บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ข้าไม่แต่ง!

ดวงตะวันเริ่มขึ้นสูงในยามสายของวัน ส่วนอากาศนั้นเย็นสบายไม่ร้อนจนระคายเคืองผิว สายลมอ่อน ๆ พัดโชยจนเกิดความเย็น บรรยากาศภายในจวนอัครเสนาบดีอวี๋หลานชิงในยามนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะชื่นมื่นของผู้คนภายในตระกูลอวี๋ที่มารวมตัวกัน เพื่อรอรับข่าวดีราวกับรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

หลังจากนั้นไม่นาน รถม้าที่มีธงประจำกายของฝ่าบาทมุ่งตรงมายังจวนอัครเสนาบดี เมื่อรถม้าจอดสนิท กงกงคู่พระทัยก็ก้าวเท้าลงมาพร้อมกับม้วนราชโองการสีทองประทับตราลัญจกรมามอบให้แก่ตระกูลอวี๋

“อัครเสนาบดีอวี๋ รับราชโองการ...” ขันทีวัยชราถูกเชิญมายังโถงรับรอง ก่อนที่ฝ่ามือเหี่ยวย่นจะเปิดราชโองการออกช้า ๆ และเปล่งเสียงอ่านลายอักษรของฮ่องเต้ด้วยเสียงดัง

“น้อมรับราชโองการ”

อวี๋หลานชิง นายท่านผู้นำตระกูล และคนอื่น ๆ ภายในตระกูลต่างยอบกายลงและหมอบกราบลงไปบนพื้นเพื่อรอฟังราชโองการ อวี๋ชิงเหอในอาภรณ์สีเหลืองทองแนบใบหน้าจรดไปกับฝ่ามือรอฟังขันทีเฒ่าเอ่ยด้วยใจจดจ่อ นางไม่เคยรู้สึกประหม่าเท่านี้มาก่อน

“ด้วยบุตรีคนโตแห่งตระกูลอวี๋ อวี๋ชิงเหอ เป็นสตรีโฉมงามที่เพียบพร้อมด้วยอ่อนหวาน อ่อนโยน กิริยางดงาม มากความสามารถ 

เราปลาบปลื้มใจยิ่งนัก อีกทั้งถึงวัยที่จะต้องเข้าวิวาห์ ข้าเห็นควรว่าบุตรีตระกูลอวี๋เหมาะสมที่จะเป็นพระชายาของเซี่ยห่าวเฉิน องค์ชายรอง 

แห่งแคว้นต้าหลิง จึงพระราชทานสมรสให้ทั้งคู่เข้าวิวาห์ภายในสามวันนับจากนี้ จบราชโองการ...”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท...”

“อัครเสนาบดีอวี๋ ข้ายินดีด้วย บุตรีคนโตของท่านงดงามเหมาะสมกับท่านอ๋องยิ่งนัก” เว่ยกงกง เอ่ยกับผู้เป็นบิดา ก่อนจะปรายดวงตามองนางด้วยความชื่นชม

“ขอบคุณกงกง” ขุนนางผู้ภักดีเชื้อเชิญขันทีคู่กายของราชวงศ์ไปนั่งพักจิบชา ก่อนที่จะเดินทางกลับพระราชวัง

ยามนี้ทั่วทั้งจวนเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความชื่นชมยินดี ทั้งขันทีและเจ้ากรมพิธีการจากวังหลวงที่ถูกส่งตัวมาเพื่อจัดเตรียมงาน อีกทั้งบรรดาพ่อบ้านประจำตระกูล ที่พากันวิ่งวุ่นตระเตรียมนั่นนี่ให้พร้อมสำหรับพิธีแต่งงานที่จะเกิดขึ้นภายในสามวันด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และเหล่าญาติมิตรที่หลั่งไหลมาร่วมแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า

อวี๋ชิงเหอ สตรีงามดั่งบุปผาแรกแย้มในหิมะขาวผุดผ่อง ดวงหน้าของนางงดงามราวกับเทพธิดาเปี่ยมด้วยรอยยิ้มยินดี ริมฝีปากสีอ่อนคลี่ยิ้มด้วยความตื่นเต้น

