บทที่ 1 หลี่ลั่วตาน มิใช่คนเดิม!
เมืองฉางอัน แคว้นหนิงโจว ...
เสียงสายลมในยามเช้าของฤดูวสันต์พัดผ่านใบไม้เบา ๆ ให้พลิ้วไหว แสงแดดอ่อน ๆ ในอรุณรุ่งของวันใหม่ส่องแสงลอดผ่านระแนงไม้บริเวณบานหน้าต่างให้ตกกระทบกับร่างระหงที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงใหญ่
แพขนตางอนงามสั่นระริก ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า เฉกเช่นเดียวกับเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะแผ่วเบา ก่อนจะเต้นแรงขึ้น เมื่อภาพของความทรงจำไหลเข้ามาสู่ภวังค์ความคิดอย่างไม่ขาดสาย
เป็นจังหวะเดียวกับสายลมได้หอบเอากลิ่นอันแสนหอมหวานของดอกมู่ตานที่นางชื่นชอบจนลอยมาแตะจมูก อีกทั้งยังเป็นกลิ่นที่นางไม่มีวันจะลืมเลือน ด้วยเพราะครั้งหนึ่งนางเคยถูกฝังเอาไว้ใต้แปลงดอกโบตั๋นที่งดงาม
ดวงตาคู่งามสาดมองไปรอบกายด้วยความพินิจ ผ่านมาแล้วสองชาติภพ มีหรือที่นางจะจดจำไม่ได้ และเป็นที่แน่ชัดว่านางได้รับโอกาสให้กลับมาอีกครั้งในภพที่สาม
"คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ"
เสียงตื่นตระหนกตกใจดังขึ้นมาจากด้านหน้าประตู เสี่ยวหราน บ่าวรับใช้คนสนิทที่วิ่งพรวดพราดเข้ามา ภายในมือนั้นยังคงถือผ้าเช็ดหน้ากับกะละมังน้ำอุ่นเข้ามา
“คุณหนูยังมีไข้อยู่เล็กน้อยนะเจ้าคะ”
ดวงตาได้รูปกระพริบถี่เพ่งมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่แปรเปลี่ยนไป นัยน์ตาที่เปี่ยมด้วยความสดใส อ่อนโยน ยามนี้กลับนิ่งสงบ และเยือกเย็น ราวกับว่าผู้เป็นนายของตนมิใช่หลี่ลั่วตานคนเดิมอีกต่อไป
โดยเฉพาะสายตาคู่นั้นของนาง มันคือสายตาของผู้ที่ผ่านความเป็นความตายมาแล้วถึงสองชาติภพ ที่ในยามนี้ทอประกายแข็งกร้าวอย่างน่ากลัว
ฝ่ามือเรียวยกขึ้นลูบไล้บริเวณต้นคอของตัวเองเบา ๆ และยังคงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากปลายนิ้วแข็งที่กระด้างของบุรุษผู้เป็นสามีในสองภพก่อนได้เป็นอย่างดี ทุกการกระทำของเจียงซื่อหรง ยังคงฝังอยู่ในใจ ยากจะลืมเลือน และยากที่จะลบเลือนออกไปจากใจ
"เสี่ยวหราน...วันนี้เป็นวันที่เท่าใดของเดือน" เสียงใสเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
"วันที่สิบเอ็ดเจ้าค่ะ อีกสามวันจวนตระกูลหลี่ก็ต้องรับพระราชทานสมรสของคุณหนูกับองค์ชายห้า อย่าบอกนะเจ้าคะว่า..."
เสี่ยวหรานยิ้มกริ่ม ก่อนจะเว้นวรรคเอาไว้ เพราะคิดว่าคุณหนูของนางน่าจะลืมเลือนไป ทว่าสิ่งที่คุณหนูของนางเอ่ยปากออกมา ทำให้ริมฝีปากบางอ้ากว้างด้วยความคาดไม่ถึง
"ข้าไม่จะแต่งงานกับเขา"
นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ดวงตากลมหรี่ลงเล็กน้อย มันเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
“ตะ...แต่นี่เป็นราชโองการของฮ่องเต้นะเจ้าคะ นายท่านหลี่คงไม่ยอมเป็นแน่”
ใบหน้าของเสี่ยวหรานเต็มไปด้วยความสงสัย นางรู้ดีว่าคุณหนูของนางมีใจให้กับองค์ชายห้า แต่เหตุใดหลังจากที่นางตื่นขึ้นมาถึงได้มีกริยาที่แปลกไปเสียยิ่งนัก
หลี่ลั่วตาน เป็นบุตรีเพียงคนเดียวของ หลี่เยียน เจ้าหน้าที่ระดับรองในกรมพิธีการ ส่วนมารดาของนางได้จากไปตั้งแต่วัยเยาว์
“ท่านพ่อเป็นขุนนางที่ยึดมั่นในคุณธรรม และเคารพในวาจาของฝ่าบาท ย่อมไม่ยินยอมให้ข้าปฏิเสธอย่างแน่นอน”
นางหลับตาลง พลางหวนระลึกถึงภาพที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอันแสนปวดร้าว
ชาติภพแรก เขาวางยาลงในน้ำชาของนาง แล้วยังฝังร่างที่ยังไม่ทันได้สิ้นใจของนาง เอาไว้ใต้ดินภายในสวนดอกมู่ตาน ทั้งที่นางอ้อนวอนทั้งน้ำตา
ชาติภพที่สอง ความคาดหวังนั้นไม่เป็นผล บุรุษที่นางอยากให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง กลับลงมือสังหารนางด้วยความโหดร้าย ทั้งที่นางให้โอกาสเขาด้วยความโง่งม
หลี่ลั่วตานหลับตาลงเพื่อสะบัดภาพจำเหล่านั้นออกไป และตั้งใจบอกกับตัวเองว่าครานี้นางจะใช้ชีวิตให้ดี และชาติภพนี้ นางจะไม่เลือกเส้นทางเดิมอีกต่อไป และไม่ว่าสวรรค์จะบัญชาการเอาไว้เช่นไร หลี่ลั่วตานจะไม่ยอมให้ชีวิตต้องจบลงอย่างน่าอนาถอีกแล้ว นางจะต้องเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งด้วยตัวเอง
"เจียงซื่อหรง...ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในฐานะใด ข้าก็ไม่มีวันเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าอีกต่อไป” ดวงตาคู่งามหรี่ลงด้วยความมุ่งมั่น เสียงหวานใสฟังดูเข้มแข็งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เสี่ยวหรานถึงกับตาโต กระพริบดวงตาด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดผู้เป็นนายถึงได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ นางนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยถามความคิดของผู้เป็นนาย
"แล้วคุณหนูจะทำเช่นไรหรือเจ้าคะ"
หลี่ลั่วตานได้แต่ผินใบหน้า เหม่อมองท้องฟ้าที่อยู่ทางด้านนอกหน้าต่าง ก่อนจะเอ่ยอย่างมั่นคง
"ข้าจะไปพบท่านพ่อ ข้าจะบอกกับท่านพ่อว่าข้ามิได้มีใจให้กับองค์ชายห้า"
“แต่นายท่านจะยินยอมง่าย ๆ หรือเจ้าคะ”
นางยกยิ้มเยียบเย็น ดวงตาเมล็ดชิ่งยามนี้เปี่ยมไปด้วยความเด็ดขาด และไม่อ่อนแอ
'สองภพที่ผ่านมา...ข้าเคยเชื่อมั่นในรัก เชื่อมั่นในโชคชะตา และเชื่อมั่นว่าความรักที่ข้ามีจะเปลี่ยนแปลงเขาได้ แต่สุดท้ายข้ากลับได้รับแค่เพียงคมดาบ และดินที่เย็นเยียบ ภพนี้ ข้าจะไม่เฝ้ารอ ไม่ไขว่คว้า และไม่อ้อนวอนให้เขามองเห็นคุณค่าในตัวข้าอีกต่อไป'
"ข้าจะไม่มีวันเลือกสามีคนเดิมอีกต่อไป!"
เสี่ยวหรานส่งสายตามองผู้เป็นนายด้วยความฉงน และยังคงแปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปด้วยความรวดเร็วประหนึ่งพลิกฝ่ามือ วาจาและท่าทางอันแสนประหลาดทำให้นางยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดคุณหนูผู้แสนอ่อนหวาน และอ่อนโยน ถึงได้กลายเป็นสตรีผู้มีนัยน์ตาที่แข็งกร้าวเช่นนี้ไปเสียได้
"คุณหนู...คุณหนูเจ้าคะ นายท่านหลี่ให้ข้ามาแจ้งแก่คุณหนู ว่าอีกครึ่งชั่วยามต้องเดินทางเข้าพระราชวังเป็นการเร่งด่วนเจ้าค่ะ"
ผิงอัน บ่าวรับใช้อีกคนวิ่งแจ้นเข้ามาภายในเรือนด้วยหน้าตาตื่น และดูรีบร้อน ดูเหมือนว่าโชคชะตาของนางได้เปลี่ยนผันไปอีกครั้งแล้ว
"อะ...อืม ข้าจะตามไป" นางตอบออกไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด
ชีวิตของนางในชาติภพนี้ยากจะคาดเดา เพียงแค่จุดเริ่มต้นก็แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง การที่นางและผู้เป็นบิดาถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าเป็นการเร่งด่วนเช่นนี้ นางจะต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเพื่อหาวิธีรอดจากเงื้อมมือของปีศาจร้ายอย่างเจียงซื่อหรง
หลังจากนั้นเพียงครึ่งชั่วยาม รถม้าของตระกูลหลี่ ก็เคลื่อนตัวออกไปจากจวนด้วยความเร่งรีบ เสียงของล้อบดเบา ๆ ไปกับพื้นเรียบ
หลี่ลั่วตานนั่งอยู่ภายในรถม้าด้วยความเงียบเชียบ เช่นเดียวกับหลี่เยียนผู้เป็นบิดาที่มักไม่ค่อยพูดจา ด้วยความเหินห่าง ตัวของนางก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเอ่ยปากกับบิดาเช่นไรดี นางจึงปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ พลางใช้ปลายนิ้วเปิดผ้าม่านริมหน้าต่าง เพื่อมองทิวทัศน์ด้วยดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่แต่ไม่รีบร้อน
รถม้าจอดอยู่บริเวณด้านหน้าพระราชวัง นางก้าวลงจากรถม้าพร้อมกับผู้เป็นบิดา ทว่าปลายเท้าเรียวกับต้องชะงักค้าง เมื่อบิดาของนางเอ่ยปากขึ้นมา
"ตานเอ๋อร์ พ่อจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เสียก่อน ส่วนเจ้าตามนางกำนัลเหล่านั้นไปรอที่ศาลาด้านหน้าตำหนักใหญ่เสียก่อนเถอะ" บุรุษที่เข้าใกล้วัยชราส่งยิ้มอ่อนให้กับบุตรี ก่อนจะเดินแยกออกไป
หลี่ลั่วตานเดินตามนางกำนัลที่ผายมือเชื้อเชิญ เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่โรยด้วยหินกรวดหลากสีด้วยความสงบ และมีกิริยาที่เรียบร้อยอ่อนหวาน จนกระทั่งเสียงของนางกำนัลด้านหน้าดังขึ้น พร้อมกับยอบกายลง
"ถวายพระพรองค์ชายสามเพคะ"
เสียงใสของสตรีเหล่านั้นทำให้หลี่ลั่วตานยอบกายลง ก่อนจะปรายดวงตาขึ้นมองพระพักตร์ของบุรุษที่ถูกเรียกขานว่าองค์ชายสาม ทว่าร่างบางกลับชะงักนิ่งไป เมื่อดวงตาคมคายดูดุดันจับจ้องมายังนางอย่างไม่วางตา จนคิดว่านางทำสิ่งใดผิดธรรมเนียมไปหรือไม่ จึงได้เอ่ยวาจาออกไปด้วยความนอบน้อม
"หลี่ลั่วตาน คารวะองค์ชายสามเพคะ..."
"..."
เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา มีเพียงความเงียบงันเท่านั้นที่นางได้รับ ก่อนที่ร่างสูงสง่าจะเดินผ่านไปราวกับสายลม มุ่งตรงไปยังศาลาที่ตั้งอยู่กลางสระบัวขนาดใหญ่ ด้วยความเย่อหยิ่ง
'องค์ชายสาม เจียงหมิงหยวน...'
หลี่ลั่วตานมองตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ที่เดินจากไป ด้วยรอยยิ้มเจ้าแผนการ ก่อนจะรีบซอยเท้าถี่มุ่งตรงไปยังศาลาใหญ่เฉกเช่นเดียวกับเขา