ตอนที่ 14 คนสำคัญของใจใครก็ไม่อาจเทียม (ep.2)
จมื่นศรีสุรนาทสวมใส่เครื่องแบบเตรียมเข้าวังเพื่อปฏิบัติหน้าที่ เขาพยายามไม่แสดงอาการเจ็บปวดออกมาให้ใครเห็นแม้แต่มากิด แต่วันนี้มากิดก็ได้แอบเห็นสีหน้าที่แสดงอาการเจ็บปวดของเขา
“คุณพระนายจะเข้าวังหรือขอรับ”
“ใช่”
“แล้วบาดแผลเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
จมื่นศรีสุรนาทหันมาหามากิด
“เจ้าบอกมิใช่หรือว่าบาดแผลปิดสนิทแล้ว รอเพลาที่จะตัดด้ายที่เย็บออกก็เท่านั้น”
“แต่ว่า”
“อย่ากังวลนักเลย ข้าเป็นทหารมหาดเล็ก บาดแผลเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับบรรพบุรุษที่กอบกู้เอกราชไว้กว่าจะมีวันนี้ พวกเขาเหล่านั้นคงเจ็บปวดมากกว่าข้ามากโข”
จมื่นศรีสุรนาทมองหน้ามากิด
“เรื่องเพียงน้อย ให้มันจบไปเถิด อย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาใส่ใจเลย มีการอื่นที่สมควรจะทำมากกว่า”
มากิดคลี่ยิ้ม
“แต่ขุนทองดีจะมิย่ามใจหรือขอรับที่มันกระทำการอุกอาจหยามหยันคุณพระนายได้ง่ายถึงเพียงนี้ ด้วยข้าเกรงว่ามันจะคิดการคราต่อไป”
จมื่นศรีสุรนาทคลี่ยิ้ม
“อย่าวิตกไปเลย ขอเพียงบาดแผลข้าหายสนิทดีกว่านี้สักหน่อย ข้าจะจัดการเรื่องนี้ ลูกผู้ชายหากถูกหยามกันง่ายแล้วเงียบหายก็อย่างที่เจ้าว่า มันคงย่ามใจและหาทางเหยียบข้าให้จมธรณี”
เมื่อมากิดได้ยินคำพูดของเขาก็ทำให้สบายใจขึ้นที่จะมีโอกาสแก้แค้นแล้ว เพราะไม่ชอบใจที่พวกทนายแสนมาหยามหน้า ชนิดที่ตบหัวที่ศาลาแล้วขอขมาที่บ้าน
“ขอรับ แม่ทองใบส่งยาที่แม่หญิงจอมนางเตรียมไว้มาให้คุณพระนายด้วยนะขอรับ แม่หญิงฝากแม่ทองใบกำชับนักหนาว่า ให้ข้าจัดให้คุณพระนายได้กินทุกช่วงเวลาหลังกินข้าว”
“กระนั้นหรือ แล้วอยู่ที่ใดเล่า เร่งจัดหามาให้ข้ากินบัดเดี๋ยวนี้”
มากิดยิ้มกว้าง
“ขอรับ”
จากนั้นเขาก็รีบส่งยาให้จมื่นศรีสุรนาทที่รับไปกินราวกับไม่มีรสขมรสฝาดเลยแม้แต่น้อย
“แม่หญิงอยู่ที่ใดเล่า”
“เพลานี่คงเตรียมเข้าวังแล้วขอรับ”
“แล้วจะช้าอยู่ไยเล่า”
มากิดรีบวิ่งตามจมื่นศรีสุรนาทที่เดินลิ่ว ๆ ไปที่เรือเพื่อมุ่งหน้าไปสู่วัง หมายจะพบหน้าแม่หญิงจอมนางก่อนเข้าวังอีกสักครั้ง
จมื่นศรีสุรนาททันเวลาก่อนที่จอมนางจะเข้าวัง เขาดีใจมากที่ได้พบนาง ซึ่งไม่ต่างจากนางมากนัก เมื่อได้เห็นเขาซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะบาดเจ็บเลยสักนิด ดูสบาย ๆ สดชื่น ก็ทำให้จอมนางแสร้งทำเหมือนไม่เคยพบหน้าเขามาก่อนทั้งที่ใจอยากจะถามอาการของเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“น่าเสียดาย ฟ้ายังมิทันเปลี่ยนสี ฤดูกาลมีทันเคลื่อนคล้อย สตรีที่งามสง่าได้แสดงน้ำใสใจจริงออกมาเสียแล้วว่าเป็นคนลืมง่ายและละทิ้งคำสัญญา”
จมื่นศรีสุรนาทเอ่ยออกมาเมื่อเดินตามมาทัน แต่จอมนางไม่ได้หยุดเดิน นางยังคงตั้งหน้าตั้งตาจะมุ่งไปยังทิศทางที่ต้องไปแต่ไม่ได้เดินเร็วนัก
“สองขวบปีกระนั้นหรือคือมั่น ไฉนท่านกล้ามาทวงคำเล่า ในเมื่อเพียงแค่ข้ามคืนท่านยังอาจหาญค้างแรมบ้านสตรีอื่นได้”
จมื่นศรีสุรนาทอมยิ้ม
“พี่นี้ไม่สามารถคืนเรือนได้ จำเป็นยิ่งนักที่ต้องรักษาชีวิตเพื่อหวังปกป้องดูแลเจ้าในภายหน้า แต่เพลานี้พี่หาได้ใส่ใจสตรีใดไม่ เพราะในหัวใจของพี่มีเพียงเจ้า จะน้อยเนื้อต่ำใจก็เพียงเจ้าดูเบาน้ำใจพี่”
จอมนางคลี่ยิ้ม
“ท่านเป็นเช่นไรบ้างเล่า ได้กินยาฝรั่งที่ข้าส่งมอบให้หรือไม่”
จมื่นศรีสุรนาทมองหน้าจอมนางเมื่อหยุดขวางหน้านางไว้
“ขอบน้ำใจเจ้ามาก ไว้พี่จะแวะไปกราบท่านเจ้าพระยาที่เรือน หวังว่าน้องเจ้าจะต้อนรับพี่ด้วยรอยยิ้ม”
“หากคุณพระนายปรารถนารอยยิ้มแล้วอิ่มท้องข้าก็จะมอบให้ดังใจหวัง โดยปราศจากอาหารคาวหวานไว้ต้อนรับ”
จมื่นศรีสุรนาทหัวเราะเบา ๆ พลอยทำให้มากิดกับทองใบอมยิ้มไปด้วย
“ท่านจะไปเมื่อใดกันเล่า”
จอมนางค่อย ๆ ถามทั้งที่ไม่กล้าสบตาเขา แต่จะปล่อยให้ผ่านเลยก็กระไรอยู่ ด้วยใจนั้นอยากให้เขาไปหา อยากอยู่ใกล้
“วันพระหน้านี้เห็นจะดีแท้”
จอมนางช้อนสายตามองหน้าเขาแล้วเตรียมจะเดินจากไป
“ขอให้คุณพระนายโปรดระวังตนไว้บ้าง อย่าได้ถือประมาท คนชั่วมักอยู่ในที่มืดเสมอ ด้วยข้านี้แม้ห่วงท่านก็มิอาจดูดำดูดีได้ดังใจนึก ราวกับใจคอคับแคบนัก แต่ว่าด้วยข้านี้เป็นสตรีหากผิดพลั้งก็จะมีแต่เรื่องเสียหายขอท่านจงแจ้งแก่ใจเถิด”
“น้ำใจของน้องเจ้า พี่นี้ก็รับได้ด้วยใจ เพียงเท่านี้หัวใจพี่ก็ชุ่มชื่นและสุขแท้”
จมื่นศรีสุรนาทใช้สายตาโลมลูบไล้ใบหน้าที่สวยหวานของนางอีกครั้งก่อนจะยอมให้นางเดินจากไป และเขาก็แยกทางไปอีกด้าน ในขณะที่เบื้องหลังของเขาและจอมนาง ลาติฟาก็เดินตามมาและได้มองเห็นเขา นางก็ปรารถนาจะเข้ามาถามไถ่ แต่ไม่ทันเมื่อเขาเดินจากไปเสียก่อน
“โอละเห่ แม่งามล้ำเลิศ ไยแม่ชะเง้อชะแง้จนคอยาวเท่าลำตาลเล่า”
ขุนทองดีเดินตามมาห่าง ๆ มองเห็นลาติฟาที่ได้แต่เฝ้ามองแผ่นหลังของจมื่นศรีสุรนาท เขาก็เอ่ยขึ้น ทำให้ลาติฟาหันขวับมามองหน้าเขาทันที
“อ่า ที่แท้ก็แม่ยอดดวงใจของพี่ขุนนี่เอง เจ้ามาดักรอพบพี่หรอกรึ”
ขุนทองดียิ้มกว้างเมื่อมองสบตานาง
“ด้วยข้านี้ชะตาคงมิตกอับถึงกับต้องลัดคิวเมียทาส เมียบ่าว เมียไพร่ของท่านขุนผู้มากด้วยราคะขึ้นพะเน้าพะนอเพื่อรอหยาดน้ำตาร่วงหล่นถึงหัวเข่าหรอกกระมัง”
ขุนทองดีหัวเราะร่า
“ด้วยข้านี้ก็มิอาจจะชายตาแลสตรีใดได้อีก ด้วยดวงใจของข้ามีเพียงหนึ่งคือแม่หญิงจอมนาง โดยเฉพาะบุตรีของพ่อค้าต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ข้านี้คงไม่อาจจะหมายตาหมายใจ หากแม้จะจับจองร่วมเขนยเพียงกึ่งราตรีก็คงพอทำเนาอยู่”
ขุนทองดีโต้ตอบทำให้ลาติฟาแค้นจัดจนต้องยกมือชี้หน้าขุนทองดีแล้วก้าวเข้าประชิดทำให้ขุนทองดีก้าวถอยหนี
“ชิชะ อย่ากระนั้นเลยท่านขุนผู้มากเมีย ด้วยข้านี้หากยอมสิโรราบต่อท่านอย่าว่าแต่เพียงกึ่งราตรีกาลเลย แม้เพียงชั่วลมพัดสะบัดสไบข้าก็มิเห็นสม หากแม้นข้าทำประการนั้น บ่าวไพร่คงคิดว่าข้านี้หามีสติสมประเลอดีไม่”
ขุนทองดีหัวเราะอย่างดังและดังขึ้นจนลาติฟาต้องตวัดค้อนให้วงแล้ววงเล่า
“ขี้คร้านเมื่อเจ้าได้แนบหนุนซบอกพี่จริง จะมีเพียงคำหวานออดอ้อนออเซาะฉุดรั้งมิให้พี่หันหลังซะมากกว่า”
ขุนทองดีตอบกลับด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะนัยน์ตาพราวพร่างพลางยักคิ้วอย่างยั่วล้อ