“พี่หญิง…ได้เป็นชายาของท่านอ๋อง จำต้องมีท่าทีดีอกดีใจถึงเพียงนั้นเลยหรือเจ้าคะ” เสียงอ่อนหวานที่เจือด้วยความเย้ยหยันของอวี๋ชิงอวี้ น้องสาวต่างมารดาดังขึ้นข้างกาย จนรอยยิ้มที่มีนั้นเลือนหายไปด้วยความขัดใจ

เพียงแค่นางปรายดวงตามอง สีหน้าและท่าทีในภพก่อนนั้นตามมาหลอกหลอนจนใจเจ็บ อวี๋ชิงเหอไม่ตอบในทันที นางเพียงยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบอย่างสง่างาม และวางมันลงอย่างช้า ๆ

“ใช่ข้าดีใจ แม้ข้าจะมีวาสนาเป็นเพียงชายาของท่านอ๋องก็ตามที แล้วเจ้าเล่าอวี้เอ๋อร์ ต้องแต่งงานกับผู้ใดกันเจ้าถึงจะมีท่าทีเช่นข้า”

น้ำเสียงของนางเยียบเย็น ดวงตาเมล็ดชิ่งจับจ้องสตรีเบื้องหน้าอย่างไม่วางตา

“บิดาของท่านกับข้าเป็นถึงขุนนางใหญ่ของแคว้น แล้วจะมีสตรีใดที่เหมาะกับราชวงศ์เท่าตระกูลอวี้ไปได้อีก พี่หญิงได้แต่งงานเป็นชายาของท่านอ๋องไปแล้ว เช่นนั้นวาสนาของข้าก็คงต้องเป็นฮองเฮาแล้วกระมัง”

ริมฝีปากแดงสดเหยียดยิ้มกว้างอย่างโอ้อวด ราวกับต้องการบอกให้นางรับรู้ถึงสถานะของนางกับรัชทายาทเซี่ยหลานตี้ ที่แท้ในภพก่อนพวกเขาต่างก็หลอกนางดั่งคนโง่นี่เอง

“ข้าก็หวังว่าเจ้าจะได้เป็น หากรัชทายาทไม่...”

‘ตาย ไปเสียก่อน’ นางเว้นจังหวะเอาไว้และตอบตัวเองในใจ ภพชาตินี้คนเลวเช่นเขาต้องถูกกำจัด

อวี๋ชิงอวี้ถลึงตาใส่นาง หลังจากที่ได้ยินวาจาที่ฟังดูเคลือบแคลง แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยถามให้คลายความฉงน เสียงของเกือกม้าที่กระทบกับพื้นหินก็ดังสนั่นมาจากด้านหน้าจวน ราวกับเสียงของฟ้าผ่า ตามมาด้วยฝุ่นควันที่ตลบอบอวล

“เปิดทาง องค์ชายเซี่ยห่าวเฉินเสด็จ!”

เสียงของทหารองครักษ์ดังขึ้นมาจากด้านหน้าประตู น้ำเสียงที่ตะโกนลั่น ทำให้ผู้คนภายในจวนรวมถึงขุนนางที่ติดตามกงกงถึงกับงุนงงไปพร้อมกันถ้วนหน้า เพราะราชโองการยังมิทันเย็น เหตุใดเจ้าบ่าวผู้สูงศักดิ์จึงได้รีบร้อนมาเยือนเช่นนี้

อาชาสีดำสนิททะยานผ่านธรณีประตูของจวนเข้ามายังด้านในพร้อมกับฝุ่นผงที่ตลบคลุ้งเข้ามายังเรือนรับรอง และในทันทีที่อาชาหยุดสนิท ร่างสูงใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่งก็กระโดดลงมาจากหลังอาชาศึก ท่ามกลางสายตามากมายที่จับจ้อง

อวี๋ชิงเหอ ได้แต่อ้าปากค้างตกตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน หลังจากที่ดวงตาหายมืดบอด นางกลับมองเห็นความงดงามของบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างเต็มตา

