บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 โยนหินถามทาง

ภายในศาลาใหญ่ที่ทอดตัวยื่นลงไปเหนือสระบัวสีแดงอันเงียบสงบ มีเพียงเสียงของสายลมเบาบางที่พัดผ่านแนวผ้าม่านให้ปลิวไสวไปตามจังหวะของธรรมชาติ แสงอาทิตย์ยามบ่ายแผ่รังสีความร้อนลงมาไม่ขาดสาย แต่กลับโชคดีที่ผืนน้ำภายใต้สระบัวแห่งนี้ดูดซับความร้อนเอาไว้ จึงไม่รู้สึกร้อนเท่าใดนัก

แม้ว่าอากาศทางด้านนอกศาลาจะเต็มไปด้วยไอร้อน ทว่าบรรยากาศภายในศาลากลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง มันทั้งเงียบเชียบและเยียบเย็นอย่างน่าประหลาด

เจียงหมิงหยวน องค์ชายสามแห่งหนิงโจว เป็นโอรสที่กำเนิดจากเหม่ยฮองเฮา กำลังนั่งจิบชาด้วยท่าทางเย็นพระทัย ราวกับว่าศาลาแห่งนี้มีเพียงเขาที่นั่งจิบชาชมความงามของเหลียนฮวาที่เบ่งบานรับแสงแดดด้วยความงดงาม

ร่างสูงสง่าสวมใส่อาภรณ์หลันผาว หรือชุดคลุมยาวแบบหลวม ๆ เป็นอาภรณ์ที่ตัดเย็บจากผ้าไหมเนื้อละเอียดสีครามเข้ม ปักลวดลายเล็ก ๆ อย่างวิจิตรบรรจง เสื้อคลุมปลายแขนแคบยิ่งขับเน้นรูปลักษณ์ให้ดูกำยำแข็งแรง

ใบหน้าได้รูปคมคายดั่งหยกสลัก ปลายคิ้วเข้มพาดเฉียงรับกับแพขนตาหนางอนงาม ดวงตาเรียวได้รูปแฝงเอาไว้ด้วยความลึกล้ำ ยากจะหยั่งถึง อีกทั้งยังดูสุขุม เยือกเย็น และดุดัน มิหนำซ้ำยังเต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล ซุกซ่อนเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของดวงตา จมูกโด่งเป็นสันคม บริเวณส่วนปลายเชิดขึ้นเล็กน้อยแสดงถึงความดื้อรั้น ริมฝีปากหยักลึกมักเกิดรอยยิ้มคล้ายเย้ยหยันในยามเอ่ยวาจา ทั้งรูปงาม ทั้งอันตรายในคราวเดียวกัน

หลี่ลั่วตานนั่งลงบนเบาะรองนั่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับบุรุษเจ้าเสน่ห์ นางหย่อนกายนั่งลงด้วยความนิ่งเงียบและสงวนท่าทีเรียบร้อยอ่อนหวานของสตรีอันพึงมีเอาไว้ โดยที่นางยังคงเหลือบตามองบุรุษนิ่งขรึมเบื้องหน้าอยู่เป็นระยะ คิ้วเรียวบางขมวดแน่นด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเม้มริมฝีปากเอาไว้

'ข้านั่งอยู่ตรงหน้าของเขาแท้ ๆ แต่เหตุใดถึงได้ทำเหมือนข้าเป็นอากาศถึงเพียงนั้น' นางคิดในใจ พลางก้มใบหน้าลง ก่อนจะคว่ำริมฝีปากให้กับท่าทีเย่อหยิ่งเหล่านั้น

ทั่วทั้งวังหลวงแห่งนี้ คงมีแต่องค์ชายสาม เจียงหมิงหยวนผู้นี้เพียงผู้เดียว ที่ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น แม้กระทั่งหลี่ลั่วตานบุตรีขุนนาง ที่ถูกวางตัวให้เป็นชายาของผู้เป็นน้องชาย

เขายังคงนั่งจิบชาด้วยท่วงท่าสงบ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวใด ๆ ทั้งสิ้น ฝ่ามือเรียวยาวราวกับแท่งเทียนยกถ้วยชาขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วจรดริมฝีปากลงไปด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ราวกับถูกฝึกมารยาทมาเป็นอย่างดี และยิ่งเสริมให้บุรุษตรงหน้าเต็มไปด้วยความน่าสนใจ จนไม่อาจละสายตาจากไป

