ฟ้าลิขิตรัก

108.0K · จบแล้ว
กุหลาบแก้ว
36
บท
944
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ศึกรบสะเทือนฟ้า ศึกรักสะท้านหัวใจ องครักษ์สวรรค์กับปิศาจจิ้งจอกสาว ปากบอกไม่รักแต่ไหงกลับกลายมาเป็นรักสุดหัวใจได้เล่า “ท่านต้องการข้ามากแค่ไหน” เจ้าหลิ่งฟางถามต่อ “ข้าต้องการเจ้าเหมือนกับที่มนุษย์ต้องการลมหายใจ ข้าต้องการเจ้าเหมือนกับผู้ที่เหน็บหนาวปานจะขาดใจต้องการไฟเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น”

นิยายรักโรแมนติกนิยายเทพเซียนนางเอกเก่งฝึกพลังเซียนแฟนตาซี จีนโบราณพระเอกเก่งราชันย์รบนิยายจีนโบราณกำลังภายใน

บทนำ

บทนำ

ท้องพระโรงวังมังกรทะเลใต้

“จบราชโองการ”

“ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี”

ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงคุกเข่ารับราชโองการจากประมุขแห่งสวรรค์ด้วยความนอบน้อม เอ๋าซื่อหลง องค์ชายสี่แห่งวังมังกร ผู้รับราชโองการนี้ลุกขึ้นเพื่อรับราชสาส์นที่เง็กเซียนฮ่องเต้ประทานมาให้ จากนั้นเจ้าสมุทรแห่งทะเลใต้และทุกคนจึงลุกขึ้น พร้อมกล่าวทักทายผู้ถือราชโองการสำคัญนี้

“ขอแสดงความยินดีด้วย” ผู้ถือสาส์นน้อมเคารพประมุขแห่งวังมังกร

“ขอบคุณท่านมาก” เจ้าทะเลใต้หนานไห่หลงหวางก้มศีรษะเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม

“ข้าขอตัวกลับไปทูลท่านเง็กเซียนก่อนว่า ได้ส่งมอบราชสาส์นให้องค์ชายสี่เรียบร้อยแล้ว และหวังว่าจะได้พบกันในเร็ววันนี้” ผู้ถือสาส์นกล่าวคำอำลาและจากไปในที่สุด

เจ้าแห่งวังมังกรยิ้มอย่างมีความสุขกับข่าวดีที่ได้รับ พริบตาผ่านไปวังมังกรจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่ให้กับองค์ชายเอ๋าซื่อหลง ในฐานะองครักษ์สวรรค์ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นที่รู้กันว่าตำแหน่งองครักษ์มีหน้าที่สำคัญในการปกป้องคุ้มครองแดนสวรรค์จากภัยทั้งปวง ที่สำคัญตำแหน่งนี้ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่มักเป็นมังกรฟ้าเสียมากกว่า

การที่เอ๋าซื่อหลงได้รับเลือกจากประมุขแห่งสวรรค์ นั่นแสดงว่าฝีมือบุตรชายเป็นที่ต้องตาถูกใจ และเชื่อว่าบุตรชายจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี แต่จะว่าไปบุตรชายวังมังกรใต้ทั้งสี่ก็ได้รับความไว้วางใจจากเง็กเซียนฮ่องเต้ ให้มีหน้าที่ดูแลในส่วนต่างๆ เช่น

เอ๋าจินหลงโอรสองค์โตนั้นรับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของทะเลใต้ เป็นที่รู้กันว่ามังกรตนนี้คือผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าแห่งทะเลใต้อย่างเป็นทางการ และทุกวันนี้เอ๋าจินหลงก็เข้ามาทำหน้าที่นี้เต็มตัว เพราะหนานไห่หลงหวางและพระชายาต้องการจะบำเพ็ญตบะอย่างจริงจัง

ในขณะที่เอ๋าเอ้อร์หลงโอรสองค์รองก็ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ควบคุมฟ้าฝน คลื่นลมแห่งท้องทะเลและโลกมนุษย์ ในขณะที่เอ๋าซันหลงองค์ชายสามก็ทำหน้าที่เป็นผู้ที่คอยอบรมและสั่งสอนบรรดามังกรรุ่นหลังๆ เรียกได้ว่าเป็นอาจารย์ใหญ่ของมังกรทั้งปวง

