บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

ภวัตรมองไพ่ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา งานนี้เขาต้องชนะ ชนะเท่านั้นไม่มีคำว่าแพ้แน่นอน ความคิดนี้เช่นเดียวกับปกเกล้า หวังว่าโชคยังเข้าข้างเขาอยู่ แต่ความระแวงไม่ไว้ใจใคร ก็ทำให้ภวัตรเอ่ยขึ้น

“ผมขอแจกไพ่เอง”

“จะดีเหรอครับคุณภวัตร” ปกเกล้าเอ่ยถาม เพราะภวัตรนั้นไม่จำเป็นต้องแจกไพ่เองด้วยซ้ำ

“ผมไม่ไว้ใจใคร”

“งั้นก็ตามสบาย” พูดจบปกเกล้าก็หันไปพยักหน้าให้พนักงานที่ทำหน้าที่แจกไพ่ เธอจึงส่งไพ่ทั้งสำรับให้ภวัตรไปทำหน้าที่สับและแจกตามต้องการ เมื่อไพ่มาอยู่ในมือภวัตรก็อุ่นใจว่าเขาไม่ถูกปกเกล้าโกงแน่นอน ชายหนุ่มสับไพ่สามสี่ครั้ง ก่อนจะแจกให้ปกเกล้าและตนสลับกันกระทั่งไพ่ครบทั้งสามใบพร้อมที่จะเล่น

ไพ่สองใบแรกเปิดมาก็ทำเอาปกเกล้าชะงักไปเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังคงเก็บอาการได้ดี กระทั่งเปิดไพ่ใบที่สามสีหน้าก็ยังคงนิ่งอยู่ ผิดกับภวัตรที่แสดงออกให้เห็นว่าตนมีไพ่ที่แต้มเหนือกว่าปกเกล้ามากนัก แถมยังพูดโอ้อวดราวกับต้องการข่มอีกฝ่าย

“งานนี้ผมชนะคุณแน่”

“อย่าพึ่งมั่นใจขนาดนั้นสิครับ งานนี้ไม่มีใครตามใคร เพราะเดิมพันของเรานั้น รู้ๆ กันอยู่ว่าคืออะไร” ปกเกล้าเอ่ยแย้ง

“ผมใจร้อน เรามาเปิดไพ่กันเลยดีกว่า เรื่องนี้จะได้จบๆ”

“ครับ” เสียงทุ้มๆ ของปกเกล้าเอ่ยรับ ทั้งคู่เปิดไพ่พร้อมๆ กัน แต่แล้วคนที่โอ้อวดว่าตนนั้นได้ไพ่เหนือกว่าและจะชนะแน่นอนถึงกับหน้าซีดเผือด เมื่อมองเห็นแต้มบนไพ่ของปกเกล้า เขาพ่ายแพ้ได้ยังไง ทั้งๆ ที่มั่นอกมั่นใจกับแต้มในมือ

“ผมขอเล่นอีกตา”

“แล้วคุณจะเอาอะไรมาพนัน” ปกเกล้าเอ่ยถามเสียงกร้าว เขาไม่ชอบการเล่นที่ยืดเยื้อและไม่ชอบคนตื๊อ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไร้ประโยชน์

“หุ้นของบริษัท ผมจะเอาหุ้นของบริษัทมาเดิมพัน”

“คุณภวัตร ผมว่าเราควรหยุดแค่นี้นะครับ” แม้จะได้ชื่อว่าเจ้าของคาสิโน แต่ปกเกล้าก็ไม่วายเอ่ยเตือนสติ แต่แทนที่จะเชื่อฟัง ภวัตรกลับดื้อรั้นหัวชนฝา

“ไม่ ผมไม่หยุด”

“พล พาคุณภวัตรออกไป”

“ครับนาย” สุพลเอ่ยรับ ก่อนจะเดินเข้ามาหาภวัตร

“อย่ามาจับฉัน” ภวัตรเอ่ยห้ามเสียงดังลั่นห้อง แววตาและสีหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจ ที่ปกเกล้าไล่กลับเช่นนี้

“ผมต้องการแก้มือ ต่อให้ต้องขายวิญญาณมาเล่น ผมก็ยอม”

“งั้นก็ลองดู ผมมั่นใจว่าคุณภวัตรได้ขายวิญญาณให้ผมแน่” คำพูดของภวัตรทำให้ปกเกล้ากัดฟันแน่น ก่อนจะคว้าปืนพกที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับจ่อปลายกระบอกปืนมายังภวัตร

การกระทำของปกเกล้าถึงกับทำให้ภวัตรหน้าซีดเผือด เพราะไม่คิดว่าปกเกล้าจะกล้าทำแบบนี้ได้ ทั้งๆ ที่ตนคือลูกค้ารายสำคัญแท้ๆ แต่ในสายตาของปกเกล้าหากภวัตรไม่ใช่พี่ชายบุญธรรมของ ภู่แก้ว เขาจะไม่ยอมเข้ามายุ่งเช่นนี้ คนอย่างภวัตรพอเจอคนจริง ความรักตัวกลัวตายก็บังเกิด

“ผมแค่พูดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ”

“กลับไปเถอะครับ ก่อนที่ผมจะกระชากวิญญาณของคุณมาเป็นของเดิมพันจริงๆ” คำพูดของปกเกล้าไม่ใช่เพื่อข่มขู่ หากแต่ชายหนุ่มพร้อมจะทำจริงๆ ภวัตรเคยได้ยินมานักต่อนัก ถึงความโหดเหี้ยม คำไหนคำนั้นของปกเกล้า เพราะใครไม่แน่จริงคงอยู่วงการนี้ไม่ได้

“ผมจะกลับมาแก้มือแน่ ผมจะต้องชนะคุณให้ได้” พูดจบภวัตรก็หมุนตัวแล้วกลับออกไปจากห้องรับรอง จะว่าไปตั้งแต่เล่นการพนันกับปกเกล้ามา น้อยครั้งมากที่ชายหนุ่มจะชนะปกเกล้าได้ ผู้ชายคนนี้มือขึ้นอย่างที่เสียงล่ำลือ รู้แบบนี้ไม่น่าลองของตั้งแต่แรก

“เดี๋ยวครับคุณภวัตร” แต่จังหวะที่ภวัตรกำลังจะเดินพ้นประตู เสียงของปกเกล้าก็ดังขึ้น

“อะไรครับ”

“เรื่องหุ้นโรงแรมที่ผมเป็นเจ้าของแทนคุณ ผมจะไม่เข้าไปบริหารงานตอนนี้ แต่จะเปิดโอกาสให้คุณทำต่อ”

“ทำไมคุณถึงทำแบบนั้น” สีหน้าของภวัตรเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะปกเกล้ามีสิทธิ์เข้าไปที่โรงแรม ในฐานะกรรมการผู้จัดการแทนเขาได้ทุกเมื่อ แต่มาคิดอีกทีก็ดีเหมือนกันที่ปกเกล้าไม่แสดงตัว เพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่ภวัตรจะเอาทุกอย่างกลับคืนมา แม้ตอนนี้จะมองไม่เห็นหนทางที่ว่านั้นก็ตามที

“เพราะผมไม่มีเวลา แต่ถึงอย่างนั้นก็จะจับตาคุณทุกฝีก้าว หากวันไหนคุณเอาหุ้นที่เหลือไปพนันขันต่อกับใครอีก เวลานั้นผมจะไปหาคุณถึงที่โรงแรม”

“นี่คุณกำลังข่มขู่ผมอยู่”

“อย่าเรียกว่าการข่มขู่เลยครับ เรียกว่าเตือนจะน่าฟังมากกว่า” ภวัตรไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือเงียบไว้ รอโอกาสเอาคืน แม้ว่าวันนี้จะกลับไปพร้อมกับความพ่ายแพ้ ออกจากคาสิโนมือเปล่าทั้งๆ ที่ตั้งใจมาทวงทุกอย่างคืน ทุกอย่างสำหรับภวัตรนั้นจบสิ้นลงแล้ว แต่สำหรับภู่แก้วทุกอย่างกำลังเริ่มต้นขึ้นต่างหาก

หลังจากนอนไม่ได้สติมาหลายชั่วโมง ในที่สุดร่างบางบนเตียงที่หลับเพราะฤทธิ์ยานอนหลับก็ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น ภู่แก้วกระพริบตาถี่ๆ มองเพดานห้องที่ไม่คุ้นชิน ก่อนจะเด้งตัวขึ้นจากเตียงอย่างเร็วจนรู้สึกเหมือนห้องหมุน ต้องคว้าหมับที่หัวเตียงเพื่อยึดเหนี่ยว หญิงสาวตั้งสติครู่หนึ่งเพื่อเรียบเรียงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จับต้นชนปลายยังไงก็คิดไม่ตก ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน

“พี่กร” ภู่แก้วเอ่ยเรียกภวัตรด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ก่อนจะพยายามทรงตัวให้ยืนตรงอีกครั้ง จากนั้นก็เดินไปยังประตู ภู่แก้วออกแรงบิดลูกบิดเพื่อให้ประตูเปิดออก แต่กลับไม่เป็นผลเพราะมันถูกล็อกไว้จากด้านนอก แม้จะสงสัยว่าเธอมาอยู่ในห้องแคบๆ นี้ได้ยังไงกัน แต่สิ่งอื่นใดที่ภู่แก้วคิดตอนนี้คือเธอจะต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน เนื่องจากสัญชาตญาณของเธอบอกว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัย

ในเมื่อเปิดประตูไม่ได้ หญิงสาวจึงใช้แรงที่มีทุบแรงๆ ลงไปบนประตู จนข้างมือเล็กๆ บอบช้ำเกิดเป็นรอยแดง เพื่อขอให้คนช่วย

ปัง ปัง ปัง!!!

“ช่วยด้วย ใครอยู่ข้างบอกบ้าง เปิดประตูให้ฉันที” ประโยคขอความช่วยเหลือของภู่แก้วดูจะไม่เป็นผล แม้จะมีคนเฝ้าอยู่ข้างนอกจริงๆ แต่ชายทั้งสองคนกลับทำหูทวนลมไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

“ใครก็ได้ ช่วยด้วย” ภู่แก้วตะโกนอีกครั้ง แต่ทุกอย่างกลับยังคงว่างเปล่า กระทั่งเธอคิดว่าต้องช่วยตัวเองให้ออกไปจากที่นี่ เพราะถ้ารอให้คนอื่นมาช่วยคงไร้ประโยชน์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel