ตอนที่ 13 คนสำคัญของใจใครก็ไม่อาจเทียม (ep.1)
แกงกะหรี่ มัสมั่น กุรหม่าไก่ ถูกลำเลียงขึ้นมาจากเรือนครัว ตามด้วยอาหารจานน้ำพริกของไทย ปลาปิ้งกุ้งย่าง ผักแนม และขนมของชาวเปอร์เซีย ข้าวเปียกนม ข้าวแขกและมัสกาตีหรือมัสกอด ขนมไส้ไก่ ปกติขนมพวกนี้จะใช้ในพิธีต่าง ๆ ของชาวมุสลิม แต่สำหรับคนไทยก็จะนำมาทำทานกันไม่เลือกเทศกาล
อิบบา เชวู นั่งอยู่ด้านหนึ่งบนตั่งเตี้ย ๆ เอนหลังพิงหมอนอิงแล้วสูบยามอระกู (เป็นหม้อสูบยาที่ทำจากเงิน เดิมเป็นของพวกแขกมัว แต่เวลานั้นกลับเป็นที่นิยมในกลุ่มชาวเปอร์เซียแม้แต่ชาวสยาม ลักษณะเป็นขวดทรงสูงหรือหม้อมีขาหยั่ง ด้านบนมีถ้วยสำหรับใส่ยาสูบ ถ้วยนั้นมีฝาปิด และมีท่อต่อจากถ้วยลงมาถึงก้นขวดที่มีน้ำหล่ออยู่ เมื่อดูดท่อจะทำให้ควันผ่านน้ำขึ้นมา)
ตัวยาสูบเป็นใบยาสูบที่ฉีกเป็นเส้น ๆ คลุกเคล้าด้วยน้ำผึ้ง และอาจเติมแต่งกลิ่นของผลไม้เช่นแอปเปิ้ล แต่สำหรับอิบบา เชวู เขาสูบยาที่เนื้อยาผสมจากอินทผลัม ซึ่งฉุนและแรงกว่าแต่งกลิ่นด้วยแอปเปิ้ล
“มัวพิรี้พิไรอยู่ไย เร็วเข้า”
เสียงคุณท้าวโสภานิเวศหรือแม่ประยงค์เอ็ดบ่าวที่จัดเตรียมอาหารขึ้นมาช้า ก่อนจะเดินมาตรวจดูอาหารในสำรับว่ามีครบแล้วหรือยัง
“ลาติฟา คุณพระนายยังไม่ตื่นกระนั้นหรือ”
คุณท้าวร้องถามบุตรี
“ตื่นแล้วเจ้าค่ะแม่ท่าน ประเดี๋ยวคงมาถึง”
ลาติฟาตอบพร้อมกับช่วยบ่าวจัดสำรับ
“มาโน่นแล้ว”
อิบบา เชวู ส่งยิ้มให้จมื่นศรีสุรนาทเมื่อเขาเดินมาถึง พร้อมกับกระพุ่มมือไหว้คุณท้าวอย่างนอบน้อม
“ไหว้พระเถอะนะพ่อ”
คุณท้าวเมียงมองดูสีหน้าและท่าทางของเขา
“เห็นอาเจ้าว่าบาดเจ็บมาหรือ เป็นฉันใดบ้างเล่า”
จมื่นศรีสุรนาทยิ้มเย็น
“มิเป็นไรแล้วอาท่านขอบน้ำใจนักที่เป็นห่วงกระผม”
เขาตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มอย่างน่าฟัง
“สักหน่อยไหมล่ะคุณพระนาย”
อิบบา เชวู ยื่นมอระกูมาทางเขา
“ไม่ขอรับอาท่าน”
คุณท้าวยิ้มกว้างพลางพิศมองดูเขา
“งามสง่าสมเป็นนายทหารนะเจ้า คุณพระนาย”
คุณท้าวเอ่ยชม ในขณะที่ลาติฟามักจะลอบมองดูเขาบ่อยครั้ง
“กินข้าวเถอะนะเจ้า ตามสบาย วันนี้อาทำอาหารแขกให้เจ้าลองชิม คงมิแสลงบาดแผลกระมัง เพราะดูคุณพระนายแข็งแรงดี มิเจ็บหนักใช่หรือไม่”
“ขอรับ นับว่าเป็นบุญปากของกระผมโดยแท้ที่ได้ลิ้มรสฝีมือของอาท่าน”
“ปากหวานนะเจ้า”
คุณท้าวเอ่ยออกมา ก่อนจะหันไปมองสามีที่ลุกเดินมานั่งตรงข้ามกับจมื่นศรีสุรนาท แล้วก็ได้พูดคุยกับเขา จนทานอิ่ม ในขณะที่มากิดก็มองดูอยู่ห่าง ๆ แต่เมื่อเขายิ่งได้เห็นลาติฟา หัวใจก็ยิ่งเต้นแรง ไม่ว่าจะมองด้านไหนนางก็ช่างงดงามเหลือเกิน ยิ่งกว่าสะดุดตาคือสะดุดใจ ไม่เคยมีหญิงคนไหนทำให้เขารู้สึกเกิดความตื่นตัวแบบนี้มาก่อนเลย
จอมนางนั่งทอดถอนใจอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ เมื่อมองดูเรือลำแล้วลำเล่าที่ผ่านไป หัวใจก็ยังอดที่จะประหวัดนึกถึงจมื่นศรีสุรนาทเสียไม่ได้ ใจนั้นอยากจะไปดูเขาให้เห็นกับตา เพราะบาดแผลจากการถูกลอบทำร้ายที่นางได้เห็นนั้นค่อนข้างใหญ่และลึกมาก
“แม่หญิง”
ทองใบเข้ามาหาและร้องเรียกเบา ๆ
“ได้การว่าอย่างไรบ้างเล่า คุณพระนายอยู่รอดปลอดภัยใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ ข้าให้คนไปสืบทราบมาว่า ค่ำคืนที่ผ่านคุณพระนายได้พึ่งใบบุญพ่อค้าชาวเปอร์เซียชื่อ อิบบา เชวู สามีของคุณท้าวโสภานิเวศพำนักค้างแรม”
จอมนางผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ แต่ก็เพียงครู่เดียวเมื่อนึกได้ว่าที่เรือนหลังนั้นนอกจากจะเป็นที่อยู่ของคุณท้าวโสภานิเวศ แต่ยังหมายถึงว่าเป็นที่พำนักอาศัยของลาติฟา สตรีที่ขึ้นชื่อกระเดื่องนามว่างามนักในหมู่นางในที่เข้าไปรับใช้พระขนิษฐาในสมเด็จพระนารายณ์อีกด้วย
ที่สำคัญลาติฟามีเชื้อสายเปอร์เซียเฉกเช่นเดียวกับจมื่นศรีสุรนาท เมื่อคิดได้อย่างนี้ก็ทำให้นางต้องผ่อนลมหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“ผ้าลายเดียวกัน น้ำสายเดียวกัน มีเผ่าพันธุ์วงศ์วานที่สืบทอดมาจากแหล่งเดียวกัน กินอาหารรสเดียวกัน ย่อมสนิทสนมคุ้นเคยดีกว่า”
ทองใบตะแคงหูฟังแล้วก็ทำให้นึกสงสัยว่านายพูดว่าอะไร
“กระไรหรือเจ้าคะ”
“เขาอยู่รอดปลอดภัยก็ดีแล้ว”
จอมนางพูดจบก็เตรียมลุก
“ข้าได้ยินมาว่า ยามที่คุณพระนายออกมาจากเรือนของ อิบบา เชวู ทนายแสนได้เข้าไปขอขมาอย่างลับ ๆ ด้วยมิใคร่ให้เรื่องแพร่งพราย เนื่องมาจากคนของมันเมามายขาดสติมิทันยั้งคิดได้ลอบทำร้ายคุณพระนาย และบัดนี้อ้ายคนผู้นั้นต้องโทษถูกลงทัณฑ์หนักถึงแก่ชีวิตแล้ว”
จอมนางทำเสียงในคอ
“เรื่องคงลุกลามถึงหูของพระศรีบดินทร์ฤาชัย แล้วเป็นแน่แท้ จึงรีบให้หาทางปิดเหตุอันจะเป็นชนวน ท่านเจ้าคุณพ่อเคยบอกข้าว่า ด้วยพระศรีบดินทร์ฤาชัยนั้นเป็นคนไหวพริบเร็วและมองการณ์ไกลยิ่ง”
จอมนางหันมามองหน้าทองใบ
“เจ้าจงให้คนนำยาที่ข้าให้จัดเตรียมไว้ส่งไปให้คุณพระนาย เพราะได้จัดเตรียมไว้แล้ว หากมิมีคนได้ใช้ก็หามีประโยชน์ไม่”
ทองใบอมยิ้ม
“เจ้าค่ะ”
จอมนางเดินกลับมาที่เรือนและเตรียมตัวเข้าวัง ในขณะที่ทองใบจัดคนส่งยาไปที่เรือนคุณพระนายกำชับอย่างแน่นหนักว่าให้ส่งถึงมือคุณพระนายหรือมากิดเท่านั้น