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นซื่อหลง เจ้าไม่ดีใจรึที่ได้รับตำแหน่งที่สำคัญ เป็นถึงองครักษ์สวรรค์ มีหน้าที่เฝ้าและดูแลหอสวรรค์ถือว่าเป็นหน้าที่ที่สำคัญมากนะลูก” หนานไห่หลงหวางเอ่ยถามโอรสคนเล็ก เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวยังคงเงียบ

“ดีใจขอรับเสด็จพ่อ แต่หน้าที่ยิ่งใหญ่ย่อมมาพร้อมกับภาระความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน ข้าเลยกังวลว่าจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ”

“ซื่อหลง แม่กับพ่อเชื่อว่าลูกทำได้อยู่แล้ว และลูกสามารถทำมันได้ดีด้วย” นางฟ้าจินเฟ่ยฟางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“เสด็จแม่พูดถูก พี่เองก็เชื่อในตัวเจ้าเช่นกัน น้องสี่” เอ๋าจินหลงให้กำลังใจน้องชายอีกคน องครักษ์สวรรค์ตนใหม่เริ่มยิ้มออกและตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด

“น้องสี่อย่าคิดมากไปอยู่บนสวรรค์นอกจากจะได้รับตำแหน่งองครักษ์แล้ว ที่นั่นยังมีนางฟ้าสวยๆ ให้เจ้ามองเป็นอาหารตามากมายนัก” องค์ชายรองผู้ซึ่งได้รับฉายาว่ามังกรเจ้าสำราญเดินมาตบบ่าน้องชายเบาๆ

“น้องสี่อย่าฟังพี่รองมาก ขืนมองแต่ความงามของบรรดานางฟ้าก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี” เอ๋าซันหลงขัดแต่ก็ไม่จริงจังมากนัก

“เอาล่ะ พวกเราเชื่อมั่นในตัวเจ้า ดังนั้นสิ่งที่เจ้าต้องทำคือรับผิดชอบหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด”

“ขอรับ เสด็จพ่อ” องค์ชายสี่แห่งวังมังกรรับคำด้วยสีหน้าและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจเป็นที่สุด เพราะหน้าที่นี้มีชื่อเสียงของมังกรแห่งทะเลใต้และความเชื่อมั่นของพี่น้องมังกรด้วย

ท่ามกลางความมืดมิดของรัตติกาล ประตูหอสวรรค์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเมฆสีทองยังคงเปล่งประกาย กล่าวกันว่าแม้จะดูสวยงามและบอบบางแค่ไหน แต่ความเป็นจริงกลับแข็งแรงมั่นคงยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้ ซ้ำผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลประตูนี้ก็มีฝีมือที่หาผู้ใดเทียบเทียมได้ยาก

ในราตรีนี้มีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น มีพลังลึกลับจู่โจมเหล่าทหารที่ยืนอยู่จนทำให้นอนสลบไสลไม่ได้สติ เงาดำเงาหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมทั้งมองผลงานของตนเองด้วยความพอใจ เมื่อเห็นว่าตอนนี้ทางสะดวกแล้วก็หมายตาไปที่ประตูบานใหญ่ ด้วยความมุ่งมั่นอย่างถึงที่สุดพร้อมทั้งทำดรรชนีมุทราสามท่า โซ่ที่คล้องประตูก็หลุดออกจากกันทันที

เมื่อประตูเปิดก็ตรงเข้าไปด้านในด้วยความรวดเร็ว แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อผู้ที่ยืนตระหง่านขวางอยู่คือ บุรุษรูปร่างสูงใหญ่สง่างาม ทว่าใบหน้าของเขานั้นกลับสวย หวาน เสียจนถ้าบรรดาสาวๆ เห็นยังต้องอิจฉา

ใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเป็นรูปไข่ จมูกโด่ง ริมฝีปากบางได้รูป ดวงตานั้นคม ทว่าก็มีความหวานซ่อนอยู่ด้วย เขาจ้องมองมายังผู้บุกรุกอย่างเอาเรื่อง ส่วนผู้บุกรุกมีผ้าคลุมปิดหน้านั้นหาได้เกรงกลัวไม่ ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของทั้งคู่ นอกจากการปะทะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และแล้วฝ่ายผู้บุกรุกก็เสียทีถูกดึงผ้าปิดหน้าออก

เอ๋าซื่อหลงหยุดเมื่อเห็นผู้บุกรุก นางคือสตรีที่มีดวงตาเป็นประกายท่าทางเอาเรื่อง จมูกเล็กเรียวสวย ผิวเนียน คอระหง ร่างเล็กบอบบาง ทว่ากลับแข็งแรงยามที่ต่อสู้ นางเม้มปากแน่นพร้อมจ้องหน้าเขม็ง สีหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญคือเตรียมตัวที่จะไปจากที่นี่แล้ว แต่...

“เจ้าเป็นใคร” องค์ชายสี่แห่งทะเลใต้เอ่ยถามผู้บุกรุกสาวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย สัญลักษณ์บนหน้าผากเป็นรูปเปลวไฟของนาง ทำให้รู้ว่าชาติกำเนิดเป็นอย่างไร

“พวกกึ่งมารกึ่งเทพสินะ” นางไม่ตอบโต้แต่อาศัยจังหวะที่มังกรหนุ่มเผลอ ตั้งท่าจะยกฝ่ามือฟาดใส่ ทว่าเขากลับไม่สะเทือนใดๆ แม้แต่สักเล็กน้อย

“มีพลังแค่นี้กล้าบุกหอสวรรค์ ช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย” องครักษ์สวรรค์เยาะเย้ยในที ส่วนคนที่ได้ฟังยิ่งเจ็บใจกว่า

“ช้างตัวใหญ่ยังพ่ายแพ้แก่มดตัวเล็ก ดังนั้นอย่าดูถูกผู้ที่พลังน้อยกว่า” ว่าแล้วนางก็รุกเข้ามาจู่โจม แต่ก็อย่างที่พูดมีพลังแค่นี้กล้าต่อกรกับมังกรหนุ่มผู้เป็นถึงองครักษ์สวรรค์ ช่างไม่ประมาณตัวเองเอาเสียเลย

“ช้างอาจจะพ่ายแพ้แก่มดได้ แต่สำหรับเจ้าไม่มีวันชนะข้าได้แน่ นางมารน้อย”

“เจ้าไม่มีสิทธิ์เรียกข้าแบบนั้นนะ” นางยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธ ยิ่งบุกรุกไล่อย่างไม่ยอมแพ้ แต่ทุกกระบวนท่าเอ๋าซื่อหลงก็ตั้งรับได้หมด

“ทำไมข้าจะเรียกไม่ได้ ตัวเจ้าแม้มีพลังของเทพครึ่งหนึ่งก็จริง แต่สิ่งที่เจ้ากระทำในเวลานี้มันคือนิสัยของพวกมารดีๆ นี่เอง” เอ๋าซื่อหลงตอบโต้

“แล้วไง เป็นเทพสูงส่งแล้วดูถูกคนที่ด้อยกว่าหรือไง”

“ข้าไม่ได้ดูถูก แต่พูดความจริง”

“ข้าก็พูดความจริงอยู่นี่ไง ท่านเป็นเทพนิสัยเสียชอบรังแกคนอื่น” นางต่อว่าแล้วลงมืออย่างไม่ยั้ง

“ข้าไม่เคยรังแกผู้ใด” องครักษ์หนุ่มเพียงยั้งมือไว้ไม่ตอบโต้ให้เกิดการบาดเจ็บ

“แล้วสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้คืออะไร รังแกผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้งั้นสิ” นางใช้มารยาให้อีกฝ่ายอ่อนลง ซึ่งได้ผลเพราะทำให้กระบวนท่าสุดท้ายเกือบเล่นงานเอ๋าซื่อหลงได้ เพียงแต่อีกฝ่ายระวังตัวและจัดการจับตัวนางมารน้อยไว้

“ปล่อยข้านะ ท่านจะทำอะไร จะรังแกผู้หญิงหรือไง”

“ยอมแพ้เอ่ยคำขอโทษแล้วไปจากที่นี่ซะ อ้อ สัญญาด้วยว่าจะไม่ทำอะไรอย่างนี้และไม่เกเรใครอีก แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป” องครักษ์หนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม

“ท่านปล่อยข้าก่อนสิ” น้ำเสียงนางมารน้อยอ่อนลงตาม

“เจ้าจะทำตามที่ข้าบอกใช่ไหม” เอ๋าซื่อหลงเข้าใจว่านางคงยอมรับแล้ว

“ได้ แต่ปล่อยข้าก่อน” มารยาหญิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน และแววตาที่อ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัดจนองครักษ์หนุ่มตายใจ

จิ้งจอกสาวยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเมื่อหลุดจากการจับกุม นอกจากไม่สำนึกกล่าวคำขอโทษแล้ว นางยังฝากความทรงจำที่มังกรหนุ่มไม่มีวันลืม ด้วยการหยิบผงบางอย่างจากกระเป๋าปาใส่หน้า ทำให้เอ๋อซื่อหลงแสบตาไม่ทันระวังตัว

“จำไว้นะท่านเทพหน้าหวาน คนอย่างเจ้าหลิ่งฟางไม่เคยขอโทษผู้ใด หากว่าข้านั้นไม่ได้กระทำความผิด ข้ายอมตายดีกว่าขอโทษพวกเทพสูงส่งที่ชอบรังแกคนอื่น”

“เจ้าไม่มีสัจจะ ไม่รักษาคำพูด” มังกรหนุ่มตวาดลั่น

“ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ท่านไม่รู้จักระวังเองช่วยไม่ได้” เจ้าหลิ่งฟางหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ ก่อนจะฉวยโอกาสนี้หนีไปตั้งหลักก่อน ทิ้งให้เอ๋าซื่อหลงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟต่อไป

“เจ้าหลิ่งฟาง ฝากไว้ก่อนเถอะ” เอ๋าซื่อหลงจะจำชื่อนางให้ขึ้นใจ สักวันเถอะ เขาจะสั่งสอนให้นางจิ้งจอกน้อยนี้รู้ว่า ห้ามล้อเล่นกับคนอย่างเอ๋าซื่อหลง

“เจ้าหลิ่งฟาง นางมารจิ้งจอกน่ะเหรอ” องค์ชายสี่แห่งทะเลใต้พยักหน้าเมื่อคู่สนทนาเอ่ยชื่อของผู้ที่เข้ามาบุกรุกหอยาสวรรค์

“เจ้ารู้จักรึ” เอ๋าซื่อหลงย้อนถามมังกรฟ้าเพื่อนรัก หลิวจิ้นเหอ มังกรฟ้าผู้เป็นองครักษ์ฝ่ายซ้ายของเง็กเซียนฮ่องเต้พยักหน้ารับช้าๆ พร้อมทั้งถอนหายใจออกมาด้วยความอ่อนใจ

“เจ้าเพิ่งมารับหน้าที่องค์รักษ์ฝ่ายขวาผู้ดูแลหอสวรรค์คงยังไม่รู้จักนาง แต่ต่อจากนี้ไปเจ้าคงพบนางบ่อยขึ้น”

“ทำไม”

“นางมาก่อกวนที่สวรรค์บ่อยจะตาย บรรดานางฟ้าทั้งหลายล้วนแต่ถูกนางแกล้งกันแทบทั้งนั้น”

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่านางเป็นพวกเกเร” มังกรแห่งทะเลใต้เอ่ย

“นางบอกว่าเป้าหมายคือบางสิ่งที่เก็บไว้ในหอสวรรค์ ที่บุรุกมาก็เพื่อสิ่งนี้แต่ว่าทำไม่เคยสำเร็จ จะว่าไปฝีมือนางก็ใช่ย่อย ถ้านิสัยน่ารักเสียหน่อยคงจะดี”

