บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

“เอาล่ะ ฉันไม่มีอะไรแล้วนายกลับไปทำงานได้” คุณไตรรงค์อนุญาตให้อนวัฒน์กลับไปทำงานต่อ เพราะการที่เขาเรียกตัวอนวัฒน์มานั้น เขาไม่ได้จะไล่ชายหนุ่มออก แต่ที่ทำไปก็เพราะธัญญาทรมานั่งหน้างอโอดครวญให้ไล่พนักงานคนนี้ออกตั้งแต่เช้าต่างหาก

ซึ่งธัญญาทรเองก็เป็นคนหาข้อมูลมาให้ ว่าคนที่เธอต้องการให้เขาไล่ออก ชื่อว่าอะไรหน้าตาแบบไหน ถ้าเขาไม่ทำตามมีหวังโดนลูกสาวคนเดียวโกรธเอาแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีเหตุผลพอที่จะไล่หรือไม่ไล่พนักงานออก เพราะจากเหตุผลที่ธัญญาทรบอก ก็แค่เรื่องที่เด็กๆ เข้าใจผิดกันเท่านั้นเอง

“แต่พ่อคะ ไหนพ่อสัญญาว่าจะจัดการให้แนนนี่ไง ไล่นายนี่ออกไปซิคะ” ธัญญาทรยังไม่เลิกล้มความตั้งใจของตัวเอง

“ไล่ออกได้ยังไงล่ะแนนนี่ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อยนี่ลูก เรานั่นแหละที่ทำให้เขาเข้าใจผิดจนต้องว่ายน้ำลงไปช่วยนะ”

“แต่ว่า...” ธัญญาทรทำท่าจะขัดต่อ แต่ผู้เป็นพ่อก็ส่งสายตาดุๆ มายังเธอ ธัญญาทรจึงหยุดคำพูดไว้แค่นั้น

“ก็ได้ค่ะ”

‘ฝากไว้ก่อนเถอะนายลามก ชาตินี้นายกับฉันอย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย’ ธัญญาทรคาดโทษของอนวัฒน์เอาไว้ในใจ พร้อมกับส่งสายตาที่บ่งบอกถึงความแค้นที่อัดแนน่อยู่ในอกไปให้กับอนวัฒน์ ธัญญาทรตั้งปณิธานไว้ในใจว่าถ้าเจอกันอีกเธอจะไม่ปล่อยคนๆ เอาไว้แน่ ซึ่งเมื่ออนวัฒน์เห็นสายตาแค้นเคืองจากธัญญาทรที่ส่งมาให้เขา เขากลับทำหน้าเฉยๆ นิ่งๆ ส่งให้กับเธอแทน

“เอาล่ะ หมดธุระแล้ว นายกลับไปทำงานได้” หลังจากที่พูดคุยกันพอเป็นพิธีคุณไตรรงค์ก็ให้อนวัฒน์กลับไปทำงานต่อ เพราะที่จริงแล้วเขาก็ไม่มีธุระอะไรมากมาย

“ครับ”

หลังจากที่ออกจากห้องทำงานของนายไตรรงค์ อนวัฒน์ก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะคุณไตรรงค์นั้นดูเหมือนจะแตกต่างจากที่เขาคิดซะอีก นึกว่าจะรักลูกจนลืมหูลืมตา แต่ที่ไหนได้ ก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน แต่แตกต่างจากยัยตัวแสบที่ดูจะไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะไม่คิดว่าเธอจะกล้าฟ้องพ่อให้ไล่เขาออกจริงๆ เขามองหน้าธัญญาทรที่นั่งหน้างอง้ำอยู่ ก่อนจะเดินกลับออกไปทำงานต่อ

ต้นน้ำเข้ามาอยู่ในบ้านของพัทธนันท์ได้เกือบอาทิตย์แล้ว ทุกครั้งที่ได้คุยกัน ทุกครั้งที่เดินผ่านพัทธนันท์มักจะสังเกตพฤติกรรมของต้นน้ำตลอด แต่เหมือนว่าเขาจะรู้ทันจึงชอบพูดดักคอเธออยู่เรื่อย ไหนจะเรียกเธอว่าเจ๊ๆ แต่สักพักก็เปลี่ยนมาเป็นคำว่าแม่นั่นอีก คิดแล้วพัทธนันท์ก็หงุดหงิด ความที่ทนนั่งสงสัยคนเดียวไม่ไหว พัทธนันท์จึงโทรศัพท์ไปหาขวัญข้าวเพื่อนสนิทให้มาช่วยกันคิดอีกคน หรือไม่ก็ให้ขวัญข้าวมาเจอกับต้นน้ำสักครั้ง จะได้รู้ๆ กันไปเลยว่าขวัญข้าวจะคิดเหมือนกับเธอหรือเปล่า แต่ทว่าวันนี้ทั้งสองคนกลับไม่ยอมมาทานอาหารเที่ยงกับเธอที่ร้านเหมือนทุกวัน

