บทที่ 7 พบปะคนในบ้าน
ตอนที่๗
พบปะคนในบ้าน
“มาแล้วหรอไออุ่น” เสียงทรงอำนาจของประมุขใหญ่ของบ้านเรียกความสนใจของอัยยภัทรได้เป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะคุณปู่ ไอคิดถึงคุณปู่ที่สุดเลยค่ะ”อัยยภัทรลุกขึ้นไหว้ชายชราที่กำลังเดินเข้ามา ก่อนจะรีบเดินเข้าไปประคอง
“ปู่ก็คิดถึงไออุ่น “ ชายชราลูบหัวหญิงสาวอย่างเอ็นดู อัยยภัทรเป็นตัวของตัวเองได้เวลาอยู่กับเจ้าสัวกิตติ หญิงสาวสามารถยิ้มจากหัวใจของเธอเอง
“เดินระวังนะคะ”
“เจ้าเด็กคนนี้นี่ ปู่ยังไม่ได้แก่ขนาดนั้นเสียหน่อย อีกอย่างนี่ก็บ้านปู่ ปู่ก็เดินของปู่อยู่ทุกวัน” เจ้าสัวกิตติเอ่ยอย่างเอ็นดู
“ก็ไอเป็นห่วงคุณปู่นี่คะ” อัยยภัทรยิ้มอย่างเอาใจ ชายชราตรงหน้านอกจากให้ชีวิตใหม่กับเธอแล้ว ยังให้ความรักความเอ็นดูกับเธอ เวลาอยู่กับเจ้าสัวกิตติเธอรู้สึกเหมือนอยู่กับญาติผู้ใหญ่จริงๆ ไม่ได้รู้สึกด้อยค่าว่าเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกรับมาเลี้ยง
“เป็นห่วงปู่ก็มาหาปู่บ่อยๆสิ”
“ไออยากกลับมาอยู่กับคุณปู่” อัยยภัทรเผลอพูดความในใจออกไป
“ทำไมล่ะ พี่ศึกเขาดูแลไออุ่นของปู่ไม่ดีหรือไง?” ชายชราเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย น้ำเสียง แววตาและสีหน้าของอัยยภัทรมันแฝงไปด้วยความเศร้าอย่างชัดเจน
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ พี่ศึกดูแลไอดีทุกอย่าง แต่ไอแค่กลัวคุณปู่เหงาเท่านั้นเอง” อัยยภัทรแสร้งทำสีหน้าสดใส เพราะไม่อยากให้เจ้าสัวกิตติไม่สบายใจ
“ประจบประแจงเก่งแบบนี้นี่เองคุณพ่อถึงได้หลงนักหลงหนา” เสียงคุณหญิงชลลดาดังขึ้นด้านหลังเจ้าสัวกิตติ
“สวัสดีค่ะคุณป้า” อัยยภัทรบกมือไหว้หญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามาใหม่ ชลลดาจำยกมือรับไหว้อย่างเสียไม่ได้ หากเธอสามารถขัดใจพ่อของสามีเธอได้ ลูกชายเธอคงไม่ต้องแต่งงานกับคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ คุณพ่อสบายดีนะคะ” ชลลดาเลิกให้ความสนใจกับอัยยภัทรแล้วหันไปทักทายประมุขของบ้านแทน
“มานี่ฉันประคองคุณพ่อไปนั่งเอง ส่วนเธอไปหาน้ำหาท่ามารับแขกสิ ยืนบื้อทำไม” ชลลดาเดินเข้าแทรกระหว่างกลาง อัยยภัทรจำเป็นต้องปล่อยแขนของเจ้าสัวกิตติอย่างเสียไม่ได้
“ไม่ต้องหรอกไออุ่น อยู่กับปู่นี่แหละ เด็กรับใช้ในบ้านมีเยอะแยะไป เธอก็เรียกใช้สักคนสิแม่ชลลดา” เจ้าสัวกิตติเอ่ยเสียงเรียบ
“เด็กรับใช้ในบ้านต่างอะไรจากเด็กนี่ล่ะคะคุณพ่อ” ชลลดาเถียงเจ้าสัวกิตติเสียงแหว
“ชลลดา!! ไออุ่นเป็นหลานฉัน ไม่ใช่เด็กในบ้าน!!” เจ้าสัวกิตติพูดเสียงแข็ง เขารู้ว่าลูกสะใภ้ของเขาไม่ชอบอัยยภัทรมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งชนะศึกต้องมาแต่งงานกับอัยยภัทรคงยิ่งเพิ่มความเกลียดชังในตัวหญิงสาวให้กับลูกสะใภ้เขาเป็นอย่างมาก ชลลดาไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าสัวกิตติทำได้เพียงแค่ข่มความโกรธไว้เท่านั้น
“ดาขอโทษค่ะคุณพ่อ “ ชลลดาจำยอมข่มความเกลียดชังไว้ในใจก่อนจะเอ่ยขอโทษพ่อสามี
“แล้วสงครามล่ะไม่มาด้วยหรือไง?” เมื่อเห็นแต่ลูกสะใภ้แต่ไม่เห็นลูกชายก็อดถามถึงไม่ได้
“มาค่ะ พอดีคุณสงครามเจอชนะศึกหน้าบ้าน เลยแวะคุยกัน สักพักคงตามเข้ามาค่ะ” ชลลดาอธิบาย
“งั้นก็ดี วันนี้อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนได้ไหม?”
“ได้สิคะ ดากับคุณสงครามตั้งใจจะมากินข้าวเย็นกับคุณพ่ออยู่แล้ว” ชลลดายิ้มอย่างประจบประแจง ชายชราทำได้เพียงพยักหน้ารับคำ
“แล้วไออุ่นล่ะลูก หนูอยู่กินข้าวเย็นกับปู่ก่อนค่อยกลับได้ไหม?” น้ำเสียงอ่อนโยนที่เจ้าสัวกิตติใช้กับอัยยภัทรยิ่งเพิ่มความริษยาในใจของชลลดามากยิ่งขึ้น
“ไออยากทานข้าวเย็นกับคุณปู่นะคะ แต่ไอต้องถามพี่ศึกก่อนว่าเย็นนี้พี่ศึกมีธุระที่ไหนหรือเปล่า” อัยยภัทรแบ่งรับแบ่งสู้
“งั้นเธอคงไม่ได้กินข้าวกับคุณพ่อแล้วล่ะ เพราะเย็นนี้ตาศึกต้องไปรับหนูวิกกี้ไปทานข้าว” ชลลดาตอบแทน
“วิกกี้ไหน? ทำไมเจ้าศึกต้องไปรับไปกินข้าว” ชายชราถามอย่างอดสงสัยไม่ได้
“อุ๊ย!! ดาคงลืมบอกคุณพ่อไปค่ะ ว่าตอนนี้ตาศึกกำลังคบหาดูใจกับวิกกี้ วิกานดา ลูกสาวคนสวยของคุณหญิงแพรวพราวเพื่อนของดาเอง หนูวิกกี้นี่ทั้งสวย รวย ฉลาด เหม๊าะเหมาะ เหมาะสมกับตาศึกมากค่ะคุณพ่อ” ชลลดาอวดสรรพคุณของวิกานดาเป็นฉากๆ
“เธอเอาสมองส่วนไหนคิดชลลดา ลูกชายเธอแต่งงานแล้วจะให้ไปคบหาดูใจกับผู้หญิงอื่นได้ยังไง!!” ชายชราถามเสียงเครียด ก่อนจะหันไปมองอัยยภัทรที่ก้มหน้ามองมือตัวเองที่ประสานกันอยู่บนตัก
“แต่งแล้วก็เลิกได้ค่ะ ดาไม่ยอมรับลูกสะใภ้ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าหรอกค่ะ” ชลลดามองอัยยภัทรด้วยสายตาเหยียดหยาม
“เธอนี่มันเกินคนจริงๆนะ” ชายชราส่ายหัวอย่างหนักใจ ชลลดาเป็นคนน่ารัก แต่ไม่รู้ผีห่าซาตานตนไหนทำให้เธอเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ หรือเพราะสังคมเปลี่ยน นิสัยเลยเปลี่ยนตามไปด้วย จากผู้หญิงที่มีความเมตตา จิตใจดี กลับกลายเป็นผู้หญิงเจ้ายศเจ้าอย่างเสียได้
“คุณพ่อจะมาว่าดาแบบนี้ไม่ได้นะคะ ดาเป็นแม่ดาแค่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของดา” ชลลดาเถียง
“แล้วไออุ่นไม่ดีตรงไหน? “
“แต่แม่นี่เป็นเด็กกำพร้าลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้”
“เธอคงจะลืมไปว่าตอนเธอมา เธอก็ไม่ได้ลอยมา เธอก็เป็นแค่พนักงานคนนึงในบริษัท แต่ฉันก็ให้โอกาสเธอได้แต่งงานกับลูกชายคนเดียวของฉัน เพราะฉันคิดว่าเธอเป็นคนดี และลูกชายฉันก็รักเธอ “
“แต่ตาศึกไม่ได้รักแม่นี่เหมือนที่คุณสงครามรักดานะคะคุณพ่อ!!” คำพูดของชลลดาเหมือนเข็มทิ่มแทงเข้าสู่ขั้วหัวใจของอัยภัทรนับร้อยเล่ม
“เธอรู้ได้ยังไงว่าตาศึกไม่ได้ไออุ่น เธอรู้หัวใจตาศึกได้ยังไง!!”
“ชนะศึกเป็นลูกดา ดาย่อมรู้ใจลูกตัวเองดีที่สุด!!”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณปู่ ถ้าวันนี้ไอกินข้าวกับคุณปู่ไม่ได้ เดี๋ยววันหลังไอขออนุญาตพี่ศึกมากินข้าวกับคุณปู่ทีหลังก็ได้ค่ะ อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ” อัยยภัทรรีบแทรกก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายเพราะเธอเป็นสาเหตุ
“ไม่ต้องวันหลังหรอก วันนี้ล่ะ ถ้าเจ้าศึกไม่อยู่กินข้าวกับปู่ก็ช่างหัวมันไป แต่ไออุ่นต้องอยู่ ส่วนเธอแม่ดา พาลูกพาผัวเธอไปกินข้าวกับแม่วิกกี้อะไรนั่นเถอะ ฉันจะกินข้าวกับไออุ่นสองคน” ชายชราพูดเสียงเขียว
“คุยอะไรกันครับ ท่าทางเครียดจัง” สงครามที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมชนะศึกเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นบรรยากาศในห้องตึงเครียดผิดปกติ
“แกมาก็ดีแล้ว พาลูกพาเมียแกกลับบ้านไป พ่ออยากพัก” ชายชราออกปากไล่ทันที เรียกสีหน้างงงวยของสองผู้มาใหม่ได้เป็นอย่างดี
“อ้าวว..” สงครามร้องเสียงหลง
“ไปๆพากันกลับไปได้แล้ว ส่วนแกตาศึกวันนี้ปู่จะให้ไออุ่นนอนที่นะ แกมีธุระอะไรต้องไปจัดการก็ไปเถอะ ปู่คงต้องคิดเรื่องแกกับไออุ่นใหม่อีกครั้ง พากันกลับไปได้แล้ว” ชายชราออกปากไล่ซ้ำ
“คุณปู่ครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน” ชนะศึกที่งงอยู่แล้วยิ่งมึนงงเข้าไปอีก
“ไออุ่นพาปู่ขึ้นไปพักที” ชายชราบอกหญิงสาว ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินออกจากห้องไป