“ของที่นางต้องการคืออะไรกัน” เอ๋าซื่อหลงสงสัยเหลือเกินว่า ของที่จิ้งจอกสาวต้องการคืออะไร

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าอยากรู้เจ้าคงต้องไปถามนางเองแล้ว อ้อ ลองไปที่สวนท้อสวรรค์ก็ได้เพราะนอกจากที่นี่แล้ว นางก็ชอบไปป้วนเปี้ยนแถวนั้นบ่อยๆ” เอ๋าซื่อหลงพยักหน้ารับ สักวันต้องจับนางมารน้อยมาเค้นถามว่า เพราะอะไรถึงกล้าบุกสวรรค์

เชิงเขาเทียนซานค่อนข้างจะคึกคัก สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งพบปะพูดคุยของพวกที่ถูกเรียกกว่ากึ่งเทพกึ่งมาร รวมถึงพวกเทพชั้นผู้น้อยที่ยินดีคบหากับฝ่ายมารปะปนเข้ามาบ้างในบางครั้ง จิ้งจอกสาวเดินเข้าไปในร้านหลงฟ่ง ร้านนี้เป็นร้านน้ำชาชื่อดังซึ่งเป็นสถานที่สังสรรค์ของผู้ที่มาที่นี่ บ้างก็มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ บ้างก็มาสืบหาแหล่งข่าวที่ต้องการตามปรารถนา

เจ้าหลิ่งฟางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ด้วยท่าทางหงุดหงิด เพราะนางล้มเหลวกลับมาอีกครั้ง แต่ก็จะไม่ละความพยายามอย่างแน่นอน

“นังจิ้งจอกตัวแสบ” เสียงห้าวดังมาจากทางด้านหลัง

“เรียกทำไม” มารสาวเม้มปากแน่นรู้สึกเกลียดเสียงนั้นจับหัวใจ

“ไปก่อเรื่องที่ไหนมาอีกล่ะ” น้ำเสียงคนพูดคล้ายกับจะเยาะเย้ย คงจะรู้ว่านางจิ้งจอกสาวไปทำสิ่งใดมาและผลที่ได้รับคืออะไร

“มันเรื่องของข้า จะไปก่อเรื่องหรือไปทำอะไรมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า พ่อมารผมน้อย” เจ้าหลิ่งฟางแสร้งหันมายิ้มหวาน แต่สายตายียวนกวนประสาทอย่างเห็นได้ชัด วาจาที่ยอกย้อนทำให้คนที่หาเรื่องก่อนโกรธจนตัวสั่น

“นังตัวดี กล้าว่าข้าหัวล้านหรือ” ว่าไปจิ้งจอกสาวก็พูดไม่ผิดสักเท่าไร เพราะรูปร่างที่สมบูรณ์มีผมบนศีรษะน้อยเสียจนนับเส้นได้

“ข้าไม่ได้ว่าอะไรเจ้าเสียหน่อย แค่เรียกเจ้าว่า มารผมน้อย ข้าพูดผิดตรงไหน” เจ้าหลิ่งฟางย้อนหน้าตาเฉย ลอยหน้าลอยตายิ้มยั่วเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธ

“เจ้ามันไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ พ่อเจ้าตามใจเสียจนเสียคน มีลูกแบบเจ้าปวดหัวไปจนตาย” เจี่ยซุ่น ปิศาจจิ้งจอกอายุไม่ห่างจากบิดาของนางเอ่ย ถึงแม้ว่าจะชื่นชอบในความงดงามน่าเอ็นดูของเจ้าหลิ่งฟาง แต่วาจาของนางทำให้เขากลั้นอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ

“ต้องให้เกิดเป็นลูกเจ้าใช่ไหมถึงจะดีเลิศประเสริฐศรี หรือว่าต้องเที่ยวตามหาเทพหน้าโง่มาเคียงคู่เพื่อยกระดับตัวเอง นั่นสินะเรียกว่าดี” จิ้งจอกสาวยั่วโมโหเพิ่มขึ้น

“การที่ได้ครองคู่กับเทพ จะช่วยให้มีพลังกลายเป็นเทพตามไปด้วย” เจี่ยซุ่นเชื่อเช่นนั้น