“สงสัยวันนี้นายนั่นจะรู้ว่าขวัญจะมาจับผิด ก็เลยไม่ยอมมาทานข้าวเที่ยงที่ร้าน” พัทธนันท์หันมาคุยกับเพื่อนสาว เพราะเธอได้เล่าเรื่องของต้นน้ำให้ขวัญข้าวฟังแล้ว ซึ่งขวัญเองก็คิดเหมือนกันกับเธอ คือไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้

“คงจะงานยุ่งกันมั้ง นี่ฟ้า ถ้านายนั่นใช่คนเดียวกันกับต้นน้ำลูกของฟ้าล่ะ ฟ้าจะทำไงต่อ”

“ก็ไม่ทำไงหรอก แค่จะถามว่าเขาหายไปไหนโดยที่ไม่บอกกันสักคำ” พัทธนันท์นึกถึงตอนที่เธอเรียนมัธยม แล้วมีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คอยวิ่งตามแล้วเรียกเธอว่าแม่ แรกๆ เธอเองก็ไม่ยอมรับที่มีเด็กที่ไหนไม่รู้เรียกเธอแบบนั้น แค่มีอนวัฒน์คนเดียวก็เกินพอแล้ว แต่เมื่อมองสายตาของเด็กคนนั้นที่ส่งมาให้ เธอก็ต้องยอมแพ้ยอมให้เรียกจนเพื่อนๆ ในห้องเรียนแซวเธอว่ามีลูกตั้งแต่ยังไม่จบมัธยม แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับสนุกด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละที่ทำให้เธอลืมมันไม่ได้จนถึงทุกวันนี้

“นั่นสินะ อยู่ๆ เด็กคนนั้นก็ย้ายโรงเรียนโดยที่ไม่บอกใครสักคำ” แต่ขวัญข้าวก็อดหัวเราะไม่ได้ เมื่อนึกถึงสมัยเรียนมัธยมที่มีเด็กชายตัวเล็กๆ คอยเดินตามพัทธนันท์ตอนพักกลางวัน แถมยังเรียกว่าแม่ซะทั่วโรงเรียน พัทธนันท์จึงเป็นคุณแม่ลูกสอง เพราะคนแรกคืออนวัฒน์ อีกคนก็คือต้นน้ำนี่แหละ

“แล้วไม่ลองถามคลื่นดูละฟ้า ว่ารู้จักต้นน้ำตอนเรียนมัธยมหรือเปล่า ถ้าต้นน้ำเคยเรียนที่นี่คลื่นก็น่าจะรู้จักนะ เพราะอายุเท่ากันไม่ใช่เหรอ”

“เออ ใช่เราลืมไปเลย ไว้คลื่นกลับมาจากทำงานก่อน แล้วเราค่อยถามแล้วกัน ลืมไปได้ไงนะเรา”

“เป็นไงล่ะ เส้นผมบังภูเขาแท้ๆ”

“แล้วถ้าคลื่นไม่รู้จักล่ะ จะทำไงต่อ”

“ขอเราเห็นหน้า เด็กที่ชื่อต้นน้ำ นี่ก่อนแล้วกันนะ ค่อยว่ากันอีกที”

“ได้งั้นขวัญก็อยู่นั่งเล่น นอนเล่นในร้านเราไปก่อนได้เลย รับรองว่าเย็นๆ นายนั่นต้องโผล่มาที่นี่อย่างแน่นอน”

“เจ้าค่ะคุณเพื่อน” ขวัญข้าวเอ่ยรับปาก เพราะเธอเองชักอยากจะเห็นหน้า ของต้นน้ำมากเหมือนกัน

“ครับนาย...ผมอยู่ที่หน้าร้านแต่ตอนนี้มีคนเยอะครับ น้องชายมันกลับมาแล้ว คงต้องรอให้น้องมันกลับไปก่อน ถึงจะเริ่มลงมือได้ ครับนาย ครับ สวัสดีครับ” การพูดคุยสิ้นสุดลง ชายฉกรรจ์ 2 คนนั่งอยู่ในรถกำลังมองมาที่ร้านกาแฟของพัทธนันท์แล้วโทรแจ้งความคืบหน้าไปให้เจ้านายทราบทันที เมื่อรายงานสิ่งที่ได้รับมอบหมายจบ คนในรถก็ขับออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะหน้าที่ของคนในรถตอนนี้คือจับตาดูทุกฝีก้าว สบโอกาสเมื่อไหร่ค่อนลงมือ นี่คือคำสั่งจากหัวหน้าของพวกมัน

“อาเจ๊ ผมกลับมาแล้ว” ถึงตัวจะยังไม่เข้ามาหลังร้าน แต่อนวัฒน์ก็ส่งเสียงเข้ามาก่อน และอีกอย่างในร้านก็ไม่ค่อยมีลูกค้าเพราะใกล้ถึงเวลาปิดร้าน แต่เมื่อเข้ามาหลังร้านก็เจอกับขวัญข้าวนั่งปอกผลไม้อยู่

“อ้าว! พี่ขวัญ หวัดดีฮะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel