บทที่ 1 หวนคืนกลับมา (1/2)
เมืองเจียงหยาง แคว้นต้าหลิง...
เสียงของมวลหมู่นกกระเรียนร้องขับขานอย่างแผ่วเบาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับเรือนหลังงาม สายลมในยามเช้าตรู่พัดผ่านผ้าม่านที่ถูกตัดเย็บมาจากผ้าแพรบางเบา จนโบกสะบัดเย้าหยอกไปกับสายลม แสงแดดอ่อน ๆ แห่งอรุณรุ่งได้ถูกส่องผ่านหน้าต่างบานไม้ฉลุลาย แตะสัมผัสผิวกายและใบหน้าของสตรีที่นอนดิ้นไปมาอยู่บนเตียงกว้าง จนเกิดความเย็นสบาย ส่งให้แพขนตาหนางอนงามกระพริบเบา ๆ ก่อนจะเปิดกว้างขึ้นอย่างช้า ๆ
เฮือก
เมื่อได้สติอวี๋ชิงเหอสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะรีบหยัดกายลุกขึ้นนั่งด้วยความรวดเร็ว หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ ฝ่ามือเรียวบางสั่นเล็กน้อยในขณะที่ยกขึ้นลูบหน้าอกของตัวเอง ราวกับปลอบโยนฝันร้ายก่อนหน้า
“ขะ…ข้ายังมีลมหายใจ”
นางได้แต่พึมพำกับตัวเองไปพร้อม ๆ กับการสำรวจร่างกายระหงที่ยังคงปกติดี หาได้มีบาดแผลฉกรรจ์จากปิ่นแหลมคมที่นางปักลงบนอกของตัวเองด้วยความตั้งใจ ภาพสุดท้ายในความทรงจำของนางก็คือโลหิตมากมายที่ค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากบาดแผลบนอกของตัวเอง
ดวงตาหงส์ได้แต่เหม่อลอย ความรู้สึกมากมายที่เคยเกิดขึ้นพุ่งถาโถมเข้าใส่ ใบหน้าของนางร้อนผ่าวจนเกิดเม็ดเหงื่อมายมายผุดพรายขึ้นบริเวณกรอบหน้า
ความเย็นเยียบของปิ่นปักผมที่ค่อย ๆ แทรกผ่านเนื้อหนังเข้าไปจนทะลุถึงหัวใจ ยังคงฝังปมลึกความเจ็บปวดอันแสนลึกซึ้งไม่อาจเลือนหายไป อีกทั้งความเจ็บแสบของการถูกทรยศหักหลัง และสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของเซี่ยห่าวเฉิน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนาง ทั้งที่ถูกนางลงมือสังหารจนสิ้นใจ
ดวงตาเมล็ดชิ่งได้แต่กวาดมองสำรวจทุกสิ่งรอบกายที่ยังคงเหมือนเดิม เป็นช่วงเวลาก่อนที่นางจะได้ออกเรือนไปกับเซี่ยอ๋อง ยามนี้นางได้กลับมาอยู่ในห้องนอนเดิมของจวนอัครเสนาบดีผู้เป็นบิดา ด้วยร่างกายที่ยังคงมีลมหายใจ
ข้าวของเครื่องใช้ยังคงถูกจัดวางอยู่ที่เดิม แม้แต่กลิ่นของเครื่องหอมในเตาหลอมทรงกลมก็ยังคงหอมอบอวลไปทั่วทั้งเรือนอยู่เช่นเดิม นางจดจำได้เป็นอย่างดี แต่ยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงยังมีชีวิตอยู่อีกครั้ง
“เป็นไปไม่ได้…ข้าปักปิ่นลงบนอกด้วยความรุนแรงเพียงนั้น”
อวี๋ชิงเหอกระซิบกับตัวเอง ก่อนจะหยิกแขนเต็มแรง และตบใบหน้าของตัวเองเบา ๆ เพื่อทดสอบความจริง
ความเจ็บปวดที่นางได้พบเจอเป็นเครื่องยืนยันว่านางไม่ได้ฝันไป และไม่ได้คิดไปเอง เพียงแต่นางคือคนตายที่ได้รับโอกาสจากสวรรค์ให้หวนคืนกลับมาเพื่อแก้ไขเรื่องราวในอดีต ที่นางเคยทำเอาไว้
“คุณหนู!”
หลังจากนั้นเสียงตื่นตระหนกตกใจก็ดังขึ้นมาจากด้านหน้าประตู ก่อนที่ร่างบอบบางของบ่าวรับใช้คนสนิทนามว่าเสี่ยวชินรีบวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่ซีดขาว เมื่อนางเดินเข้ามาเห็นภาพที่ผู้เป็นนายกำลังรุมทึ้งตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
“คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ!”
อวี๋ชิงเหอหันมองบ่าวรับใช้ด้วยแววตาที่ต่างออกไปจากเดิม ไม่ใช่ความเฉยชาที่เคยมีมาโดยตลอด แต่กลับเป็นสายตาที่อ่อนโยนแฝงด้วยความหม่นเศร้า แต่ทว่าดูหนักแน่น ก่อนจะเอ่ยตอบสตรีเบื้องหน้าให้กระจ่างใจ
“ปะ...เปล่า ข้าแค่ฝันร้ายก็เท่านั้น”
นางสั่นศีรษะบอกปัดออกไป จากสถานการณ์รอบกาย นางได้ย้อนกลับมาในช่วงเวลาไม่กี่วันก่อนจะได้รับพระราชทานสมรสให้แต่งงานกับเซี่ยอ๋อง
“ข้าคิดว่าคุณหนูจะไม่สบายเสียอีกเจ้าค่ะ…” เสี่ยวชินยังคงพึมพำด้วยความแปลกใจ ก่อนจะชะงักไป เมื่อเห็นดวงตาของผู้เป็นนายเบิกกว้างขึ้นมาอีกครั้ง นางจึงค่อย ๆ วางกะละมังทองเหลืองลงบนโต๊ะทรงเตี้ยด้านข้างเตียงด้วยท่าทางงกเงิ่น
หรือนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ ก่อนที่ราชโองการจะถูกประกาศ ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลายด้วยแผนการอันแสนชั่วช้าของรัชทายาทเซี่ยหลานตี้ บุรุษที่นางเคยหลงรักอย่างโง่งม จนต้องพบเจอกับโศกนาฏกรรมที่เต็มไปด้วยความผิดพลาดในอดีต