“ข้าว่าเทพผู้โชคร้ายและโง่เง่าคนนั้น คงโดนจิตมารเข้าแทรกมากกว่า เพราะความวุ่นวายของลูกสาวเจ้า”

“เจ้าหลิ่งฟาง” คราวนี้เจี่ยซุ่นโกรธจัดเมื่อจิ้งจอกสาวพาดพิงถึงบุตรที่รัก

“เด็กไม่มีสัมมาคารวะ ปากดีแบบนี้ระวังเถอะจะโดนเข้าสักวัน”

“ไม่ใช่แค่ปากดี มือก็ดี จะประลองกันสักสองสามกระบวนท่าไหมล่ะ” เจ้าหลิ่งฟางท้าทายโดยไม่มีความเกรงกลัวเลย

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาจริงเจี่ยซุ่นก็หน้าเจื่อน ลำพังสู้กับนางจิ้งจอกตัวแสบตนนี้ตัวต่อตัวเขาไม่กลัว แต่หากเจ้าหลิ่งจิ้งบิดาของนางรู้มันคงไม่เป็นผลดีนัก

เนื่องจากเจ้าหลิ่งจิ้งเป็นปิศาจจิ้งจอกเก้าหางหมื่นปีและมีพลังมาก ถึงแม้ว่าจะสูญเสียพลังไปเกือบหมดเมื่อหนึ่งพันปีก่อน แต่ก็ยังคงมีความน่าเกรงขามอยู่ดี แถมที่ถ้ำหิมะยังมีสมุนจิ้งจอกที่พร้อมจะสู้หากเจ้าหลิ่งฟางถูกรังแกอีก

“ข้าไม่ลดตัวลงไปสู้กับเจ้าหรอก แม่หนูน้อย” เจี่ยซุ่นเอาตัวรอด เจ้าหลิ่งฟางไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะยกชาขึ้นมาดื่มต่อด้วยท่าทางยียวน

“เจ้ามันเป็นเด็กเหลือขอ นิสัยแบบนี้ข้าเชื่อว่าไม่นานเจ้าต้องกลายเป็นมารเต็มตัว และสักวันต้องมีเทพองค์ใดองค์หนึ่งมาจัดการเจ้า”

“เพิ่งรู้นะว่าเจ้าเป็นพวกหยั่งรู้” จิ้งจอกสาวหาได้สนใจคำว่าร้ายเหล่านั้น ซ้ำยังทำท่าทางกวนประสาทกลับไปอีก

“เจ้านี่มัน...” จิ้งจอกเฒ่าโกรธจนแทบกระอักเลือด

“ข้าไม่เถียงกับท่านจะดีกว่าและเพื่อแสดงความมีน้ำใจ จ่ายให้ข้าด้วยก็แล้วกันนะ พ่อมารผมน้อย” เจ้าหลิ่งฟางเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งรับของที่ลูกจ้างของร้านน้ำชานำมาให้ แล้วจากไปหน้าตาเฉย

“นังตัวแสบ” จิ้งจอกเฒ่าได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บใจ

เจ้าหลิ่งฟางส่งยิ้มให้บรรดาพี่น้องปิศาจจิ้งจอกที่เห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย นอกจากบิดาที่อยู่ในสภาพไร้พลังแล้ว นางยังมีพี่น้องจิ้งจอกของบิดาที่ต้องดูแลอีก เจ้าหลิ่งฟางส่งของที่ถือมาให้กับคนอื่นก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาบิดาที่อยู่ในถ้ำหิมะ

“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงทุ้มแสนอ่อนโยนเอ่ยขึ้นในขณะที่หลับตา เจ้าหลิ่งฟางเดินเข้าไปใกล้บิดา รอบตัวของปิศาจจิ้งจอกเก้าหางมีลูกแก้วครอบอยู่อีกชั้นเพื่อรักษาพลังในร่างกายให้สมดุล

“ท่านพ่อ”

“ไปซนที่ไหนมา” ปิศาจจิ้งจอกเก้าหางลืมตาพร้อมส่งยิ้มให้บุตรสาวแสดงความรักความห่วงใยอย่างที่สุด

“ข้า” จิ้งจอกสาวก้มหน้าเล็กน้อย ปิศาจจิ้งจอกเก้าหางเดาถูกว่าบุตรสาวไปทำสิ่งใดมา

“พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเสี่ยงและไปทำเรื่องไม่ดีเพื่อพ่อ”

“ใครบอก นี่คือเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตข้าเลยนะท่านพ่อ” จิ้งจอกสาวเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

“หลิ่งฟาง เจ้าไม่ควรทำอย่างนั้น” ปิศาจจิ้งจอกได้ฟังถึงกับถอนหายใจ พยุงร่างกายลุกขึ้นแล้วก้าวออกมาหาบุตรสาว

“ข้าได้ยินมาว่าแก้วมังกรที่หอสวรรค์สามารถทำให้พลังของท่านพ่อกลับมาได้เหมือนเดิม แก้วมังกรนั่นมาจากพลังวัตรของมังกรฟ้า มังกรเจ้าสมุทรทั้งสี่และมังกรน้ำจืด ว่ากันว่านอกจากจะทำให้ฟื้นคืนพลังแล้วยังเพิ่มพลังวัตรได้อีก ถ้าพลังของท่านพ่อกลับมาเราทั้งสองก็สามารถเข้าไปช่วยท่านแม่ได้”

“สิ่งที่เจ้าได้ยินมามันก็เป็นพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เจ้าไม่ควรไปเสี่ยงอันตรายเพียงเพราะคำลือ พ่อขอร้องได้ไหมอย่าทำอะไรที่มันเสี่ยงอีก เพราะถ้าเกิดเจ้าเป็นอะไรไปพ่อคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้” จิ้งจอกเก้าหางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ชั่วชีวิตเขามีสตรีเพียงสองคนเท่านั้นที่สำคัญที่สุดในชีวิต คนแรกคือนางในดวงใจนางฟ้าซือเซียนผู้มีจิตใจงดงามเป็นมารดาของบุตรสาว และอีกคนก็คือเจ้าหลิ่งฟาง ลูกสาวที่เกิดจากความรักของเขากับนางผู้เป็นดวงใจ แม้รักนี้จะผิดกฎสวรรค์และทำให้เกิดทุกขเวทนามาจนทุกวันนี้ แต่จิ้งจอกเก้าหางก็ยินดีน้อมรับมันด้วยความเต็มใจ

เจ้าหลิ่งฟางรู้เรื่องของบิดามารดา เมื่อเติบใหญ่ขึ้นพอมีฝีมือรักษาตัวรอดได้นางจึงทำทุกวิธีเพื่อให้พลังวัตรของบิดากลับมาดังเดิมอีกครั้ง แม้ว่าจะต้องเสี่ยงอันตรายแค่ไหนแต่บุตรสาวก็ไม่เคยหวั่นแม้แต่น้อย

เช่นเดียวกับคำเล่าลือที่ว่าท้อสวรรค์สามารถฟื้นพลังวัตรได้ นับตั้งแต่วันนั้นเจ้าหลิ่งฟางก็หาทุกทางเพื่อที่จะนำสิ่งนี้มาให้ แม้จะห้ามปรามหรือทักท้วงอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง ซ้ำบุตรสาวยังมีวิธีที่จะทำให้เขาต้องยอมรับสิ่งที่นางกระทำโดยไม่ท้วงติง นั่นก็คือคำขู่ที่ว่าจะไม่ยอมบำเพ็ญเป็นเซียน

และเมื่อไม่นานมานี้ ข่าวลือเรื่องแก้วมังกรที่หอสวรรค์เข้าหูเจ้าหลิ่งฟาง แน่นอนว่านางไม่รอช้า ทำทุกทางที่จะไปนำมันมาให้จงได้ แต่ดูท่าแล้วฝีมือของบุตรสาวคงไม่อาจรอดองครักษ์ผู้ดูแลสวรรค์ไปได้เป็นแน่

“แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ถ้าแก้วมังกรสามารถทำให้พลังของท่านพ่อกลับมาได้มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง ข้าอยากให้ท่านพ่อหายและกลับมาแข็งแรง เหมือนที่ท่านอาทั้งหลายในป่าหิมะแห่งนี้เล่าให้ฟัง”

ความปรารถนาสูงสุดในชีวิตก็คือเห็นบิดามีสุขภาพแข็งแรง และถ้าได้มากกว่านั้นอีกก็คือ การได้อยู่กันพร้อมหน้าครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ซึ่งหนทางเดียวที่จะทำให้เป็นเช่นนั้นได้คือ การที่พลังวัตรอันแข็งแกร่งของบิดาต้องกลับมา

“เขาหัวซานเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบุกเข้าไป ถึงพ่อจะเป็นปกติก็ใช่ว่าจะบุกเข้าไปได้ เพื่อให้ทุกอย่างสงบ แม่ของเจ้ายอมรับโทษนั้นด้วยความสมัครใจ พ่อเคยพยายามแล้วหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ทำไม่ได้ และที่สำคัญพ่อสัญญากับแม่ของเจ้าไว้แล้วว่าจะอดทนรอวันที่นางพ้นโทษ”

“แล้วเมื่อไหร่ท่านแม่จะพ้นโทษ เทพพวกนั้นไม่มีหัวใจ” เจ้าหลิ่งฟางน้ำตาคลอเล็กน้อย

จิ้งจอกเก้าหางเข้าใจความรู้สึกของบุตรสาวดี ภาพในวันวานย้อนกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่พลังวัตรจะสิ้นสูญเขาบุกเข้าไปเพื่อช่วยนางอันเป็นที่รัก

ผลที่ตามมาไม่เพียงแค่ช่วยนางไม่ได้ แต่ยังถูกเหล่าเทพที่มีพลังแกร่งกล้าเล่นงานเสียจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด นางฟ้าซือเซียนถูกจับไปต่อหน้าต่อตาทิ้งไว้เพียงคำสั่งที่ยึดมาจนวันนี้คือ ดูแลลูกสาวสุดที่รักให้ดี ส่วนนางนั้นขอน้อมรับโทษทุกอย่างเพียงผู้เดียว

“หลิ่งฟาง เชื่อพ่อเถอะ สักวันเราจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันแน่ อีกอย่างเจ้าไม่ควรไปมีเรื่องกับพวกเขาบ่อยๆ สิ่งที่ควรทำคือบำเพ็ญเพียรซะ เผื่อว่าเราจะได้เป็นเซียนแล้วไปอยู่กับแม่เจ้า” จิ้งจอกเฒ่าเอ่ย

“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลยท่านพ่อ ข้าเอาหมั่นโถวและของดีๆ มาให้ท่านเยอะเลย” เจ้าหลิ่งฟางเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากจะเถียงบิดา

“เจ้าไปเอาของพวกนี้มาจากไหน”

“ร้านหลงฟ่ง ปิศาจจิ้งจอกเจี่ยซุ่นจ่ายให้ข้า”

“เขาเต็มใจจ่ายให้แน่นะ” บิดาย้อนถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ท่านไม่ต้องคิดมากหรอก เพราะเขาเต็มใจจ่ายให้ข้าอยู่แล้ว” เจ้าหลิ่งฟางยืนยันหนักแน่น

“คราวหน้าขอบคุณเขาด้วย และอย่าทำไม่ดีกับเขานะ” บิดากำชับ

“ท่านพ่อ” นางมารน้อยเอ่ยเรียกบิดาเสียงแผ่ว เมื่อดูเหมือนว่าจะถูกรู้ทัน

“สิ่งที่เจ้าควรทำคือ บำเพ็ญเพียรเพื่อให้ได้เป็นเซียนที่สมบูรณ์ เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจมาก”

“ไว้ก่อนนะคะท่านพ่อ ใจข้ายังไม่สงบเท่าไร” จิ้งจอกสาวยิ้มประจบ

“หลิ่งฟาง” จิ้งจอกเก้าหางได้แต่ถอนหายใจ นึกโทษตัวเองว่าไม่ควรเล่าเรื่องราวในอดีตให้บุตรสาวฟังเลย