บทที่ 8 วางเพลิง
ตอนที่๘
วางเพลิง
"นี่มันเรื่องอะไรครับคุณแม่" ชนะศึกถามขึ้นทันทีที่ชายชรากับอัยยภัทรก้าวพ้นประตูห้องไป
"ก็ปู่แกล่ะสิ แหมมม แตะต้องแม่ไออุ่นไม่ได้เลยนะ ออกโรงปกป้องออกหน้าออกตา" ชลลดาอดไม่ได้ที่จะเบะปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ในตัวหญิงสาว
"ทำไมคุณขยันหาเรื่องให้ผมปวดหัวจังชลลดา คุณก็รู้ว่าคุณพ่อท่านเอ็นดูไออุ่นมากแค่ไหน" สงครามส่ายหัวอย่างระอาในพฤติกรรมของชลลดา เขารู้สึกว่าชลลดาเปลี่ยนไปตั้งแต่เริ่มคบค้าสมาคมกับกลุ่มของคุณหญิงแพรวพราว ชลลดาชอบหายออกจากบ้าน ใช้เงินฟุ้งเฟ้อเป็นกระดาษ หาที่มาที่ไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะชลลดายังใช้เงินในส่วนที่เป็นของตนเอง ไม่ได้มาวุ่นวายหรือขอเพิ่มแต่อย่างใด
"นี่คุณสงครามอย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ" ชลลดาเสียงเขียวใส่สงคราม ทันทีที่สงครามพูดจบ
"แล้วเรื่องมันเป็นยังไง ทำไมคุณปู่ดูโกรธขนาดนั้นครับ" ถ้าเรื่องแค่นี้ปู่เขาน่าจะชินแล้ว เพราะตั้งแต่เขาแต่งงานกับอัยยภัทรมา แม่ของเขาก็คอยตามเหยียดหยามอัยยภัทรตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
"แม่แค่บอกปู่แกว่า แกกำลังคบหากับหนูวิกกี้ ให้แม่ไออุ่นเตรียมใจได้เลย"
"แม่บอกปู่กับไอเรื่องผมกับวิกกี้หรอครับ?" งานเข้าจังเบอเร่อ มิน่าล่ะปู่ถึงบอกว่าจะคิดเรื่องแต่งงานระหว่างเขากับอัยภัทรใหม่
"ใช่นะสิ แม่แค่อยากให้แม่นั่นเตรียมใจที่จะโดนแกเขี่ยทิ้ง จะได้ไม่ต้องเสียใจคิดเข้าข้างตัวเองว่าที่แกแต่งงานด้วยเพราะแกรัก ทั้งๆที่จริงๆ แกแค่ขัดคำสั่งปู่แกไม่ได้" ชลลดาพูดอย่างไม่สนใจสีหน้าของชนะศึกสักนิด
"แม่!!!" ชนะศึกโวยวายเสียงดังลั่น
"ตาศึก แกก็อีกคนจะโวยวายทำไม" ชลลดาเสียงเขียว
"วันนี้ผมคงไม่ได้ไปกินข้าวกับวิกกี้แล้วนะ แม่เป็นคนชวนแม่ก็ไปกินเองล่ะกัน" ชนะศึกเอ่ยก่อนจะรีบสาวเท้าเดินไปหาปู่ของเขา
"ได้ยังไงกัน ตาศึก ตาศึก ตาศึกกลับมาคุยกับแม่ให้รู้เรื่องก่อน!!" ชลลดาตะโกนตามหลังชายหนุ่ม
"คุณสงคราม คุณดูลูกคุณสิ!!" เมื่อลูกชายไม่ได้ดั่งใจชลลดาก็หันมาโวยวายกับสามี
"ผมว่าก็จริงอย่างที่ตาศึกพูดนะ คุณเป็นคนชวนคุณก็ไปเองสิ "สงครามพูดก่อนจะเดินหันหลังหนีชลดาไปอีกคน
"นี่คุณสงคราม จะมาพูดกับฉันแบบนี้ไม่ได้ ชลลดารีบสาวเท้าตามสามีไปติดๆ ไม่มีใครได้ดั่งใจเธอสักคนทั้งลูกทั้งผัว
ก๊อกๆๆ
"พี่ศึก" อัยยภัทรรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นหน้าชนะศึก ทั้งๆที่เขาควรต้องกลับไปพร้อมกับพ่อแม่ของเขาแล้ว ทำไมเขาถึงยังอยู่ที่นี่
"ทำอะไรกันอยู่?" ชนะศึกไม่ได้สนใจสีหน้าแปลกใจของหญิงสาวตรงหน้าแต่กลับยิงคำถามใส่แทน
"ไอกำลังอ่านหนังสือให้คุณปู่ฟังค่ะ "
"งั้นหรอกหรอ?" ชายหนุ่มแทรกตัวเข้าไปในห้อง
"ว่าไงไอ้เสือ ไม่ใช่สิเดี๋ยวก็เป็นหมาแล้ว" เจ้าสัวกิตติสัพยอกผู้มาใหม่ได้อย่างแสบสันนัก
"สวัสดีครับคุณปู่ เสือก็ย่อมเป็นเสือไม่มีทางเป็นหมาหรอกครับ" ชายหนุ่มยอกย้อนชายชรา
"ปู่จะรอดู ว่าแต่แกมีอะไร" ชาบชราอดที่จะถามไม่ได้ แม้ว่าจะพอเดาคำตอบของหลานชายตรงหน้าได้อยู่แล้วก็ตาม
"ผมจะมาขอกินข้าวกับคุณปู่ด้วยสักมื้อจะได้ไหมครับ" ชนะศึกตอบคำถาม
"แล้วไม่ต้องไปกินกับแม่ลูกสาวเพื่อนแม่แกแล้วหรือไง?" ว่าจะไม่แล้วนะแต่เมื่อเห็นท่าทางของหลานชายก็อดไม่ได้ที่จะวางเพลิงสักหน่อย
"คุณปู่จะพูดทำไมล่ะครับ" ชนะศึกเหลือบมองหน้าอัยยภัทรที่นั่งเก้าอี้ข้าวเตียงก้มหน้ามองหนังสือในมือ
"ก็เห็นแม่แกโพนทะนาเจื้อยแจ้วว่าแกกำลังคบหากับแม่วิกกี้อะไรนั่นอยู่" ชายชรายังคงวางเพลิงเรื่อยๆ
"ผมแต่งงานแล้วนะครับคุณปู่ จะไปคบผู้หญิงอื่นได้ยังไง" ชนะศึกพูดเสียงเรียบ เหมือนไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับคำพูดของชายชราตรงหน้าเลยสักนิด ทั้งๆที่ในใจเริ่มร้อนรุ่มกลัวอัยยภัทรเข้าใจเขาผิดจะแย่
"ไม่ได้คบ แต่ไปมาหาสู่สินะ" ชายชรายังคงไม่เลิกวางเพลิงชายหนุ่ม และยิ่งหนักข้อเข้าไปเรื่อยๆ
"คุณปู่กำลังเผาบ้านผมอยู่นะครับ" ในที่สุดชนะศึกก็หมดความอดทน จำต้องยอมเปิดปากหยุดปู่ของเขาให้เลิกวางเพลิงเผาบ้านเขาเสียที
"ปู่เปล่านะ ถึงปู่จะอยากเห็นเสือเป็นหมาก็ตาม ตาศึกฟังปู่นะ ที่ปู่ให้แกแต่งงานกับไออุ่นเพราะปู่ไว้ใจแก เชื่อว่าแกจะดูแลไออุ่นแทนปู่ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่แกทำให้ไออุ่นเจ็บตัวแล้วก็เสียใจ ปู่ขอไออุ่นคืนนะ เข้าใจใช่ไหม?" น้ำเสียงแฝงความสนุกสนานในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังจนคนที่นั่งอยู่ในห้องสัมผัสได้
"ครับปู่ "ชายหนุ่มเข้าใจทุกอย่างที่ชายชราตั้งใจจะสื่อกับเขา ถึงเขาจะไม่เคยเข้าใจเลยสักครั้งว่าทำไมปู่ของเขาถึงรักและเอ็นดูในตัวของอัยยภัทรมากขนาดนี้ก็ตาม
"ไออุ่น ปู่อยากกินชาจังเลยลูก" ชายชราหันมาบอกกับหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆตัว
"เดี๋ยวไอไปชงชาให้นะคะ พี่ศึกรับเครื่องดื่มอะไรไหมคะ ไอจะได้ทำขึ้นมาให้ทีเดียว"อัยยภัทรหันไปถามร่างสูง
"กาแฟก็ได้" เขาตอบทันที เขากลัวเหลือเกินว่าอัยยภัทรจะเคืองเขาเรื่องวิกานดา ลำพัง เขาก็ยังพอแก้ต่างได้บ้าง แต่นี่ปู่ของเขากลับผสมโรงเผาบ้านเขาด้วยนี่สิ มันทำให้เขาดูแย่ในสายตาอัยยภัทร
"ได้ค่ะ"
อัยยภัทรเข้าใจในทันทีว่าชายต่างวัยสองคนคงมีเรื่องส่วนตัวที่อยากจะคุยกัน เธอจึงไม่รีรอที่จะรับคำและรีบเดินออกจากห้องไปทันที