เมื่อพินิจพิเคราะห์มองดูอย่างถี่ถ้วน เซี่ยอ๋องนั้นรูปงามกว่าชายชั่วอย่างเซี่ยหลานตี้หลายส่วนนัก นางจึงได้แต่พึมพำกับตัวเองด้วยความเสียดาย ‘ท่านอ๋องรูปงามถึงเพียงนี้ ข้าพลาดไปได้เช่นไรกัน’

เซี่ยห่าวเฉิน เป็นองค์ชายรองของเซี่ยฮ่องเต้ที่ถือกำเนิดจากฮองเฮา ทว่ามารดาของแผ่นดินนั้นร่างกายอ่อนแอจึงจากไปตั้งแต่องค์ชายรองยังทรงพระเยาว์ พระสนมกุ้ยเฟยมารดาของเซี่ยหลานตี้จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา ตำแหน่งรัชทายาทจึงตกเป็นขององค์ชายใหญ่

ด้วยสายพระเนตรที่กว้างไกลของฮ่องเต้ ทรงกลัวว่าจะมีเรื่องบาดหมางระหว่างพี่น้อง จึงได้แต่งตั้งเซี่ยห่าวเฉินเป็นเซี่ยอ๋อง และให้สิทธิ์ใช้ชีวิตตามที่ต้องการนอกรั้วพระราชวัง

การปรากฏกายของเขา ทำให้ผู้คนได้แต่ตะลึงค้าง แม้กระทั่งอวี๋ชิงเหอก็ด้วยเช่นเดียวกัน เซี่ยอ๋องเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ราวแปดฉื่อ ร่างกายกำยำบึกบึนสมส่วน ภายใต้อาภรณ์ผ้าไหมสีดำขลิบทองปักลวดลายมังกรเล็ก ๆ ที่แฝงด้วยพลังอำนาจโดยมิจำเป็นต้องอวดอ้าง

ดวงหน้าคมสันราวกับหยกชั้นดีที่ได้รับการปั้นแต่ง รูปลักษณ์ของเขางดงามเกินบุรุษใดในแผ่นดินต้าหลิง ดวงตาสีนิลลึกล้ำเยือกเย็น แต่กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าค้นหา และฉายแววความปราดเปรื่อง คิ้วเข้มนั้นดกดำดั่งขนของอีกา รูปตาเรียวแหลมดั่งเหยี่ยวอินทรี แพขนตาหนางอนงามดูหวานฉ่ำในยามที่แย้มยิ้ม จมูกโด่งเป็นสันน่าแตะสัมผัส รูปปากหยักสีแดงก่ำสุขภาพดี กรามนูนเด่นชัดอย่างลงตัว

ในทันทีที่ลงจากอาชา เซี่ยอ๋องก็เดินตรงเข้าไปยังด้านในเรือนรับรองด้วยความรีบร้อน ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งไม่เปิดเผยความรู้สึกใดออกมา มีเพียงดวงตาที่ดูแข็งกร้าวจนแปลกไป

ร่างสูงสง่าหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของอัครเสนาบดีอวี๋หลานชิง โดยมีเว่ยกงกงอยู่ข้างกายด้วยเช่นเดียวกัน

“เว่ยกงกง คารวะท่านอ๋อง...” ขันทีเฒ่าค้อมกายให้แก่ผู้มีศักดิ์เหนือกว่าด้วยความนอบน้อม

“อวี๋หลานชิง คารวะท่านอ๋อง”

แม้ว่าท่านอ๋องจะมีศักดิ์เป็นท่านเขยของเขา หากแต่พื้นเพเดิม เซี่ยห่าวเฉินคือราชวงศ์ที่สูงศักดิ์ เขาจึงไม่อาจให้อีกฝ่ายก้มศีรษะให้

แต่ทว่าแทนที่เซี่ยอ๋องจะเอ่ยวาจาทักทาย เขากลับก้าวเท้าออกไปเบื้องหน้า แล้วทอดสายตาจ้องเขม็งมองตรงไปยังสตรีโฉมงามที่ยังคงตกอยู่ในภวังค์ด้วยความจับจ้อง

ในทันทีที่สองสายตามองสบกัน อวี๋ชิงเหอกลับสัมผัสได้ถึงแววตาที่เปลี่ยนไปของเซี่ยอ๋อง มันไม่ได้อ่อนโยนดั่งเช่นเคย แต่กลับแหลมคมและทิ่มแทงดั่งคมกระบี่ที่ถูกตีปะทะกับเกราะเหล็ก ก่อนที่เสียงของเขาจะดังกึกก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องโถงกว้าง

“ข้า…จะไม่แต่งงานกับนาง!”

