บทที่ 4 นางพรากความบริสุทธิ์ไปจากข้า!
เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย หลี่ลั่วตานก็ถูกนางกำนัลพาไปยังตำหนักรับรองเพื่อเปลี่ยนอาภรณ์ที่เปียกชื้นด้วยความเร่งรีบ ด้วยเพราะใกล้ถึงเวลานัดหมายเข้ามาทุกที
นางกำนัลราวสามสี่คนต่างรุมทึ้งนาง เพียงชั่วพริบตาทุกอย่างก็เรียบร้อยดี หลี่ลั่วตานยืนสูดลมหายใจอยู่ด้านหน้าตำหนักใหญ่อันเป็นที่ประทับของฮ่องเต้ ฝ่าเท้าของนางนั้นหนักอึ้งราวกับถูกหินถ่วงเอาไว้ ด้วยเพราะรู้ดีว่าการเผชิญหน้ากับบุรุษที่นางไม่อยากพบเจอ
แต่สวรรค์ก็ยังบัญชาการให้นางกลับมายืนอยู่เบื้องหน้าของอดีตสามีจอมเลวทรามเป็นครั้งที่สาม หากแต่ครั้งนี้ทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนไปจากเดิม
หัวใจที่บอบช้ำแม้จะยังไม่ทันฟื้นตัวเท่าใดนัก กลับต้องมาพบเจอกับความท้าทาย หลี่ลั่วตานจึงวางสีหน้าและท่าทีเรียบนิ่งดั่งราวกับไม่มีหัวใจ
ร่างบางก้าวเท้าเข้าไปยังด้านในตำหนักของฮ่องเต้ด้วยหัวใจที่สั่นไหว แต่ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้นกับการพบหน้าของเจียงซื่อหรง หากแต่เป็นคำมั่นขององค์ชายสามที่ให้ไว้แก่นาง โดยที่นางไม่รู้เลยสักนิดว่าเขาจะช่วยให้นางหลุดพ้นจากสมรสพระราชทานในครั้งนี้ไปได้เช่นไร
ความรู้สึกปั่นป่วนเกิดขึ้นอยู่ในอก ราวกับคลื่นน้ำที่โหมกระหน่ำ และในทันทีที่หลี่ลั่วตานปรากฏกายขึ้น เสียงเช็งแซ่ก็เงียบลงในทันที ทุกสายตาต่างจับจ้องมายังนางเป็นสายตาเดียว
เมื่อเงยหน้าขึ้นจากพื้น สิ่งแรกที่หลี่ลั่วตานได้เห็นก็คือเจียงซื่อหรงที่นั่งทอดกายจิบสุราด้วยท่าทางสบายอารมณ์ แม้ว่าใบหน้าของอดีตสามีจะยังคงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“มาแล้วหรือ...หลี่ลั่วตาน”
เสียงของบุรุษผู้เคยเหยียบย่ำนางในสองชาติภพที่ผ่านมา ยังคงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาคู่นั้นยังคงเย็นชาและว่างเปล่าไม่ต่างไปจากเดิม และไม่ได้ต่างไปจากความทรงจำที่นางอยากจะลืมเลือน
"หลี่ลั่วตาน คารวะองค์ชายห้า...เพคะ"
นางยอบกายลงเพื่อเคารพเขาในฐานะที่สูงกว่า โดยที่นางไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด อีกทั้งยังรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นเต็มกรอบหน้า ราวกับว่าหากนางยังไม่หลบหลีกเห็นทีคงจะอาเจียนออกมาให้อับอายขายหน้าต่อฝูงชน
นางจึงรีบหันหน้าหนีความรู้สึกสะอิดสะเอียนแล้วเดินตรงเข้าไปนั่งข้างกายของผู้เป็นบิดาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ทว่าไม่ว่าจะหลบหลีกเช่นไร นางก็หนีไม่พ้นการเผชิญหน้า
ที่นั่งของนางอยู่ตรงข้ามกับองค์ชายห้า และหลิวกุ้ยเฟยผู้เป็นมารดา หลี่ลั่วตานยังไม่ทันจะได้นั่งลงด้วยความสงบ สีหน้าของหลิวกุ้ยเฟย สตรีผู้มีศักดิ์เป็นมารดาของสวามีก็ฉายแววความรังเกียจออกมาประหนึ่งว่าเห็นนางเป็นเพียงสิ่งปฏิกูล ก่อนจะเปรยขึ้นด้วยเสียงดัง ราวกับจงใจให้นางได้ยินอย่างชัดแจ้ง
"บุตรีของขุนนางขั้นต่ำผู้นี้น่ะหรือ ที่เสด็จพ่อของเจ้าบอกว่าเหมาะสมที่จะเป็นชายาเอก ไม่คู่ควรเลยสักนิด"
หลิวกุ้ยเฟยเอ่ยเสียงต่ำ และมีท่าทีไม่พอพระทัย หากแต่ตัวของนางเองก็ไม่อาจปฏิเสธความต้องการของผู้เป็นสามีได้ จึงได้แต่วางแผนเล่นงานหลี่ลั่วตานในภายหลัง
ริมฝีปากบางคว่ำลงหลังจากได้ยินวาจาที่ไม่เข้าหูเหล่านั้น และยังไม่ทันที่ความตึงเครียดจะจางหายไป เจียงจื้อหวงผู้เป็นฮ่องเต้ก็เสด็จออกมาจากที่ประทับด้านใน ทรงประทับลงเคียงข้างกายของผู้เป็นฮองเฮา แล้วเอ่ยด้วยสุรเสียงเรียบนิ่ง หากแต่แฝงไว้ด้วยพระราชประสงค์ที่ไม่อาจเอ่ยปากปฏิเสธ
"ทำตัวตามสบายเถิด อีกไม่นาน พวกเราทุกคนก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว"
บรรดาราชวงศ์ที่นั่งลดหลั่นกันไปตามลำดับ รวมถึงข้าราชบริพารบางส่วนต่างค้อมศีรษะรับคำ ส่วนหลี่ลั่วตานรู้สึกเหมือนกับถูกบีบรัดลำคอด้วยเงื้อมมือที่มองไม่เห็น ทั้งอึดอัด และอยากหนีออกไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
นัยน์ตาหวานฉ่ำกวาดมองไปรอบกายเพื่อหาบุรุษที่เอ่ยคำมั่นกับนางเอาไว้ ทว่าแท่นพระที่นั่งลำดับสองที่ลดหลั่นลงมาจากแท่นประทับของรัชทายาทเจียงหรงเหวิน พี่ชายร่วมสายโลหิตเดียวกัน ยามนี้กลับว่างเปล่า
หลังจากนั้นสีหน้าของหลี่ลั่วตานก็ซีดเผือด เมื่อฮ่องเต้โบกพระหัตถ์รับสั่งให้ราชเลขาจัดเตรียมกระดาษขึ้นมาเพื่อร่างราชโองการพระราชทานสมรส
"หลี่ลั่วตาน บุตรีของขุนนางผู้ภักดี เป็นสตรีผู้มีกิริยาเรียบร้อย อ่อนหวาน อีกทั้งยังฉลาดปราดเปรื่อง ข้าขอแต่งตั้งให้หลี่ลั่วตานเป็นชายาเอกขององค์ชายห้า เจียงซื่อหรง นางคู่ควรยิ่งด้วยคุณธรรม ความอ่อนน้อมและชาติกำเนิด ให้เข้าพิธีแต่งงานภายในสามวัน" เจียงฮ่องเต้แย้มยิ้มด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ในขณะที่เอ่ยวาจาให้ราชเลขาจรดพู่กันลงบนกระดาษตามคำบอกกล่าว
น้ำหมึกเพิ่งจะจรดปลายพู่กันลงบนแผ่นกระดาษ แต่ทว่ายังไม่ทันจะลากเส้นคำแรกให้จบ เสียงทุ้มต่ำแฝงด้วยความจริงจังของบุรุษผู้หนึ่งที่ก้าวเท้าเข้ามาด้วยความสง่างาม เรียกทุกสายตาให้เงยหน้าขึ้นมอง จนบรรยากาศภายในตำหนักเงียบสงัดลงในพริบตา
"หยวนเอ๋อร์..." ผู้เป็นบิดาเอ่ยเสียงแผ่ว เมื่อเห็นโอรสที่หาตัวได้ยาก ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางคนหมู่มากเช่นนี้
“เสด็จพ่อ เห็นทีว่าหลี่ลั่วตานคงไม่อาจแต่งงานกับน้องห้าได้เสียแล้ว…”
ทุกสายตาต่างหันมองผู้มาเยือนด้วยความไม่เข้าใจ การปรากฏวรกายของเจียงหมิงหยวน องค์ชายสาม ท่ามกลางคนมากมาย ก็นับว่าแปลกมากแล้ว แต่ทว่าวาจากลับเต็มไปด้วยนัยที่น่าสงสัย
“เพราะเหตุใด...”
ฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาเลิกคิ้วขึ้น โดยที่เหม่ยฮองเฮาผู้เป็นมารดายังรู้สึกแปลกใจจนต้องยกฝ่ามือขึ้นทาบอก
เจียงหมิงหยวน ส่งยิ้มให้กับองค์รัชทายาท พี่ชายที่เกิดจากมารดาเดียวกันด้วยรอยยิ้มร้าย ก่อนจะยกจอกสุราขึ้นดับกระหาย หลังจากที่สุราร้อนได้ถูกกลืนลงคอ รอยยิ้มจาง ๆ ก็ผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะวางจอกลง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ดังชัดเจน
“เพราะนาง...ได้พรากความบริสุทธิ์ของกระหม่อมไป นางจูบกระหม่อมต่อหน้าผู้คนมากมาย แม้แต่ข้ารับใช้ยังเป็นพยานได้ กระหม่อม...จึงอยากให้นางรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน”
เสียงฮือฮาดังขึ้นในทันที เหล่าขุนนางต่างเบิกดวงตากว้างราวกับไม่เชื่อด้วยหูของตัวเอง องค์ชายผู้ไม่ชื่นชอบความวุ่นวายกลับท้วงติงให้สตรีผู้หนึ่งรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน
หลี่ลั่วตานได้แต่มองหน้าของผู้เป็นบิดาด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับบุรุษที่นางขอความช่วยเหลือไปก่อนหน้า ทว่าเขาเพียงแค่ขยิบตาส่งให้นางเพียงเท่านั้น นางไม่คาดคิดเลยว่าวิธีการช่วยเหลือของเขาจะเป็นที่น่าตกใจถึงเพียงนี้
“อะ...องค์ชายสาม...”
หลี่ลั่วตานแทบพูดไม่ออก ดวงตาเบิกโพลงอย่างตื่นตระหนก ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความอับอาย จนกระทั่งสุรเสียงที่ทรงอำนาจเอ่ยถามขึ้นราวกับเป็นการไต่สวน
"หลี่ลั่วตาน เป็นเช่นนั้นจริงหรือ"
นางสบตากับองค์ชายสามเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่อีกฝ่ายกลับพยักหน้าน้อย ๆ ให้นางเอ่ยยอมรับออกไป หลี่ลั่วตานจึงหลับตาลง ก่อนจะพ่นลมหายใจเล็กน้อย ในเมื่อบุรุษเอ่ยปากออกมาเอง ศักดิ์ศรีของนางก็ย่อมเป็นเขาที่จะต้องปกป้อง
"เพคะ...หม่อมฉันช่วยชีวิตองค์ชายสาม ด้วยการ...จะ...จูบ" เสียงกังวานโพล่งออกไป เพื่อยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
เจียงซื่อหรงได้แต่กำมือแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด สายตาที่ผู้เป็นพี่ชายมองหลี่ลั่วตาน ว่าที่พระชายาเอก ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้มีใจให้กับสตรีที่ผู้เป็นบิดาจะมอบให้เลยสักนิด
"พี่สาม เสด็จพ่อตั้งใจจะพระราชทานนางให้เป็นชายาของข้า พระองค์ทำเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ"
เจียงซื่อหรงเอ่ยออกไปอย่างไม่รู้ตัว แทนที่เขาจะรู้สึกดีใจที่ไม่ต้องแต่งงานกับนาง แต่เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกหวงแหนสตรีผู้นั้นขึ้นมา จนแม้แต่มารดายังต้องเขย่าแขนเพื่อเรียกสติ และขยิบตาให้เขาหุบปากให้สนิท
"แต่นางจูบกับข้าแล้ว เจ้าคิดว่านางยังเหมาะสมที่จะเป็นชายาของเจ้าอีกหรือ...หรือว่าเจ้าไม่เกรงกลัวคำครหา"
เจียงหมิงหยวนจ้องมองผู้เป็นน้องชายอย่างไม่วางสายตา และไม่สนใจสิ่งใด เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปใกล้หลี่ลั่วตาน จนกระทั่งเสียงของลมหายใจเป่ารดข้างใบหู
"ข้าช่วยเจ้าแล้ว...เหตุใดถึงทำหน้าเหมือนจะตายถึงเพียงนั้น หรือว่าเสียใจที่ไม่ได้แต่งงานกับเจียงซื่อหรง"
"ปะ...เปล่าเพคะ หม่อมฉันแค่รู้สึกว่ากำลังหนีเสือปะจระเข้อยู่หรือไม่" ดวงตากลมโตกระพริบถี่ด้วยท่าทางขบคิด
"จระเข้อันใดกันเล่า น่าเกลียดชะมัด ข้าเป็นแค่กระต่ายน้อยที่เชื่อฟังเจ้าก็เท่านั้น"
น้ำเสียงที่กระซิบนั้นแผ่วเบาราวสายลม แต่แฝงไว้ด้วยเจตนาชัดเจน สะท้อนความเจ้าเล่ห์ออกมาในทุกถ้อยคำ