บทที่ 2
“เบื่อ... เบื่อเรื่องอะไรครับนาย”
“ทุกอย่าง โดยเฉพาะที่นี่”
“ผมไม่เบื่อหรอกครับ เพราะที่นี่ให้ชีวิต ให้ผมมีเงินใช้” สุพลภูมิใจเสียด้วยซ้ำที่ได้มาทำงานที่นี่ ไม่ใช่ตกงานแล้วริไปขโมยของอย่างแต่ก่อน หนำซ้ำขโมยของใครไม่ขโมยกลับมาขโมยของปกเกล้า จนถูกซ้อมปางตายและเกือบถูกจับเข้าคุก ดีแค่ไหนที่ปกเกล้าไม่เอาเรื่องไปมากกว่านี้ แถมยังให้มาทำงานด้วยอีก
“อย่างนั้นเหรอ แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเบื่อๆ อย่างบอกไม่ถูก” ขณะพูดมือหนาก็สับไพ่ตรงหน้าไปด้วย หรือเขาเริ่มอิ่มตัวกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้กัน
“นายอาจทำงานหนักไป หาเวลาไปพักผ่อนบ้างสิครับ”
“นั่นน่ะสิ” ปกเกล้าเอ่ยรับเสียงเรียบ พักนี้เขาคงทำงานมากไปจริงๆ แต่นั่นก็เพื่อชดเชยบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป แม้ทุกวันนี้ชีวิตเขาจะมีพร้อมทุกอย่าง แต่ทำไมในใจถึงรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก หวนคิดถึงแต่เรื่องในอดีต เฝ้ารอการกลับมาของใครบางคนอย่างมีความหวัง
แต่ปกเกล้าต้องหยุดคิดเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะวันนี้เขามีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับบิดาเสียด้วย ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์แบบ และหล่อเหลาในสายตาใครๆ ราวกับนายแบบก็ไม่ปาน แต่ยามใดที่ชายหนุ่มดุดัน คนรอบข้างก็เข้าหน้าไม่ติดมาแล้ว ปกเกล้าเดินไปยังห้องทำงานของบิดาที่ตอนนี้นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้หนังสีน้ำตาล แม้จะไม่ได้ทำงานเพราะมีบุตรชายสานต่อ แต่ดิลกก็หมั่นมาที่คาสิโนเสมอ เพราะที่นี่เปรียบเหมือนบ้านหลังที่สองของเขาก็ว่าได้
“ตกลง แกจะคุยอะไรกับฉัน”
“ผมไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อหามาให้” ปกเกล้าเอ่ยไปตรงๆ เขาถูกบิดามัดมือชกตั้งแต่เรื่องหมั้นหมายแล้ว และนี่งานแต่งงานที่ไม่ต้องการก็ใกล้เข้ามา ชายหนุ่มจึงไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
“หนูวรดาเขาไม่ดีตรงไหน”
“เธอดี แต่ผมไม่ได้รัก”
“ความรักมันกินไม่ได้หรอกนะปก หนูวรดาคือคนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนคาสิโนของเราให้ยิ่งเข้มแข็ง มั่นคง” ดิลกหยิบยกเหตุผลที่คิดว่าดีที่สุดของตนมาแย้งความคิดของบุตรชาย
“นั่นเพราะพ่อของเธอเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่ถึงแม้ตอนนี้จะปลดเกษียณไปแล้วอย่างนั้นเหรอครับ”
“ใช่... ถ้าเธอเป็นลูกตาสีตาสา ฉันคงไม่ให้แกแต่งงานด้วยหรอก” สองพ่อลูกจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร เรื่องหมั้นหมายก่อนหน้าปกเกล้าไม่อาจขัดคำสั่งของบิดาได้ แต่ตอนนี้ไม่อีกแล้ว
“แล้วถ้าผมมีเมีย มีลูกที่ฐานะทางครอบครัวเธอเป็นแค่ตาสีตาสา พ่อจะว่ายังไง”
“แกพูดแบบนี้หมายความว่าไง” ดิลกจ้องมองบุตรชายเพียงคนเดียวแขม่ง
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมจะบอกความจริงให้พ่อรู้ไว้แล้วกัน ว่าตอนนี้ผมมีเมีย มีลูกแล้ว และคงทิ้งเธอไปแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนไม่ได้” อยู่ๆ ปกเกล้าก็ยกเมฆมาพูด ไม่รู้อะไรดลใจให้ชายหนุ่มเอ่ยแบบนี้ออกไป
“แกกำลังโกหกฉัน”
“ผมไม่ได้โกหก อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะคลอด ถึงตอนนั้นพ่อจะได้เห็นว่าผมพูดจริงทุกคำ”
“เธอเป็นใคร”
“ก็แค่ลูกตาสีตาสาธรรมดาครับ แต่ผมรักเธอ” น้ำเสียงของ ปกเกล้านั้นหนักแน่น ดิลกไม่พอใจที่ได้ยินแบบนี้จนหายใจฮึดฮัด
“พาเธอมาหาฉัน” ดิลกเอ่ยกร้าว บ่งบอกถึงความไม่พอใจถึงที่สุด
“ผมคงยังให้พ่อเจอเธอไม่ได้”
“ทำไม!!” คราวนี้ดิลกถึงขั้นตบโต๊ะทำงานตรงหน้าดังปัง
“พ่อจะได้เจอเธอ ในวันที่ลูกของเราคลอดแล้วเท่านั้นครับ”
“นี่แกคิดว่าฉันจะไปทำร้ายลูกกับเมียแกหรือยังไง หา!” ดิลกเอ่ยเสียงกร้าว ต่อให้เขาร้ายแค่ไหนก็ไม่เคยคิดทำร้ายใครเป็นแน่
“พ่อไม่คิดจะทำ แต่บางคนอาจจะคิด”
“แกพูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“ผมรู้ว่าพ่อเข้าใจความหมาย อ้อ... อีกอย่างที่จะทำให้พ่อได้เจอเมียกับลูกผม” ปกเกล้าจงใจเปลี่ยนเรื่องสนทนาอีกครั้ง
“อะไร”
“ถ้าพ่อยกเลิกงานแต่งงานของผมกับวรดาได้สำเร็จ วันนั้นผมจะพาเมียกับลูกมาหา แต่ถ้าพ่อยังไม่ยอมพูดยกเลิกเรื่องแต่งงาน พ่อก็จะไม่ได้เจอหน้าทั้งคู่แน่นอน โดยเฉพาะหลาน” คำขู่ของปกเกล้า ทำเอาดิลกแทบจะกระโจนใส่ ปกเกล้ารู้ว่าการที่ผู้เป็นพ่อเกรงอกเกรงใจบิดาของวรดาด้วยสาเหตุอะไร ทั้งสองคบหากันมานาน คอยช่วยเหลือมาตลอดก็จริง แต่บิดาเขาดูเหมือนจะเป็นฝ่ายถูกใช้เสียมากกว่า เพราะคนอย่างอาคมไม่เคยคบค้ากับใครหากไม่มีผลประโยชน์
“นี่แกกล้าขู่พ่ออย่างฉันเหรอ”
“ผมเปล่าขู่พ่อครับ แต่พ่อก็รู้ว่าคนอย่างผม พูดคำไหนคำนั้นเสมอ พ่อคิดดูถ้าเมียผมรู้ ว่าพ่อบังคับให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ทั้งๆ ที่เธอเองก็กำลังตั้งท้องลูกของผม หลานแท้ๆ ของพ่ออยู่ เธอจะคิดยังไง ดีไม่ดีเธออาจหนีไปทั้งๆ ที่ยังท้องอยู่ก็เป็นได้” เจอประโยคนี้ของปกเกล้าเข้าไป ดิลกถึงกับอึ้งพูดไม่ออก รู้สึกผิดขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้าปกเกล้ามีแค่เมียเขาจะไม่คิดมากเลย แต่นี่กำลังจะมีลูก มีหลานให้เขาเสียด้วย
แต่ระหว่างที่พ่อลูกกำลังคุยกันหน้าเครียดอยู่นั้น ประตูห้องทำงานของดิลกก็ถูกเปิดออก พร้อมกับแขกคนที่ปกเกล้าไม่อยากพบสักเท่าไหร่
“พี่ปก... อยู่ที่นี่เอง ดาตามหาซะทั่วเลย” วรดาถือวิสาสะเปิดประตูห้องทำงานของดิลกเข้ามาแบบไม่เกรงใจ ด้วยถือดีว่าเธอคือคู่หมั้นของปกเกล้า ก่อนจะปรี่เข้ามาคล้องแขนคนที่เธออยากพบไว้ ราวกับกลัวว่าชายหนุ่มจะหายตัวไปหากเธอไม่ทำเช่นนี้ เมื่อสังเกตเห็นดิลกจึงเอ่ยทักทาย
“อุ๊ย! คุณลุง สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ้ะหนูดา”
“คุณลุงสบายดีนะคะ”
“ลุงสบายดี ขอบใจมากนะหนูที่ถามไถ่”
“แหม… คุณลุงล่ะก็ อีกไม่นานดาก็จะมาเป็นสะใภ้ที่นี่แล้ว ถ้าไม่ให้ห่วงคุณลุงกับพี่ปก จะให้ดาไปห่วงใครล่ะคะ”
“ดามีธุระอะไรถึงมาที่นี่ครับ”
“ดูพี่ปกถามดาสิคะคุณลุง น่าตีนัก” ว่าแล้ว วรดาก็แสร้งตีเบาๆ ลงไปบนต้นแขนของปกเกล้า
“ก็วันนี้เราสองคนมีนัดไปดูแพ็คเกจแต่งงานกันน่ะสิคะ พี่ปกลืมไปแล้วเหรอ” ปกเกล้าไม่ได้ลืม แต่ชายหนุ่มจงใจไม่อยากจำมากกว่า
เขากับวรดาพบกันครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน ความที่อายุมากกว่าคอยดูแลหญิงสาวตามสมควร รวมทั้งยังมีคำสั่งของบิดามาด้วยจึงขัดไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าอนาคตต้องมาหมั้นหมายกัน แต่ตอนนี้ทำไมเขาถึงไม่อยากพบหน้าเธอ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง แม้จะรู้ว่าเสียมารยาทก็ตามที