ในขณะที่นางเอาแต่จับจ้องทุกอากัปกิริยาขององค์ชายสาม จู่ ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคู่คมสีเข้มสบกับดวงตาของนางอย่างจงใจ บริเวณมุมปากกระตุกยิ้มราวกับรับรู้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองเขามาโดยตลอด

“น้องสะใภ้…เหตุใดเจ้าจึงจ้องหน้าข้าเช่นนั้นเล่า” น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ แม้ฟังดูลื่นไหลราวกับสายน้ำไหลเอื่อย แต่กลับแฝงเอาไว้ด้วยความร้ายกาจ

หลี่ลั่วตานตัวแข็งทื่อ ใจเต้นสะท้านไปกับดวงตาที่ทรงเสน่ห์เล่ห์ร้ายคู่นั้นอย่างบอกไม่ถูก นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบุรุษที่ทั้งวังหลวงขนานนามว่าอันตราย จะหล่อเหลาและน่าค้นหาเสียยิ่งนัก

ทว่าคำเรียกขานอันจงใจตอกย้ำสถานะของนางที่ใกล้เข้ามาทุกที ทำให้นางได้แต่กัดริมฝีปากเอาไว้แน่น และอยากอธิบายให้ผู้อื่นได้รู้ถึงความจริงอันแสนโหดร้าย ว่าองค์ชายห้าที่เพียบพร้อมไปด้วยรูปโฉมและนิสัยใจคอ แท้จริงแล้วชั่วช้าเพียงไร

คำว่าน้องสะใภ้ตอกย้ำลงไปในก้นบึ้งของหัวใจ ถ้อยคำที่ชาติภพนี้อยากหลีกหนีไปให้ไกลที่สุด ดวงตากลมโตที่เคยชอกช้ำและเศร้าหมองเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยว เฉียบคม หลังจากที่ถูกดึงให้ดำดิ่งในอดีตอันไม่น่าจดจำ

หลี่ลั่วตานปรายดวงตาขึ้นมองเจียงหมิงหยวนราวกับท้าทาย ริมฝีปากบางเปิดเผยความต้องการแท้จริงออกไป อย่างที่นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงต้องบอกกับเขา

“หม่อมฉัน…ไม่ได้อยากแต่งงานกับองค์ชายห้าเพคะ” น้ำเสียงของนางฟังดูหนักแน่นและจริงจัง

เจียงหมิงหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับได้ยินถ้อยคำอันคาดไม่ถึง ฝ่ามือหนาวางถ้วยชาลงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอนกายพิงไปกับพนักพิงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงเรียบ แต่แท้จริงแล้วแฝงด้วยนัยราวกับต้องการหยั่งเชิง

“แล้วเจ้า…อยากแต่งกับผู้ใดเล่า”

วาจาที่องค์ชายสามเอ่ยออกมานั้นเฉียบคมประหนึ่งคมมีดที่กรีดลงกลางใจ นางอยากแต่งกับผู้ใดนั้นสำคัญหรือ ในเมื่อชื่อของนางจะถูกเขียนลงในราชโองการสมรสในอีกไม่นาน

หลี่ลั่วตานหลับตาลงเพียงชั่วครู่ หัวใจสั่นไหว และฉุกคิดขึ้นได้ ว่า ถ้าหากนางต้องการแต่งงานกับองค์ชายสาม เขาจะร่วมมือกับนางหรือไม่ หากนางจำไม่ผิด ในสองชาติภพที่ผ่านมาเจียงหมิงหยวนต้องแต่งงานกับองค์หญิงต่างแคว้นที่เขาไม่ได้พึงใจรักเฉกเช่นเดียวกัน

หากนางทำให้เขาร่วมมือได้ เห็นทีชีวิตในชาติภพนี้หลี่ลั่วตานคงรอดพ้นจากเงื้อมมือของเจียงซื่อหรง แม้พวกเขาจะเป็นพี่น้องกัน แต่โลหิตที่ไหลเวียนอีกครึ่งภายในกายกลับต่างกันตามชาติกำเนิดของมารดา จึงทำให้นางมองไม่เห็นความชั่วช้าในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย

ดวงตาคู่งามจ้องมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยท่าทีหยั่งเชิง ริมฝีปากสีสดเผยอออกช้า ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจ ราวกับกำลังโยนหินถามทาง เพื่อหาหนทางรอดในชีวิต

“หม่อมฉัน…อยากแต่งกับพระองค์เพคะ”

ความเงียบแผ่ปกคลุมไปทั่วศาลากลางน้ำอีกครั้ง แม้แต่ดอกเหลียนฮวาที่เบ่งบานรับแสงยังแทบจะแข็งค้าง เมื่อเสียงหัวเราะดังขึ้นมา

บนใบหน้าอันแสนหล่อเหลาของเจียงหมิงหยวนปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ บริเวณมุมปาก เขาเอียงศีรษะเพียงเล็กน้อย หลังจากที่ได้ยินลมปากของสตรีที่อีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็จะมีฐานะเป็นน้องสะใภ้ของเขาอยู่แล้ว ฉับพลันรอยยิ้มก็หายวับไป เหลือเพียงดวงตาสีเข้มที่จ้องเขม็งจริงจัง จนหลี่ลั่วตานรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่วาจากลับเฉือนลึกลงไปในใจ

“นี่เป็นความต้องการของเจ้าจริง ๆ หรือแค่ต้องการให้ข้ายื่นมือเข้าช่วย...”

คำถามที่ฟังดูจิกกัดของเขาดังสะท้อนอยู่ภายในใจหลี่ลั่วตาน องค์ชายสามดูเหมือนจะคาดเดาความต้องการของนางได้อย่างแม่นยำ วาจาของเขาแช่แข็งนางให้นั่งนิ่งอยู่กับที่

เจียงหมิงหยวนลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วเดินไปยังระเบียงกว้างที่ทอดยาวลงไปเสมอกับผิวน้ำ ดวงตาเมล็ดชิ่งมีความลังเลใจอย่างเปี่ยมล้น หลังจากที่ขบคิดอยู่นาน นางจึงลุกตามเขาไปด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่

นางตั้งใจจะบอกความจริงแก่เขาอย่างไม่อาย นี่ถือว่าเป็นการเดิมพันครั้งยิ่งใหญ่ในชาติภพที่สามของนาง

"อะ...องค์ชายสามเพคะ หม่อมฉันอยากแต่งงานกับพระองค์ และอยากให้พระองค์ช่วยเหลือหม่อมฉัน"

หลี่ลั่วตานหลับหูหลับตาเอ่ยออกไป ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร นางก็จะยอมรับมัน อย่างน้อยก็ยังดีกว่ารอคอยให้เจียงซื่อหรงมอบความตายให้เป็นครั้งที่สาม

เจียงหมิงหยวนหันกลับมาเผชิญหน้ากับสตรีที่กล้าเอ่ยความต้องการและขอความช่วยเหลือจากเขาในคราวเดียวกันอย่างไม่คาดคิด สตรีที่ดูอ่อนแอ ยามนี้หาได้อ่อนแออีกต่อไป

"เจ้าจะตอบแทนข้าเช่นไร...หากข้าช่วยเจ้า"

ฝ่าเท้าใหญ่ขยับเข้ามาใกล้กับนาง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงบนหน้าผากของนาง ด้วยความสูงที่มากกว่าราวสองส่วน กลิ่นกายที่หอมจาง ๆ ทำให้นางเผลอสูดดมจนลืมคำถามก่อนหน้า

"มะ...หม่อมฉัน..."

น้ำเสียงใสตะกุกตะกักด้วยเพราะไม่รู้ว่าจะตอบแทนเขาเช่นไร จนกระทั่งองค์ชายผู้สูงศักดิ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา

"หากเจ้าพิสูจน์ความจริงใจให้ข้าได้เห็น ข้าจะช่วยเจ้า" กลีบปากหยักกดลึกพร้อมกับขยิบตาด้วยความร้ายกาจ

"อย่างไรเพคะ"

หลี่ลั่วตานเอ่ยถามด้วยความสงสัย จนกระทั่งร่างสูงสง่าค่อย ๆ เดินถอยหลังไป ราวกับไม่รู้ว่าด้านหลังคือสระน้ำกว้างใหญ่ ก่อนที่องค์ชายสามจะปล่อยให้พระวรกายเป็นอิสระด้วยการหงายหลังลงไปในสระบัวต่อหน้าต่อตาของนาง

ตูม!
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel