บทที่ 5 ว่าที่สามีคนใหม่
บรรยากาศภายในตำหนักใหญ่ยามนี้เงียบงันลงไปชั่วขณะ หลังจากที่เจียงฮ่องเต้ส่งองครักษ์ออกไปเพื่อสืบหาความจริง ในสิ่งที่โอรสลำดับที่สามกล่าวอ้าง ผ่านไปไม่นานองครักษ์ก็เข้ามากระซิบข้างพระกรรณของผู้เป็นฝ่าบาท
ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่แม้จะผ่านเรื่องราวความวุ่นวายมานับหมื่นพันภายในรั้ววัง ทว่าก็ยังอดไม่ได้ที่จะส่ายพระพักตร์ช้า ๆ ด้วยความจนใจ เมื่อสิ่งที่โอรสของเขาเอ่ยปากขึ้นมานั้นเป็นความจริง
แม้ว่าสิ่งที่หลี่ลั่วตานกระทำจะเป็นการช่วยชีวิต แต่เจียงหมิงหยวนเป็นราชวงศ์ อีกทั้งยังพ่วงด้วยตำแหน่งรัชทายาทลำดับที่สอง ย่อมเป็นที่ครหามากกว่าผู้ใด อีกทั้งเกียรติของสตรีนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่บุรุษควรจะรักษาเอาไว้
"เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เห็นทีคงจะต้องเปลี่ยนแปลงราชโองการเสียใหม่"
พระสุรเสียงเยียบเย็นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ แม้น้ำเสียงจะฟังดูเรียบเฉย แต่วาจานั้นเปรียบดั่งประกาศิต สิ่งใดที่ยังไม่ถูกต้อง เขาก็ย่อมจัดการเสียใหม่
ส่วนหลี่เยียน บิดาของหลี่ลั่วตาน ขุนนางกรมพิธีการ บัณฑิตผู้หมกมุ่นอยู่แต่ตำรา ถึงกับอ้าปากค้าง นัยน์ตาเบิกกว้าง อีกทั้งยังไม่รู้ว่าควรจะทำสีหน้าเช่นไร หลังจากที่เขาตั้งใจฟังอยู่นาน
บุรุษที่วัน ๆ มักจะจดจ่ออยู่แต่กับการคัดลอกตำรา และการจัดการสอบขุนนาง กลับต้องมานั่งฟังว่าบุตรีของตัวเอง เป็นสตรีใจกล้าที่จูบบุรุษต่อหน้าข้ารับใช้มากมาย
“ตานเอ๋อร์ ข้าได้ยินผิดไปใช่หรือไม่” เขากระซิบถามบุตรี ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกับสายลม
"เรื่องบังเอิญเจ้าค่ะ ท่านพ่อ อย่าใส่ใจเลย"
นางบอกปัดออกไป ก่อนที่เสียงเซ็งแซ่จะดังขึ้นไปทั่วทั้งตำหนัก เสียงกระซิบของเหล่าขุนนางและข้ารับใช้ยังคงไม่เชื่อสายตา ว่าองค์ชายสามจะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้
“หรือว่า...นี่เป็นแผนของสองพ่อลูกนั่น ถึงอย่างไรองค์ชายสามก็ถือว่าเป็นรัชทายาทลำดับที่สอง”
"เจ้าหมายถึงพวกเขาคิดการใหญ่กว่านั้นหรือ"
วาจาที่ฟังดูเสนียดหูดังขึ้น ราวกับเป็นการดูถูก แม้ว่าบิดาของนางจะเป็นขุนนางต่ำต้อย แต่ก็เป็นขุนนางผู้ภักดีและไม่คยคิดคดทรยศแต่อย่างใด หลี่ลั่วตานกำมือแน่น ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นเพื่อกำราบพวกปากไม่มีหูรูด ทว่าผู้เป็นบิดากลับรั้งแขนของนางเอาไว้
"ปล่อยไปเถิดตานเอ๋อร์..."
ราชโองการใหม่ถูกร่างขึ้นด้วยความรวดเร็ว ด้วยเพราะหวั่นเกรงว่าจะมีผู้ใดคัดค้านราชโองการอีกหรือไม่ จากตำแหน่งว่าที่ชายาเอกขององค์ชายห้า กลายเป็นว่าที่ชายาขององค์ชายสาม เพื่อรักษาเกียรติและหน้าตาของสตรี ฮ่องเต้เลือกที่จะปิดตาเสียข้างหนึ่ง และปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปโดยไม่ไต่สวนความจริง
เจียงหมิงหยวนเป็นโอรสที่เขาใส่ใจ และเลี้ยงดูด้วยตัวเองมาตั้งแต่กำเนิด มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าโอรสพระองค์นี้มีนิสัยใจคอ และเหลี่ยมร้ายเพียงใด กอปรกับสายตาในยามที่จ้องมองบุตรีตระกูลหลี่นั้น ดูจริงใจมากกว่าโอรสลำดับที่ห้าอย่างเจียงซื่อหรงหลายส่วนนัก เขาจึงแสร้งว่าตามไม่ทันความคิดของผู้เป็นโอรส
หลังจากที่ราชโองการได้ถูกแก้ไข บรรดาขุนนางและราชวงศ์ต่างถวายคำนับแล้วค่อย ๆ ล่าถอยออกไปจากตำหนักทีละคน เช่นเดียวกับเจียงหมิงหยวนและหลี่ลั่วตาน ที่พวกเขาจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันก่อนที่การแต่งงานจะมาถึง
เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นดังเคล้าคลอไปกับเสียงฝีเท้าบางเบา ที่กำลังเหยียบย่ำไปตามพื้นหินบนทางเดินที่ทอดยาวเข้าสู่เขตตำหนักด้านใน
หลี่ลั่วตานเดินเคียงข้างองค์ชายสามด้วยความสงบ แม้ยามนี้ท่าทีของนางจะดูนิ่งเฉย ทว่าในความคิดกลับวนเวียนอยู่กับรสจูบอันแสนเร่าร้อน
เมื่อรู้สึกว่าความคิดถลำลึกไปไกล นางจึงสะบัดใบหน้าไปมาเพื่อไล่ความคิดออกไป ก่อนที่นางจะหันหน้าไปสบตาเขา แล้วเอ่ยถามในสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ภายในใจ
บุรุษผู้ที่ไม่เคยสนใจผู้ใด ชอบปลีกวิเวกและชอบใช้ชีวิตตามลำพัง กลับยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เพียงแค่นางเอ่ยปากร้องขอเพียงแค่ครั้งเดียว
"เหตุใดพระองค์จึงช่วยหม่อมฉันเล่าเพคะ"
นางถามออกไปโดยที่ไม่ลังเล ทำให้บุรุษที่เดินนำอยู่เบื้องหน้าชะงักฝีเท้าค้าง ก่อนที่เจียงหมิงหยวนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับนางอย่างช้า ๆ
นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของสตรีเบื้องหน้า ใบหน้าของหลี่ลั่วตานมิได้แสดงความขอบคุณ ไม่ได้รู้สึกดีใจ หากแต่เฉียบคมราวกับว่ากำลังหยั่งเชิงเขา ว่านางสามารถไว้ใจเขาได้มากเพียงใด
เจียงหมิงหยวนมีท่าทีกระอักกระอ่วนไปชั่วครู่ แววตาคู่งามของเขาวูบไหวราวกับซ่อนเร้นอะไรบางอย่างเอาไว้ ก่อนที่เขาจะแปรเปลี่ยนสายตาเป็นกึ่งเย้าหยอก แล้วปิดบังสิ่งเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มเจื่อน
“ข้าไม่ชอบเห็นผู้ใดถูกบังคับทั้งที่ไม่เต็มใจ ก็เท่านั้น” เขาตอบ พลางเหลือบตามองไปโดยรอบ ราวกับไม่ต้องการให้นางรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริง
“แต่พระองค์แต่งเรื่องหลอกฝ่าบาทนะเพคะ” นางเอ่ยปากยอกย้อนเขาด้วยความเจ็บแสบ เขากล่าวอ้างว่าไม่ชอบเห็นผู้ใดถูกบังคับ แต่ตัวเองกลับแสร้งเล่นละครตบตาผู้เป็นบิดาไปเสียได้
"ข้าแต่งเรื่องที่ใดกันเล่า ในเมื่อเจ้าจูบข้าจริง ๆ" เจียงหมิงหยวนโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะพ่นลมหายใจจนอีกฝ่ายต้องหลับตาแน่น
"องค์ชาย เหตุใดพระองค์ถึงกลับดำเป็นขาวเช่นนี้ พระองค์ต่างหากที่จูบหม่อมฉันก่อน" หลี่ลั่วตานโวยวายจนดั่งลั่น
"ชู่...อย่าดังไปสิ หากบอกว่าข้าเป็นฝ่ายจูบเจ้าก่อน เกรงว่ายามนี้ราชโองการนั่นคงทำให้เจ้าได้แต่งงานกับเจียงซื่อหรงสมใจแล้วกระมัง!" วาจาขององค์ชายสามฟังดูประชดประชันและค่อนขอด
"คนเจ้าเล่ห์!" นางกัดฟันกรอด
“เจ้าเองก็ไม่ได้ปฏิเสธจูบของข้าเสียหน่อย หรือเจ้าไม่คิดจะรับผิดชอบข้า เช่นนั้นข้าจะได้ไปรับโทษต่อเสด็จพ่อ แล้วให้เสด็จพ่อมอบราชโองการให้เจ้าแต่งงานกับเจ้าห้าเช่นเดิม ข้าช่วยเจ้าแท้ ๆ แต่แม้แต่คำขอบคุณสักคำก็ไม่มี”
เขาเอ่ยขึ้นใกล้ชิดกับริมฝีปากของนาง รอยยิ้มของเขาราวร้ายกาจ แต่กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ชวนให้ใจเต้นแรง
หลี่ลั่วตานเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าร้อนผ่าว เมื่อเผลอสบตาที่เปล่งประกายยั่วเย้าของเขา ก่อนที่ริมฝีปากบางจะขยับช้า ๆ
"ขอบพระทัยเพคะ พระสวามี ที่ทรงอุตส่าห์ช่วยหม่อมฉันเอาไว้"
ดวงตาคู่งามปรายขึ้นสบตากับว่าที่สามีคนใหม่ของนางด้วยความท้าทาย เพื่อหวังให้เขารู้สึกประหม่า ทว่า
เจียงหมิงหยวนกลับรวบรัดเอวบางของนางเข้าประชิดกาย ใบหน้าได้รูปโน้มเข้ามาใกล้จนลมหายใจที่ร้อนผ่าวเป่ารดลงบนใบหน้าของนาง ดวงตาสีเข้มวาววับเปล่งประกายความยียวนเอาไว้ โดยไม่มีอาการประหม่าเลยสักนิด แต่กลับเป็นนางที่รู้สึกเขินอายจนไม่กล้าสบตา
"คำขอบคุณของพระชายา สวามีคนนี้รับเอาไว้แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้สิ่งตอบแทนก็เท่านั้น..." มุมปากหยักลึก ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างอย่างท้าทาย วาจานั้นก็คลุมเครือเสียจนใจเต้นระรัว
"สะ...สิ่งตอบแทน พระองค์หวังอันใดกันแน่เพคะ"
หลี่ลั่วตานพยายามดิ้นหนีจากพันธนาการของเขา แต่กลับไม่เป็นผล นอกจากจะไม่สามารถหลีกหนีได้แล้ว วงแขนแกร่งที่โอบรอบเอวกลับแน่นขึ้นเป็นเท่าตัว
"หวังว่าเจ้าจะไม่รู้สึกเสียดายในภายหลัง ที่ไม่ได้เป็นชายาของเจียงซื่อหรง!"
เสียงเข้มนั้นกระแทกแรง ประหนึ่งตะคอกเบา ๆ หลังจากนั้นเขาก็คลายวงแขนออก และหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้นางยืนงงงวยอยู่กับที่ กับการกระทำด้วยอารมณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ของเขา
"หม่อมฉันไม่มีวันเสียดายเพคะ!"
นางตะโกนตามหลังของเขาไปด้วยความสัตย์จริง หลี่ลั่วตานมองแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความขอบคุณ แม้จะไม่รู้อย่างแน่ชัดว่าเพราะเหตุใดองค์ชายสามถึงได้ช่วยเหลือนางอย่างไม่คาดคิด
แต่ภายในแววตาคู่นั้น กลับแฝงเอาไว้ด้วยความอบอุ่น ที่นางสัมผัสมันได้ แม้ว่าภายนอกเจียงหมิงหยวนจะดูเย็นชา แต่หลี่ลั่วตานกลับคิดว่านั่นเป็นเสน่ห์ที่น่าค้นหา ที่หลังจากนี้นางจะตั้งใจหามันให้เจอ
ภพชาตินี้นางไม่ต้องตกเป็นทาสรักของบุรุษชั่วช้าอีกต่อไป และไม่ว่าสวรรค์จะบัญชาเอาไว้เช่นไร นางก็ขอเลือกสามีใหม่ และไม่มีวันรักบุรุษคนเดิมอีกต่อไป