น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบประดุจก้อนน้ำแข็งจากภูเขาหิมะอันแสนเหน็บหนาว มันเย็นชาและฟังดูรุนแรงจนทุกคนภายในจวนต่างพากันตกใจ และไม่รู้ว่าควรจะทำสีหน้าเช่นไรต่อไปดี

อวี๋หลานชิงร่างกายแข็งเกร็งไปชั่วขณะ สีหน้าของขุนนางใหญ่ผู้เกรียงไกรซีดขาวภายในชั่วพริบตา

“ท่านอ๋อง…ท่านกำลังเอ่ยเรื่องอันใด ราชโองการจากฝ่าบาทเป็นเรื่องที่ไม่อาจฝ่าฝืน อีกทั้งชื่อเสียงของบุตรีข้า ย่อมไม่อาจให้ท่านอ๋องดูหมิ่นได้ง่าย ๆ นะพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้สติ อัครเสนาบดีก็เอ่ยถ้อยคำต่อว่าท่านอ๋องในทันที

แต่ทว่าเซี่ยห่าวเฉินกลับหัวเราะขึ้นในลำคอ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคายราวกับราชสีห์ที่กำลังพิโรธ

“แม้ว่าจะเป็นพระราชโองการ ข้าก็หาได้ยอมรับไม่ หากมันทำให้ข้าต้องผูกชะตากับสตรีที่ไม่ได้พึงใจในตัวข้า!”

คำพูดของเขาฟังดูเย้ยหยัน ราวกับรู้ความในใจของนาง แต่นั่นไม่ใช่ความรู้สึกของนางในยามนี้

หรือว่า...เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขาเห็นว่านางแอบนัดพบกับรัชทายาทเซี่ยหลานตี้ ‘มิน่าเล่า เขาถึงได้แสยะยิ้มให้ข้าเช่นนั้น’ อวี๋ชิงเหอย้อนนึกคิดถึงสายตาที่จ้องมองมาในวันนั้น เห็นทีนางคงจะทำให้เขาเข้าใจผิดไปแล้ว

นางจึงลุกขึ้นยืนด้วยท่วงท่าสง่างาม ร่างระหงยืดหลังตรง ก่อนจะเงยใบหน้าขึ้นสบตากับเขาอีกครั้ง ดวงตาคู่งามของนางยังคงสงบนิ่งดั่งสายวารีในคืนไร้ลม ครานี้นางจะไม่ปล่อยให้เขาต้องหลุดมือไป

“ท่านอ๋องรู้ได้เช่นไรเล่าเพคะ ว่าหม่อมฉันมิได้พึงใจในตัวพระองค์” เสียงของนางฟังดูอ่อนโยนแต่ทว่าหนักแน่นประดุจกลองรบ นางเดินออกไป และหยุดฝ่าเท้าเบื้องหน้าของเขา ดวงตาเมล็ดชิ่งจ้องมองบุรุษรูปงามเบื้องหน้าอย่างท้าทาย

“น้องชายข้า...หากเจ้าไม่อยากแต่งงานกับนาง เช่นนั้นข้าแต่งกับนางแทนเจ้าดีหรือไม่...”

เสียงของผู้มาเยือนดังขึ้น เป็นเสียงที่ทำให้อวี๋ชิงเหอขนลุกตั้งชันในทุกครั้งที่ได้ยิน เรียกสายตาของทุกคนให้จ้องมองไปตามกันด้วยความสงสัย ว่านี่มันวันอะไร ราชวงศ์ถึงได้มาเยือนจวนตระกูลอวี๋กันพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นนี้

“รัชทายาท...”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel