โสภา ประสิทธิราช’ ภรรยาของคุณปราโมทช์ ประสิทธิราชที่เพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนตร์จะตัดสินใจเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่แสนจะน่าอึดอัดลงไปในที่สุด
“แม่จะไม่พูดซ้ำแล้วนะตากิต! ทุกๆ อย่างจะต้องดำเนินการไปตามที่พ่อของแกกับคุณอนันตกลงกันเอาไว้ไม่เปลี่ยน! แกจะต้องแต่งงานกับหนูปันตาต้นเดือนหน้านี้!!” เสียงกำชับจากผู้เป็นแม่ทำเอา ‘กิตติ’ ชายหนุ่มวัยสามสิบห้าปีจำต้องลอบถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเพราะนี่มันไม่ใช่ครั้งแรกเลยที่เขาจำต้องสละเวลาที่จะเดินทางไปหาแฟนสาวอย่าง รุจิรา เพื่อมานั่งถกเถียงกับแม่เรื่องของคำสัญญาที่พ่อของเขาเคยได้ให้เอาไว้กับคุณอาอนันเพื่อนรักที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันว่าหากต่างฝ่ายต่างมีลูกสาวและลูกชายจะให้ทั้งสองดองกันเพื่อที่ทั้งสองครอบครัวนั้นจะได้มีทายาทของทั้งสองเอาไว้สืบทอดกันต่อไป
“ยังไงผมก็ไม่แต่งครับ! นี่มันชีวิตของผมนะครับคุณแม่ อีกอย่างผมเองตอนนี้ก็มีคนรักที่ผมอยากจะแต่งงานด้วยอยู่แล้วคุณแม่ก็น่าจะทราบนี่ครับ!!” เขายังคงยืนกรานคำตอบเดิมเหมือนอย่างที่ได้ให้ผู้เป็นแม่กลับไป หากแต่ครั้งนี้อีกฝ่ายคงไม่ยอมง่ายๆ
“แม่นางแบบอะไรนั่นน่ะเหรอ! นี่แกโง่หรือแกล้งโง่กันแน่นะตากิตถึงได้ไม่รู้เลยว่าหล่อนคบกันแกก็เพราะหวังอยากจะได้เงิน! แล้วแกก็อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่าแกเพิ่งจะถอยรถใหม่ป้ายแดงให้หล่อนไป! ผู้หญิงหิวเงินไร้ยางอายอย่างนั้นน่ะเหรอที่แกจะเอามาเป็นสะใภ้แม่! ยังไงแม่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน!!” คุณหญิงทิพย์โสภาตวาดลั่นอย่างเหลืออด นางจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับลูกชายอีกแล้วไม่ว่าจะด้วยเรื่องไหนก็ตามที พอกันเสียทีกับความอดทนที่มีมา
“แต่รุ้งเขาเป็นคนดีนะครับคุณแม่ และเขาก็ยังเป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วมีความสุขที่สุด ไม่ว่ายังไงผมก็จะแต่งงานกับเธอ!” กิตติยังคงยืนยันเป็นคำพูดเดิมที่เขาได้บอกออกไปทุกครั้งที่ทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้ เขารักรุจิรา และนั่นคือความจริงที่จะไม่มีวันเปลี่ยน
“แกเคยอยู่กับใครนอกจากแม่นั่นบ้างล่ะ! แม่ยอมให้แกได้ทุกเรื่องนะตากิต แต่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องเดียวที่แม่จะไม่มีวันยอม เพราะพ่อของแกรับปากฝ่ายนั้นเขาเอาไว้แล้ว แกจะให้พ่อกับแม่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนเสียสัจจะตอนแก่กันอย่างนั้นเหรอ!!” คราวนี้กิตติกลับต้องเงียบลงไป ชายหนุ่มรู้ดีว่าพ่อของเขานั้นยึดมั่นต่อคำสัญญามากแค่ไหน แต่ครั้นจะให้เขาไปแต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองไม่รัก แบะไม่คิดที่จะรักเขาเองก็ทำใจยอมรับมันไม่ได้เหมือนกัน
“แต่งกันแล้วถ้าไปไม่รอดค่อยหย่ากันก็ได้ เถอะนะตากิต ถือเสียว่าแม่ขอร้อง แกทำเพื่อแม่ได้ไหม แม่ขอแกแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว” ทว่าเมื่อได้ยินประโยคนี้จากผู้เป็นแม่เข้ากิตติถึงกลับเงียบนิ่งไปก่อนจะลอบยิ้มเพราะเขาแทบไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน น่าแปลกจริงๆ ที่แม่ของเขากลับคิดขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
แต่งแล้วค่อยหย่าอย่างนั้นเหรอ…
แบบนี้นอกจากจะทำตามคำสัญญาของพ่อได้แล้วเขาก็ยังไม่ต้องทนฟังผู้เป็นแม่รบเร้าเรื่องน่าเบื่อหน่ายแบบนี้ทุกครั้งที่เจอหน้ากันอีกต่อไป นี่มันคงเป็นทางออกทางเดียวที่ดีที่สุดแล้วตอนนี้
“ก็ได้ครับ! ผมจะแต่งงานตามที่คุณแม่สั่งแล้วจะรีบหย่าทันที จากนั้นถ้าหากว่าผมจะรักใครคุณแม่ก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามแล้วนะครับ เพราะผมถือว่าผมทำตามคำสั่งของคุณแม่แล้วเหมือนกัน ตกลงตามนี้นะครับ” คุณหญิงทิพย์โสภาจำต้องยอมรับปากลูกชายแต่โดยดีก่อนจะจ้องมองลูกสุดที่รักที่ค่อยๆ เดินหายออกไปจากห้องโถงด้วยรอยยิ้มแพรวพราว ไม่นานนางก็เอ่ยขึ้นกับตัวเอง...
“ถ้าหนูปันยอมหย่าให้แกล่ะก็นะ!” นางว่าพร้อมแสยะยิ้มอย่างคนมีแผนร้ายหลบซ่อนอยู่ภายในใจ
เป็นที่รู้ๆ กันดีว่าปันตาว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอนั้นรักกิตติมากแค่ไหน มีหรือที่ฝ่ายนั้นจะยอมหย่าให้ง่ายๆ ไม่มีวันเสียหรอก
เพราะนอกจากปันตาจะไม่ยอมหย่าแล้วนั้นนางเองก็จะทำทุกๆ วิถีทางไม่ให้ทั้งสองคนต้องหย่ากัน ไม่ว่าจะยังไงภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของกิตติจะต้องเป็นหนูปันตาคนเดียวเท่านั้น!
