บท
ตั้งค่า

บทนำ สองชาติภพ

'หากมีวาสนาได้เกิดใหม่ในชาติภพหน้า...ข้า หลี่ลั่วตาน ขอสาบานต่อสวรรค์ ไม่ว่าเจียงซื่อหรง จะมีนิสัยใจคอเป็นเช่นไร ข้าก็จะไม่มีวันรักเจ้าอีกเป็นครั้งที่สาม!'

น้ำเสียงที่แหบพร่าราวกับกระซิบดังขึ้นอย่างแผ่วเบา แทบไร้ซึ่งลมหายใจ เป็นคำอ้อนวอนต่อสวรรค์ ประหนึ่งว่าเป็นความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวของสตรีที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงความตายเป็นครั้งที่สอง

บริเวณสวนดอกมู่ตานภายในพระราชวังที่ไม่มีผู้ใดย่ำกรายเข้ามาในยามค่ำคืน มีเพียงสายลมหนาวพัดพากลีบดอกโบตั๋นที่แสนบอบบางให้ปลิวไหวไปตามแรงลม

เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่บนชายคาของศาลาใหญ่ที่ทอดยาวลงไปในผืนน้ำ ตีกระทบกันเบา ๆ ฟังดูคล้ายท่วงทำนองที่บรรเลงขึ้นเพื่อขับกล่อมจิตวิญญาณสุดท้ายของหลี่ลั่วตานให้หลับใหลด้วยความเงียบสงบ

ร่างบอบบางของนางทรุดลงกับพื้น ภายในสวนดอกมู่ตาน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ลำคอระหงมีเชือกเส้นหนาพันรัดแน่นจนผิวหนังบวมช้ำ ด้านหลังของนางมีบุรุษร่างกำยำที่ดึงรั้งเส้นเชือกเอาไว้

ร่างกายของนางในยามนี้เต็มไปด้วยรอยแผล และรอยฟกช้ำมากมาย อาภรณ์สีหวานอาบไปด้วยโลหิตกลิ่นคาวและฝุ่นโคลน บริเวณลำคอระหงมีเชือกเส้นหนาที่โอบรัดรอบลำคอของนางเอาไว้แน่น

นางหอบหายใจถี่อย่างยากเย็น ร่างเล็กพยายามดีดดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการ ทว่ากลับไร้ผล ด้วยมิอาจสู้แรงของบุรุษที่ดึงเชือกเส้นหนาด้วยพละกำลังที่มากมาย ความเจ็บปวดกัดกินลึกถึงชั้นกระดูกราวกับจะแหลกสลายในอีกไม่ช้า ดวงตากลมที่เคยงดงามเบิกกว้าง เหลือกถลนอย่างไม่น่าดู หยาดน้ำตามากมายไหลพรั่งพรูร่วงรินออกมาจากบริเวณหางตาทั้งสองข้าง

"พูดกระไรของเจ้า ใกล้ตายแล้วยังจะเพ้อเจ้ออีกหรือ..."

น้ำเสียงของเขายังคงเรียบเฉยและเย็นชา ฟังดูเจ็บปวดประหนึ่งคมดาบที่ฟาดฟันลงมาบริเวณกลางอก

"เป็นดั่งที่เจ้าว่ากระมัง..."

นางได้แต่ยิ้มเจื่อน ริมฝีปากที่เขียวช้ำสั่นระริก ก่อนจะพยายามเปล่งเสียงอันแหบพร่าออกมา

บุรุษผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของนาง คือเจียงซื่อหรง องค์ชายห้าแห่งแคว้นหนิงโจว หรือผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระสวามีของนาง เขาเป็นบุรุษสูงศักดิ์ผู้มีสายเลือดของราชวงศ์ไหลเวียนอยู่ภายในกาย แต่การกระทำกลับต่ำทรามเสียยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน

เขาไม่เคยรักนาง และไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับหลี่ลั่วตานเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะหัวใจของเจียงซื่อหรงได้มอบให้แก่บุตรีของคหบดีที่ร่ำรวยนามว่าอวิ๋นเซียนเพียงเท่านั้น

แต่ด้วยราชโองการสำคัญของฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา ได้มอบสมรสพระราชทานให้แก่เขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เจียงซื่อหรงจึงเข้าพิธีแต่งงานกับหลี่ลั่วตานแค่เพียงในนาม

แต่สำหรับหลี่ลั่วตาน องค์ชายห้าผู้นี้คือบุรุษที่นางหลงรักมาตั้งแต่วัยเยาว์ ทว่าเขากลับทำร้ายนางทั้งร่างกายและจิตใจอย่างสารพัดวิธี และมิใช่แค่เพียงชาติภพเดียว แต่เขาคือบุรุษที่ลงมือสังหารนางด้วยความโหดร้ายถึงสองครั้งสองครา

ม่านดวงตาที่พร่ามัวมองเห็นบุรุษที่นางรักด้วยความเลือนราง ความทรงจำหนึ่งก็หวนกลับคืนมาให้ได้ทบทวน

ภพชาติแรก หลี่ลั่วตานเข้าพิธีแต่งงานเป็นชายาเอกของเขาตามราชโองการของฝ่าบาท ทว่าในคืนแต่งงานเขากลับไม่ได้เข้าหอกับนาง

แต่กลับแต่งงานอีกครั้งภายในวันเดียวกันกับอวิ๋นเซียน ก่อนจะพาสตรีผู้นั้นกลับมาร่วมหอภายในตำหนักที่ถูกมอบให้เป็นเรือนหอของนางและเขา หลังจากที่ทั้งสองร่วมรักกันด้วยความชื่นมื่น พวกเขาก็ร่วมมือกันลงมือสังหารนางในค่ำคืนนั้น

ด้วยแผนการที่แยบยลราวกับถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี บ่าวรับใช้ได้วางยาลงในกาน้ำชาของนางตามคำสั่งของผู้ที่เข้าพิธีคำนับฟ้าดินด้วยกันเมื่อไม่กี่ชั่วยามที่ผ่านมา

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ในขณะที่นางยังไม่สิ้นใจ พวกเขากลับลงมือฝังนางทั้งเป็น โดยไม่คิดหวาดกลัวบาปกรรม แล้วปกปิดทุกอย่างด้วยการปลูกดอกมู่ตานภายในสวนด้านหลังพระราชวัง ราวกับว่าไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น

และไม่มีผู้ใดรู้ความจริงเลยว่าสวนดอกมู่ตานที่บานสะพรั่งด้วยความงดงาม เป็นหลุมฝังศพของชายาผู้ภักดี ที่ยังไม่มีโอกาสได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกับบุรุษที่นางรัก

เรื่องราวในอดีตชาติแรกที่ผ่านมา นางยังคงจดจำได้เป็นอย่างดี และรู้ซึ้งถึงความทรมานได้เป็นอย่างดี ภายในหลุมที่คับแคบ มีดินโคลนกลบหน้า สองมือและสองขาถูกมัดเอาไว้แน่นหนา ทำให้นางดิ้นทุรนทุรายอยู่นานกว่าจะขาดใจ ช่างเป็นความทรงจำที่เลวร้ายอย่างมิอาจลืมเลือน

แต่แล้วสวรรค์กลับมอบโอกาสให้นางได้เกิดใหม่อีกครั้ง ในช่วงเวลาก่อนที่จะได้รับพระราชทานสมรสให้แต่งงานกับเจียงซื่อหรง นางก็ยังคงเลือกเส้นทางเดิม ด้วยหัวใจที่ยังคงเต็มไปด้วยความคาดหวัง หวังว่าเจียงซื่อหรงจะมีนิสัยที่เปลี่ยนแปลงไป จนท้ายที่สุดนางก็ยังคงรักเขาเช่นเดิม

ความเจ็บปวดรวดร้าวจากชาติภพแรก หาได้ทำให้นางหลาบจำ หลี่ลั่วตานเลือกที่จะเข้าพิธีแต่งงานตามราชโองการสมรสพระราชทานเฉกเช่นเดิม ภพชาตินี้นางไม่ได้ถูกเขาสังหารในคืนแต่งงานเหมือนกับคราแรกที่ผ่านมา

หัวใจของหลี่ลั่วตานจึงพองโต เมื่อเขาเอาอกเอาใจนาง หากแต่หลังจากนั้น เขาก็รับอวิ๋นเซียนเป็นชายารองออกหน้าออกตา ที่เขาทำดีกับนาง ก็เพื่อให้ผู้เป็นบิดาเห็นว่าเขาไม่ได้ทอดทิ้งผู้เป็นชายาเอก เขาจึงได้แต่งชายารองสมใจ

เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ เจียงซื่อหรงก็เริ่มเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของนางโดยไม่คิดเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับอวิ๋นเซียนที่รังแกนางสารพัดวิธี

จนกระทั่งนางตกหลุมพรางแผนการร้ายของแม่ดอกบัวขาว และเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ลงมือสังหารนางอีกครั้ง

ในภพชาตินี้ นางก็ยังคงเป็นคนโง่งมเช่นเคย ยามนี้เมื่อเข้าใกล้ความตายเป็นครั้งที่สอง หลี่ลั่วตานจึงรู้ชัดและกระจ่างใจ ไม่ว่านางจะมอบโอกาสให้สามีในนามผู้นี้ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นไร เขาก็เป็นได้เพียงแค่บุรุษเลวทรามที่ไม่เคยเห็นคุณค่าในตัวของนางเลยแม้แต่น้อย

"ข้าไม่ได้อยากแต่งงานกับเจ้าเลยสักนิด...อย่าได้โทษข้าที่ข้าใจร้าย ในสายตาข้า เจ้าไม่ได้มีค่าเลยสักนิด"

ใบหน้าได้รูปแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปโอบไหล่บางของสตรีอันเป็นที่รักต่อหน้าต่อตา

เชือกที่ดึงรั้งรอบคอจากทางด้านหลังเริ่มตึงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนม่านตาเริ่มมืดดำ หลี่ลั่วตานหยุดดิ้นรนที่จะเอาชีวิตรอด แม้ทุกสิ่งจะเลือนรางจนแทบจะมองไม่เห็น นางก็ยังจับจ้องดวงตาไปยังบุรุษและสตรีที่เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดและร้ายกาจ

"เจียงซื่อหรง...เจ้าคนชั่วช้า"

นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและขาดช่วงไป ริมฝีปากที่แห้งผากขบเม้มแน่น ภายในใจถูกปกคลุมไปด้วยความเกลียดชัง แววตาที่เคยเปี่ยมด้วยความรักและความหวังค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ

สายตาคู่นั้นที่มองกลับมาเต็มไปด้วยความเย็นชา เยือกเย็น และปราศจากความเวทนาใด ๆ

“ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว ว่าอย่าแตะต้องอวิ๋นเซียนของข้า แต่เจ้าก็ยังกล้าที่จะส่งคนไปทำร้ายนาง...เจ้าไม่ชั่วช้าเลยสักนิดหรือหลี่ลั่วตาน!”

"สวามี พระองค์ต้องจัดการนางให้หม่อมฉันนะเพคะ หม่อมฉันกลัวเหลือเกิน"

สตรีจอมมารยาผู้นั้นเอาแต่บีบน้ำตาเรียกความสงสาร โดยที่หลี่ลั่วตานนั้นรู้ดีว่านั่นเป็นละครตบตา เพียงเพื่อกำจัดนางก็เท่านั้น

“ไม่ต้องกลัวไปนะเซียนเอ๋อร์ ข้าจะส่งสตรีชั่วผู้นี้ไปยังยมโลกเสียเดี๋ยวนี้” เจียงซื่อหรงพยักหน้าให้องครักษ์ของเขาดึงเชือกให้แน่นขึ้น ใบหน้าของเขานั้นเรียบนิ่งไร้ซึ่งความลังเลใด ๆ

อึก!

หลี่ลั่วตานพยายามเปล่งเสียงออกมา นางหอบเฮือกใหญ่ ร่างกายสั่นสะท้านด้วยแรงกระตุก โลหิตไหลย้อนขึ้นมาบริเวณคอหอย ม่านตาพร่าเลือน

ลำคอขาวถูกพันรัดด้วยเชือกเส้นหนา รอยช้ำเริ่มบวมเป่งราวกับจะทะลุออกมาจากผิวหนัง ริมฝีปากได้เพียงแผ่วเบา นางยิ้มอย่างปวดร้าวทั้งที่ใกล้จะขาดใจ

ดวงตาแดงช้ำคู่นั้นสั่นระริก ริมฝีปากที่บวมช้ำเปรอะไปด้วยโลหิตพึมพำประโยคสุดท้ายของชีวิตในภพชาติที่สองด้วยความเจ็บช้ำ ก่อนภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะค่อย ๆ เลือนหายไปในความมืดมิด

"หากสวรรค์เมตตาข้าอีกครั้ง ข้าจะไม่มีวันรักเจ้าอีกต่อไป"
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel