บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

บทที่ 3

เอ๋าซื่อหลงถ่ายพลังปราณมังกรผ่านทางดรรชนีมุทราเพื่อช่วยชีวิตจิ้งจอกเฒ่า เจ้าหลิ่งจิ้งมีสีหน้าที่ดีขึ้นเมื่อได้รับปราณมังกรนั้น จิ้งจอกเฒ่าทำท่าจะคำนับแต่ทว่าองค์ชายมังกรปรามไว้เสียก่อน

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย”

“ท่านรู้ว่าข้าเป็นใคร” มังกรหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเรียกตนแบบนั้น

“ถึงท่านจะแต่งตัวเช่นเดียวกับองครักษ์สวรรค์ แต่ไม่สามารถบดบังรัศมีแห่งมังกรได้”

“ท่านพักผ่อนก่อนจะดีกว่าท่าทางอ่อนแรงมากเหลือเกิน พลังที่ข้าถ่ายทอดให้เป็นเพียงแค่ปราณที่จะช่วยให้สบายตัวขึ้นและรักษาอาการบาดเจ็บเท่านั้น” องค์ชายมังกรพยุงจิ้งจอกเฒ่าไปพักผ่อนแล้วถามต่อว่า

“ท่านกำลังบำเพ็ญเพียรอย่างนั้นใช่หรือไม่”

“ใช่แล้ว องค์ชาย”

“เรียกข้าธรรมดาเถอะที่นี่ไม่ใช่วังมังกร และตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นองค์ชายเป็นเพียงองครักษ์สวรรค์เท่านั้น”

“แต่ว่า”

“ข้าไม่ใช่พวกเจ้ายศเจ้าอย่าง ดังนั้นไม่ต้องใช้คำพูดที่สวยหรูกับข้า”

“ขอรับ” จิ้งจอกเฒ่าน้อมรับ

“ข้าจะขอออกไปดูข้างนอกเสียหน่อย ปิศาจตนนั้นคงสร้างความเสียหายให้กับดินแดนของท่านไม่มากก็น้อย” เอ๋าซื่อหลงกล่าวสั้นๆ แล้วเดินออกไป เจ้าหลิ่งจิ้งเอนตัวพิงไปยังขอบเตียงเนื่องจากอ่อนล้าเต็มที ถึงจะได้พลังปราณมังกรมาช่วย แต่ต้องใช้เวลาเนื่องจากร่างกายบอบช้ำสะสมมานาน

องค์ชายสี่มองความเสียหายที่เกิดขึ้นตรงหน้า พร้อมหันไปมองจิ้งจอกสาวที่กำลังดูแลพี่น้องตนอยู่ ท่าทางอ่อนโยนเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น ทำให้เขาเริ่มมองเห็นตัวตนในอีกด้าน และรู้สึกว่านางก็ไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่ใครๆ ร่ำลือกัน

“มันบอกว่าจิ้งจอกแซ่เจี่ยบอกกับมันว่า ที่นี่มีปิศาจจิ้งจอกเก้าหางอายุหมื่นปีที่เก่งกาจ มันเลยมาท้าประลอง” จิ้งจอกตนหนึ่งเอ่ย

“ไอ้มารผมน้อย ข้าจัดการเจ้าแน่” เจ้าหลิ่งฟางกำมือแน่นเมื่อรู้ว่าใครคือต้นตอของเรื่องนี้

“ก่อนที่จะจัดการใคร เจ้าควรทำให้ที่นี่เหมือนเดิมเสียก่อน” องค์ชายมังกรเอ่ย

“ข้ารู้แล้ว แต่มันต้องใช้เวลา พลังของข้าไม่มากพอที่จะทำให้ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิมได้ในพริบตา” จิ้งจอกสาวสะบัดหน้าหนี

