ปรับตัวกับโลกใบใหม่ 2
ฉินหร่านถอนวัชพืชไม่นานก็พอให้เห็นรูปร่างต้นผักได้ชัดเจนมากขึ้น มันมีแตงกวาที่ถูกปกคลุมด้วยใบจนมองแทบไม่เห็น เพราะไม่มีเสาไม้ให้ต้นแตงกวาเลื้อยขึ้นไปทำให้ดูรกไปหมด นางพยายามจัดการหญ้าให้ได้มากที่สุด ก่อนจะสะดุดกับฟักทองขนาดกำลังพอดีไม่กี่ลูกอีกทาง อย่างน้อยเย็นนี้นางก็ได้อาหารเย็นแล้ว
อากาศร้อนอบอ้าวในเวลากลางวันเช่นนี้ ทำให้ใบหน้านางมีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด แต่โชคดีที่ร่างกายของร่างเดิมแข็งแรงทำให้ไม่ได้เป็นลมอย่างที่คิด แต่อาหารเช้าที่นางกินก็ย่อยไปหมด
และผลผิงเพียงผลเดียวก็ไม่อยู่ท้องทำให้ท้องนางร้องประท้วงไม่หยุด จึงต้องเก็บแตงกวาไปล้างและกัดกินอย่างหิวกระหาย ดวงตางดงามมองภาพเบื้องหน้าอย่างไม่ย่อท้อ แม้สวรรค์จะส่งมาในที่ไม่รู้จักแต่นางก็จะใช้ชีวิตให้ดี
“ภรรยา” เสียงเรียกดังมาจากในบ้าน ทำให้ฉินหร่านกัดแตงกวาคำสุดท้ายลงท้อง ก่อนจะเดินกลับไปหาคนเรียก ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นสามีตาบอดของนาง
“ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ” ฉินหร่านตอบรับขณะที่มองมือของฉีเยี่ยน ซึ่งเวลานี้ได้ไก่ป่ามาตัวหนึ่งจริงๆ ดวงตางดงามวาววับอย่างยินดี วันนี้นางได้กินเนื้อแล้ว
“โชคดีที่กับดักที่ข้าทำไว้ติดไก่ป่ามาอีกตัว” ฉินหร่านมองคนพูดที่สวมใส่เสื้อผ้ากลางเก่ากลางใหม่ สงสัยเงินก้อนสุดท้ายเก็บไปแต่งเมียหมดแล้วจริงๆ
“ท่านพี่ไปพักเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวไก่นี่ข้าจัดการเอง” ฉินหร่านเอ่ยบอกเมื่อเห็นเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า
“ได้” ฉีเยี่ยนตอบรับอย่างว่าง่าย ก่อนจะยื่นไก่ให้นาง ซึ่งทราบจากทิศทางจากเสียงลมหายใจของนาง แม้จะมองไม่เห็นแต่สัมผัสของเขากลับมาเติมเต็มในสิ่งที่ขาดไป และเขาเองก็มีวรยุทธ์ทำให้ไม่เดือดร้อนมากนัก เสียดายที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าภรรยาได้ แต่น้ำเสียงและกลิ่นกายของนางกลับทำให้เขาจดจำได้ขึ้นใจ
ฉินหร่านเดินมารับไก่ป่าตัวไม่ใหญ่มากนัก ก่อนจะเดินเข้าไปจัดการในห้องครัว เพราะตอนนี้นางอยากกินอะไรอร่อยๆ เยียวยาหัวใจ วันนี้ยังไม่มีเครื่องปรุงดีๆ จึงทำได้แต่ย่างไก่โรยด้วยเกลือแบบง่ายๆ เท่านั้น นางจัดการต้มน้ำลวกไก่ถอนขนไก่ออกอย่างชำนาญ ก่อนจะหามีดผ่าท้องล้างเครื่องในไก่ และโยนสิ่งของที่กินไม่ได้ทิ้งอย่างไม่ลังเล นางใช้เวลาเพียงสามเค่อ(1เค่อเท่ากับ15นาที)ก็ได้ไก่ย่างกลิ่นหอมและสีเหลืองทองน่ากิน
ฉินหร่านแบ่งไก่เป็นสองจานก่อนจะกลับมายังโต๊ะอาหารหรือโต๊ะรับแขกนั่นเอง ก่อนจะมองหาสามีตาบอดของนางที่ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของบ้าน จึงได้ตะโกนเรียกให้มากินข้าว
“ท่านพี่มากินข้าวกันเถอะเจ้าค่ะ”
ฉีเยี่ยนเดินออกมาจากห้องนอน ตรงมายังห้องรับแขกหรือที่กินข้าวอย่างว่าง่าย กลิ่นหอมของไก่ทำให้เขาเผลอกลืนน้ำลายหลายรอบ นานมากแล้วที่ไม่ได้กลิ่นหอมเช่นนี้ ร่างสูงเกร็งแขนเล็กน้อยเมื่อถูกมือบอบบางจับจูงมายังอ่างล้างมือ ก่อนจะพากลับมานั่งบนโต๊ะอาหารอย่างเรียบร้อย หัวใจที่ด้านชามาโดยตลอดสั่นไหวอย่างรุนแรง เพราะไม่เคยมีใครใส่ใจเช่นนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว
“ท่านพี่ลองชิมดูเจ้าค่ะ เครื่องปรุงของเราไม่มี เหลือเพียงแค่เกลือ ข้าก็เลยย่างไก่แบบง่ายๆ หากมีเครื่องปรุงมากกว่านี้ไก่ย่างจะอร่อยกว่านี้อีกเจ้าค่ะ” ฉินหร่านเอ่ยบอก ก่อนจะช่วยหยิบไก่ที่ร้อนน้อยที่สุดให้อีกคนถือเอาไว้
ฉีเยี่ยนไม่ปฏิเสธความหวังดี เขาหยิบไก่มากินอย่างว่าง่าย รสชาติหอมหวานและอร่อยจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นไก่ที่เขานำมา ฝีมือในครัวนางไม่ธรรมดาจริงๆ นี่แค่ไก่ธรรมดาที่ไร้เครื่องปรุงยังสามารถทำออกมาได้ดีขนาดนี้
“เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามเต็มไปด้วยความคาดหวัง จนทำให้ชายตาบอดชะงักไปชั่วครู่หัวใจเต้นผิดจังหวะ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยความจริงใจ
