ตอนที่ 18 ของกำนัลจากใจ (ep.1)
แม่อุ่นเป็นคนว่านอนสอนง่ายไม่มีปากมีเสียง แม่แก้วแม่ของขุนทองดีจึงไม่ค่อยหาเรื่องดุด่าเหมือนเมียคนอื่นของพระศรีบดินทร์ฤาชัย อีกทั้งช้องมาศก็อ่อนโยนเรียบร้อยไม่มีปากมีเสียง อีกทั้งยังมีกิริยาน่ารักและเจียมตัว
“ยังไม่นอนอีกรึพ่อขุน”
แม่แก้วร้องถามเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั่งอยู่ที่ชานเรือนตรงที่พระศรีบดินทร์ฤาชัยเคยนั่งประจำ
“กระผมรอท่านเจ้าคุณพ่อขอรับแม่ท่าน”
เขาตอบพลางมองไปหาช้องมาศที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่กับบ่าวคือเรไร ทำให้แม่แก้วมองตามสายตาของเขา
“พ่อค้าชาวปัตตานี ได้เกลือมามากโข เกลือปัตตานี้ได้ชื่อว่าดีแท้ แล้วบ่าวก็ได้ปลาในแม่น้ำมามากนักแม่ให้ช้องมาศนำพาบ่าวไพร่ทำปลาเค็ม ตากแดดเก็บไว้กินหน้าแล้งบ้าง นี่ลมฝนตั้งเคล้ามาก็คงพากันมาดูว่าบ่าวไพร่เก็บปลาไว้ดีหรือไม่”
แม่แก้วหันมามองหน้าลูกชาย
“จะรอเจ้าคุณพ่อก็รอไปเถอะนะ อีกมินานดอกก็คงกลับถึงเรือน แม่ให้นังพวกนั้นมันอบผ้าไว้ จะเข้าไปดูสักประเดี๋ยว”
“แม่ท่านขอรับ”
เมื่อแม่แก้วเตรียมจะลุกไปขุนทองดีรีบเรียกไว้แล้วมองหน้าแม่ตรง ๆ
“กระผมมีเรื่องจะขอความเมตตาจากแม่ท่านขอรับ”
แม่แก้วมองหน้าเขาอย่างสงสัยเพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่ขุนทองดีจะมาขอความช่วยเหลือจากตน นับตั้งแต่เขาเริ่มมีเมียทาสแล้วได้ลูกติดอยู่หลายคนแต่ไม่ได้ยกขึ้นมาเลี้ยงดูอย่างเปิดเผย เพียงแค่ปลูกเรือนให้อยู่ในละแวกเรือนใหญ่ห่างออกไปทางด้านหลัง นาน ๆ จึงจะได้เห็นสักครั้ง
“กระผมใคร่ขอให้แม่ท่านช่วยบอกแม่อุ่นให้ชะลอการออกเรือนของช้องมาศไว้สักระยะ”
“เหตุใดกันรึ”
ขุนทองดีขยับเข้าไปใกล้แม่อีกนิด
“กระผมหลงรักปักใจแม่หญิงจอมนางมานานนับได้หลายขวบปี ย่างตั้งแต่แม่เริ่มโต แต่ด้วยนิสัยของนางเป็นคนหยิ่งก็ยิ่งทำให้กระผมทั้งเกรงและปรารถนา ยิ่งเพลานี้นางเป็นสาวเต็มตัวช่างงดงามเสียยิ่ง กระผมมิอาจจะปล่อยให้ชายใดได้นางไปครอบครอง”
“พ่อขุนหมายใจจะได้แม่จอมนางมาเป็นแม่เรือนโดยแท้กระนั้นรึ”
“ขอรับ”
“แล้วบรรดาเมียทาสกับลูกทาสของพ่อขุนเล่าจะมิเป็นปัญหาแน่รึ แม่จอมนางจะกำหลาบได้อยู่หรือไม่ พวกมันทะเลาะกันมิเว้นวันให้แม่ต้องปวดหัว อยากจะขายพวกมันให้เป็นทาสเมืองแขกวันละหลายร้อยรอบ”
แม่แก้วพูดพลางแสดงสีหน้าท่าทางจนเห็นชัดว่าสิ่งที่นางพูดนั้นน่ารำคาญจริง ๆ
“ขอเพียงให้กระผมได้แม่จอมนางเท่านั้น กระผมจะยอมทำทุกอย่าง กระผมรักนางจริง ๆ นะขอรับแม่ท่าน”
แม่แก้วมองหน้าเขา
“เรียนหอกเรียนดาบ เล่นพนันขันแข่ง สุรายาเมา ซ่องสุมผู้คนยังง่ายกว่าจีบแม่จอมนางนี่กระนั้นรึ”
ขุนทองดียิ้มแหย ๆ ที่แม่พูดทิ่มตำใจเขา
“แม่จอมนางมีใจด้วยเจ้าสักน้อยหรือไม่เล่า”
“กระผมคิดว่านางมีใจให้กระผมอยู่บ้าง ดักลอบต้องหมั่นกู้ กระผมหมั่นกู้ทุกค่ำเช้า จนแน่แก่ใจว่า อีกมินานใจแม่จอมนางคงอ่อนยอมตามใจกระผม แต่เรื่องมันไม่ง่ายเมื่อจู่ ๆ อ้ายฮาริสมันก็โผล่มาตัดหน้า มันอาศัยที่พ่อของมันสนิทสนมกับท่านพระยาพานทองเพชรรัตน์บิดาของนาง”
“ฮาริส ฟังชื่อเหมือนพวกแขก”
“แขกเซ็นขอรับแม่ท่าน บุตรของพระยาภักดีพิชัย”
แม่แก้วผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ
“ขอเพียงแม่ท่านออกหน้าให้แม่อุ่นรั้งช้องมาศเอาไว้ อย่าเพิ่งตกปากรับคำนายช่างเปรม จากนั้นก็เอาข้ออ้างเรื่องแม่จอมนางขึ้นมา หากแม้นว่าแม่จอมนางมิปรารถนาจะให้พี่ชายช้ำใจที่ยังมิได้สมหวังในรักกับช้องมาศ นางก็เห็นควรจะรับปากตกลงปลงใจกับกระผมด้วยดี”
“จริงแท้แน่กระนั้นรึ”
แม่แก้วย้อนถามเพื่อให้มั่นใจ
“ขอรับ กระผมมีแผนการไว้แล้วด้วยขอรับ”
“นี่คงเป็นเหตุที่พ่อขุนมารอเจ้าคุณพ่อ”
“ขอรับ”
แม่แก้วพยักหน้า
“เอาเถอะ แม่จะช่วยเจ้าให้สมรัก จะรั้งแม่ช้องมาศเอาไว้รอทีแม่จอมนางรับคำเจ้าก่อน”
แม่แก้วพูดจบก็ตรงไปดูบ่าวไพร่ที่อบผ้าไว้ในหีบที่บรรจุดอกไม้แห้งหลายชนิดผสมกับน้ำอบน้ำปรุง อบผ้าให้หอม ฝ่ายขุนทองดีก็เฝ้าชะเง้อชะแง้รอพ่อว่าเมื่อไหร่พ่อจะกลับ เพื่อที่เขาจะได้ซักถามเรื่องที่คาใจอยู่ด้วย
บรรดาบ่าวไพร่ต่างยกสำรับอาหารหวานคาว ผลไม้และขนมต่าง ๆ ออกมาที่ชานเรือนซึ่งเป็นที่นั่งกินข้าวของครอบครัว ตามคำสั่งของคุณหญิงช้อย ล้วนเป็นอาหารไทยผสมผสานกับอาหารแขก อาหารฝรั่ง แล้วแต่จะคิดสรรปรุงกันขึ้น
ฝ่ายจมื่นศรีสุรนาทก็ยังนั่งคุยกับท่านพระยาภักดีพิชัยผู้เป็นบิดาอยู่ยังโถงกว้าง โดยมีคุณหญิงช้อยที่นำหน้าบ่าวไพร่ตรงเข้าไปสมทบ
“เจ้าคุณพ่อมีเรื่องหนักใจหรือขอรับ”
จมื่นศรีสุรนาทเอ่ยถามเมื่อยกถ้วยชาขึ้นจิบ ฝ่ายพระยาภักดีพิชัยก็วางศอกเท้าหมอนอิงพลางสูบมอระกู ด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด
“วันนี้มีการพูดคุยแบ่งฝักแบ่งฝ่าย”
“ฝ่ายใดบ้างหรือขอรับ”
“ฝ่ายของสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว กับฝ่ายของ จางวาง (เจ้ากรม) ในกรมพระคชบาล”
จมื่นศรีสุรนาทนิ่งไปชั่วครู่
“จางวางในกรมพระคชบาล..ออกพระเพทราชาหรือขอรับ”
“ใช่ บัดนี้หาได้กินเพียงตำแหน่งจางวางดูแลช้างในพระองค์แต่เพียงถ่ายเดียวไม่ ยังได้กินตำแหน่งรักษาการสมุหกลาโหมอีกตำแหน่ง ซึ่งเมื่อออกพระเพทราชาได้กินตำแหน่งนี้ ก็มีพรรคพวกมากขึ้นเป็นหูเป็นตาสอดส่องในพระนคร”