“พลังตัวเองก็มีไม่มาก แต่ดันไปหาเรื่องบนสวรรค์” น้ำเสียงคนพูดคล้ายเยาะเย้ยในที

“ข้าไม่ได้ใช้พลังมากมายเสียหน่อยตอนไปสวรรค์ พวกเทพบางตนโง่เองต่างหาก” จิ้งจอกสาวประชด

“ปากเจ้านี่ มันน่าหาอะไรมาปิดเสียเหลือเกิน ถอยไป” เอ๋าซื่อหลงไม่รู้จะทำอย่างไรกับวาจาร้ายกาจนี้ดีแล้ว จึงเร่งมือทำในสิ่งที่สมควรเสีย

“ท่านจะทำอะไร” เจ้าหลิ่งฟางถามด้วยความสงสัย

“ทำให้ที่นี่เหมือนเดิม” พูดจบเอ๋าซื่อหลงก็ทะยานตัวขึ้นไปในอากาศ มังกรหนุ่มหมุนตัวสองสามกระบวนท่าทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาพเดิมในเวลาอันรวดเร็ว

“ขอบใจนะ” เจ้าหลิ่งฟางยิ้มเมื่อเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างกลับเขาสู่ภาวะปรกติ

“ไม่ต้องขอบใจ เรามีเรื่องต้องพูดกันอีกมาก ตามข้าเข้าไปพบพ่อเจ้ากัน”

“จะพบท่านพ่อทำไมอีก ท่านบาดเจ็บต้องพักผ่อน”

“ไม่ต้องห่วง อาการบาดเจ็บของพ่อเจ้าทุเลาลงบ้างแล้ว”

“ท่านช่วยท่านพ่อข้าหรือ”

“ใช่” มังกรหนุ่มตอบเพียงสั้นๆ แล้วเดินกลับเข้าไปด้านใน เจ้าหลิ่งฟางทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามไปพร้อมกับแอบคิดในใจว่า

เก๊กชะมัด...

เอ๋าซื่อหลงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับจิ้งจอกเฒ่าฟังว่า นางมารน้อยนั้นทำอะไรไว้บ้าง ผลก็คือเจ้าหลิ่งฟางได้รับสายตาตำหนิจากบิดาเต็มๆ แต่แค่สายตาก็ทำให้นางรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ได้แล้ว

“หลิ่งฟาง เจ้าทำแบบนั้นจริงหรือเปล่า” บิดาถามเสียงเข้ม

“ท่านพ่อ” เจ้าหลิ่งฟางเสียงอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัด ก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น

“จงตอบในสิ่งที่พ่อถามตามความเป็นจริง”

“เจ้าค่ะ” คราวนี้เลี่ยงไม่ได้จริงๆ เจ้าหลิ่งฟางจำใจยอมรับ

“พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่า ไม่ต้องการให้เจ้าทำแบบนั้น” อดีตปิศาจผู้ยิ่งใหญ่ถอนหายใจ ลูกสาวคนนี้ดื้อเหลือเกิน

“แต่ว่า”

“ถ้าเจ้าถูกลงโทษพ่อจะทำอย่างไร พ่อมีเจ้าเพียงตนเดียวเท่านั้น พ่อไม่ต้องการให้เจ้าทำเรื่องเสี่ยงอีก เจ้ารู้บ้างไหม” เจ้าหลิ่งจิ้งทรุดตัวลงไปคุกเข่าต่อหน้ามังกรหนุ่มด้วยสีหน้าอ้อนวอน

“องค์ชาย ถ้าบุตรสาวข้าทำเรื่องไม่ดีและร้ายแรง ขอร้องอย่าลงโทษนาง ถ้าจะมีผู้ที่ต้องรับโทษผู้นั้นก็คือข้า ข้าผิดเอง” จิ้งจอกเฒ่าเอ่ยต่อไปอีกว่า

“ข้าเป็นพ่อแต่ไม่ได้อบรมสั่งสอนลูกคือผิด เป็นพ่อแต่ปรามลูกไม่ได้ก็ผิด”

“ท่านพ่อไม่ต้องรับผิดแทนข้า สิ่งที่ข้าทำไม่ได้ผิดถ้าจะมีคนผิด ก็คือคนที่พรากท่านกับท่านแม่จากกันและทำให้ข้าต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า พวกเขาสิผิดที่ทำร้ายครอบครัวเรา” เจ้าหลิ่งฟางโผเข้าไปกอดบิดาแน่น

“หลิ่งฟาง หยุดพูด แล้วขอโทษองค์ชายมังกรซะ”

“ไม่ต้องหรอก” เอ๋าซื่อหลงรีบห้าม พร้อมกับคิดหนทางออกสำหรับเรื่องนี้

“แสดงว่าท่านไม่ลงโทษนางใช่ไหม ขอรับ” จิ้งจอกเฒ่าถามด้วยความดีใจ

“ข้าจะไม่ลงโทษหากนางสัญญาว่าจะไม่ทำตัวเกเรอีก แต่ว่าคิดไปคิดมานางเป็นพวกหัวดื้อ ดังนั้นจำต้องกำราบให้อยู่หมัด”

“ต่อไปข้าจะดูแลลูกให้ดีกว่านี้” เจ้าหลิ่งจิ้งรีบบอก

“ดูจากสภาพท่านตอนนี้แล้ว พลังของท่านเหลือน้อยมากคงปรามนางไม่ได้หรอก และอีกอย่างหากว่ามีพวกมารมาหาเรื่องท่านอีก ข้าว่าท่านคงจะลำบากอีกเป็นแน่ หากว่าท่านปรารถนาจะบำเพ็ญจริงๆ ละก็ ควรหาที่ สงบกว่านี้”

“ที่นี่ก็สงบ” เจ้าหลิ่งฟางเถียง

“ผู้ใหญ่พูดจากัน เจ้าเป็นเด็กไม่ควรพูดแทรก มันเสียมารยาท” องค์ชายสี่เตือนก่อนที่จะหันมาทางมารจิ้งจอกชราอีกครั้ง

“ที่ป่าไผ่แห่งดินแดนทะเลใต้นั้นเป็นที่สงบ เป็นสถานที่ที่พระโพธิสัตว์แห่งความเมตตาอยู่ เจ้าแม่ทรงเมตตาผู้ที่คิดดี และท่านจะช่วยชี้นำทางให้ท่านเพื่อให้การบำเพ็ญสำเร็จ และจะไม่มีมารหรือสิ่งใดมารบกวนการบำเพ็ญของท่านได้ ที่สำคัญท่านจะสามารถฟื้นฟูพลังของตนได้ง่ายขึ้น” เอ๋าซื่อหลงแนะนำด้วยความหวังดี

“แต่ว่าข้ามีพี่น้องและลูกสาวที่จะต้องดูแล มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องถ้าจะทิ้งพวกเขาแล้วไปหาความสงบส่วนตัว” ถึงแม้ว่าใจนั้นอยากที่จะบำเพ็ญตนเพื่อเป็นเซียนมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถทิ้งพวกพ้องของตนได้

“ถ้าไม่รังเกียจ ข้าอยากจะขอรับอาสาเอง” เอ๋าซื่อหลงตัดสินใจบางอย่างแล้วจึงเอ่ยออกมา ทำให้สองพ่อลูกมองหน้ากันไปมาด้วยความสงสัย

“ท่านจะดูแลที่นี่อย่างนั้นหรือ” บิดาของจิ้งจอกสาวถาม

“ในเมื่อข้าช่วยทำให้ที่นี่มีสภาพเหมือนเดิม ข้าก็ควรมีส่วนที่จะต้องปกป้องหรือดูแลไม่ให้ผู้ใดเข้ามาทำลายมันลงอีก”

“แต่ว่าเทพจะมาปกป้องมาร มันเป็นเรื่องที่ไม่ปรกตินัก”

“หากมารคิดดี ทำดี มารก็ไม่ต่างไปจากเซียนผู้บำเพ็ญเพียรหรอก” เอ๋าซื่อหลงคิดเช่นนั้น

“ดูเหมือนท่านยังมีเรื่องที่เป็นห่วง”

“หลิ่งฟาง” เจ้าหลิ่งจิ้งเอ่ยชื่อลูกสาวของตนออกมา แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ถ้าเขาจากไปเสียแล้วนางจะเป็นอย่างไร จะให้ อยู่เพียงลำพังย่อมไม่ได้ ถึงแม้เจ้าหลิ่งฟางจะฉลาดในการหาทางเอาตัวรอด แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเพียงสตรี ซึ่งมันคงไม่ดีถ้าจะต้องอยู่เพียงลำพัง

“ท่านพ่อ ไม่ต้องกังวล ถ้ามันจะเป็นหนทางทำให้ท่านเป็นเซียนดังที่ตั้งใจ และช่วยให้พลังของท่านกลับมาได้บ้าง ท่านพ่อไม่ต้องห่วงข้า” วิธีใดก็ตามที่ทำให้บิดาสมปรารถนา เจ้าหลิ่งฟางพร้อมทำทุกอย่าง

“เจ้าเป็นลูกพ่อ ถ้าพ่อไม่ห่วงเจ้าจะให้ห่วงผู้ใด จะปล่อยให้เจ้าอยู่ที่ถ้ำหิมะเพียงตนเดียวไม่ได้” ผู้เป็นบิดายืนกรานหนักแน่น

“ท่านพ่อ ไม่ต้องห่วงข้า สิ่งที่ข้าต้องการและปรารถนาเป็นที่สุดคือต้องการให้ท่านสมความตั้งใจ ถ้าที่ป่าไผ่ของเจ้าแม่กวนอิมทำให้พลังของท่านฟื้นคืน และสามารถบำเพ็ญเป็นเซียนได้ตามปรารถนา ข้าขอให้ท่านไปที่นั่นและไม่ต้องห่วงข้า” เจ้าหลิ่งฟางเอ่ยจากใจจริง

“แต่”

“ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกสาวท่านนะ ลูกสาวจิ้งจอกเก้าหางหมื่นปีผู้ยิ่งใหญ่ ถึงข้าจะไม่ได้เก่งกาจอะไรมาก แต่ชื่อเสียงและบารมีของท่านทำให้ข้าไปไหน ก็ไม่มีใครกล้ามาทำร้าย ดังนั้นท่านพ่อไม่ต้องห่วง”

“พ่อทำแบบนั้นไม่ได้ พ่อไม่สามารถเห็นแก่ตัวเองจนทิ้งเจ้า” จิ้งจอกเฒ่าตัดใจไม่ได้จริงๆ

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เพื่อที่จะให้ท่านเข้าถึงหนทางการเป็นเซียนโดยไม่มีห่วง ข้าจะช่วยดูแลนางมารน้อยตนนี้ให้” เอ๋าซื่อหลงเสนอทางออกให้ สองพ่อลูกมองหน้ากันทันที

“ทำไมท่านถึงเมตตาเราสองพ่อลูกขนาดนี้” เจ้าหลิ่งจิ้งถามออกมาคำแรก แม้รู้ว่าเขามีน้ำใจและท่าทางเป็นคนดี แต่มันก็ใช่เรื่องที่องครักษ์สวรรค์จะมาเห็นอกเห็นใจพวกมารเช่นนี้

“การช่วยชี้ทางหรือบอกหนทางให้กับผู้ที่ต้องการจะบำเพ็ญตบะเพื่อเป็นเซียนนั้น ถือว่าเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง อีกประการหนึ่งข้าเห็นว่าลูกสาวของท่านทำตัวเกเรและนางมีอคติต่อชาวสวรรค์ เลยอยากจะปรับทัศนคติของนางเสียใหม่ พลังของท่านอ่อนมากและท่านเองก็มีความปรารถนาที่จะเป็นเซียน ดังนั้นเพื่อให้ท่านเป็นเซียนได้อย่างสบายใจ ข้าจะรับดูแลลูกสาวของท่านให้ชั่วคราว นางเป็นครึ่งมารครึ่งเทพ ถ้าได้รับการแนะนำที่ดีอาจจะทำตัวดีขึ้นหรือเปลี่ยนใจอยากเป็นเซียนในวันข้างหน้าได้”

เอ๋าซื่อหลงพูดตามใจจริงแต่ทว่าพูดออกมาไม่หมด เพราะความจริงอีกส่วนหนึ่งคือ การที่ถูกนางมารน้อยเล่นงานถึงสองรอบ ทำให้เจ็บใจจึงอยากจะสั่งสอนเสียให้เข็ดหลาบจะได้ไม่ไปเกเรที่ไหนอีก

“มันจะเป็นการรบกวนท่านเกินไป” จิ้งจอกเฒ่าเอ่ยด้วยความเกรงใจ

“ไม่เป็นการรบกวนหรอก ข้าอาจจะมีหน้าที่มากมายที่ต้องรับผิดชอบ แต่ก็มีเวลาพอที่จะอบรมนางได้”

“แต่”

“ท่านคิดให้ดี สิ่งที่ข้าบอกคือข้อเสนอทางหนึ่งเท่านั้น”

“ท่านพ่อ ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้าเอาตัวรอดได้ สิ่งที่ต้องห่วงตอนนี้คือตัวท่านเอง” เจ้าหลิ่งฟางย้ำเพื่อให้บิดาสบายใจ

“หลิ่งฟาง”

“ท่านพ่อ ท่านทำเพื่อข้า เพื่อพรรคพวกของเรามาตลอด ตอนนี้สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือการทำเพื่อตัวเองบ้าง”

ตั้งแต่เล็กจนโตสิ่งที่นางเห็นมาตลอดคือ เจ้าหลิ่งจิ้งดูแลนางและพรรคพวกจิ้งจอกเป็นอย่างดี ถึงแม้พลังจะน้อยแต่ทว่าบารมียังมากเลยทำให้รอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ แต่ว่าวันนี้การที่อยู่ๆ มีมารจากที่ใดไม่รู้บุกเข้ามาทำร้ายจนบาดเจ็บ จึงทำให้นางอยากให้บิดาพักผ่อนและบำเพ็ญเพียรอย่างสงบมากกว่า

“หลิ่งฟาง พ่อเป็นห่วงเจ้า”

“ไม่ต้องห่วงนาง มังกรแห่งทะเลใต้รักษาคำพูดเสมอ ข้าบอกว่าจะดูแลนาง ข้าก็จะทำตามคำพูดให้ดีที่สุด” เอ๋าซื่อหลงให้คำมั่นเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ

“พรรคพวกของท่านก็เช่นกัน ถ้าพวกเขาไม่เกเรและใฝ่ดี ข้าก็พร้อมที่จะสนับสนุน และถ้าท่านยังไม่สบายใจ เราจะไม่บอกผู้ใดว่าท่านได้จากที่นี่ไปแล้ว”

“ทำได้เหรอ” นางมารน้อยเอ่ยถาม

“ได้สิ ก็แค่เนรมิตภาพลวงของบิดาเจ้าขึ้นมาให้พรรคพวกของเจ้าอุ่นใจไงล่ะ”

“ภาพลวงตาไม่ว่าผู้ใดก็ดูออก” เจ้าหลิ่งฟางส่ายหน้า

“อย่าเอาฝีมือของเจ้ามาเทียบกับข้า” เอ๋าซื่อหลงย้อนและสบตาอีกฝ่ายด้วยความท้าทาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel