บทที่5 ลัดดาใช่ไหม
ลิลลดาหิ้วถุงน้ำแข็ง มืออีกข้างถือถุงแป๊บซี่เดินตรงไปที่บ้านเช่า วันนี้เป็นวันที่ได้กินของชอบอีกวัน แป๊บซี่ใส่น้ำแข็งเย็น ๆ เป็นสิ่งที่เธอชอบมาก
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นภายในบ้าน ด้านนอกก็มีไทยมุงยืนอยู่เต็ม เด็กน้อยรีบวางถุงน้ำแข็ง แล้ววิ่งเข้าไปด้านใน
“มะ…แม่” เด็กหญิงทำหน้าตกใจ มองมารดาที่นอนอยู่ที่พื้นในสภาพเปลือยเปล่า โดยมีน้ามะลิคร่อมอยู่บนร่างรัวฝ่ามือไม่ยั้ง
ต่อให้ท่านพยายามตะเกียกตะกายดิ้นรน แต่ก็ไม่สามารถจะลุกขึ้นได้ เพราะน้าสาวนั่งทับแล้วตบรัว ๆ
ส่วนน้าเขยหัวแตกคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนร่างเอาไว้หลวม ๆ ตอนมาน้ามะลิก็ยังดี ๆ แม่กับน้าเขยก่อเรื่องอะไร ถึงได้มีเหตุทะเลาะตบตี
“อีร่าน!” มะลิแผดเสียงร้อง กำหน่ำทุบตีพี่สาวอย่างไร้ความอดทน หล่อนเกลียดนักคนที่ชอบเป็นมือที่สาม พี่สาวตัวดีไม่เคยสนผิดชอบชั่วดี เอาแต่ความสุขใส่กายจนลืมความทุกข์ของคนอื่น ไอ้ผัวก็ชั่วเกินทน ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน ผีเน่ากับโลงผุ
“กรี๊ด! อีน้องเวร! มึงจะมาทุบตีกูทำไม?” ลัดดายกมือป้องหน้าพัลวัน แต่ก็ไม่วายที่มือเรียวเล็กของน้องสาวจะเล็ดลอดกระทบใบหน้าของหล่อนรัว ๆ
“สันดานมึงมันไม่เคยเปลี่ยนได้เลย มึงเคยเป็นอย่างไร สันดานก็ยังเลวเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลย” ผู้เป็นน้องสาวแผดเสียงดังลั่น มือฟาดไม่ยั้ง
“กูจะเปลี่ยนทำไมในเมื่อสันดานของกูมันก็ดีอยู่แล้ว มึงต่างหากที่สันดานเลว อีน้องเวร หยุดตีกูสักที!”
“ปากดีนักนะมึง” มะลิหยิบโคมไฟตั้งโต๊ะฟาดเข้าที่ศีรษะของพี่สาวแรง ๆ
ผัวะ! ผัวะ!
“โอ๊ย!”
“กรี๊ดดด!” ลิลลดากรีดร้องดังลั่นเมื่อเห็นเลือดสีแดงสดหลั่งไหลออกมาจากศีรษะของมารดา “น้ามะลิอย่าตีแม่ลิน ฮึก ลินไหว้นะคะ อย่าทำแม่ลิน” เด็กหญิงเข้าไปกอดร่างของแม่เอาไว้ก่อนจะยกมือไหว้อ้อนวอน มะลิชะงักมองหลานสาว ก่อนจะลุกขึ้นแล้วลากร่างของลัดดาออกไปนอกบ้าน แล้วเหวี่ยงลงพื้น
“อีมะลิ อีเหี้ย! มึงทำกับกูแบบนี้ได้ยังไง?”
ลัดดาใช้มือกุมหัวตัวเอง ด่าทอน้องสาวอยู่หน้าบ้าน ลิลลดารีบวิ่งเข้าไปในบ้าน เอาผ้ามาคลุมปกปิดร่างเปลือยของแม่เอาเอาไว้
“ออกไปให้พ้นหน้ากู ก่อนที่กูจะฆ่ามึงให้ตาย! ถ้าไม่เห็นแก่ลูกของมึงนะ กูฆ่ามึงให้ตายด้วยน้ำมือของกูแล้ว อีพี่เวร! สันดานของมึงไม่เคยเปลี่ยนเลย ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี มึงก็ยังทำตัวร่านเหมือนเดิม”
“อีเหี้ยเอ้ย!” ลัดดาสบถออกมาอย่างโมโห มะลิหันไปจัดการสามีต่อ ไม่รีรอให้มีโอกาสได้แก้ตัว ไล่ตะเพิดจนคงเดชหนีเเทบไม่ทัน
มะลิเป็นคนพูดจริงทำจริง ในเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้แล้ว หล่อนก็จะไม่เอาทั้งผัวและพี่สาวมาอยู่ร่วมบ้าน แต่จะใช้ชีวิตคนเดียวโดยปราศจากคนทั้งสอง ไม่ต้องมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจ หรือเรื่องที่ทำให้ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว
“จะอยู่หรือไปก็แล้วแต่ใจหนูนะลิน ถ้าหนูอยู่กับน้า หนูต้องตัดขาดแม่ แต่ถ้าหนูอยู่กับแม่ น้าจะตัดขาดหนู” มะลิพูดแล้วเดินเข้าบ้าน ลิลลดาเม้มปากเบา ๆ มองตามน้าสาวที่เดินเข้าไป
ที่ผ่านมาน้ามะลิดีกับหล่อนมาก ให้ที่อยู่ที่กิน ถึงหล่อนจะไปช่วยงานน้ามะลิ แต่น้ามะลิก็ไม่เคยให้อดอยาก หนำซ้ำยังซื้อก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยให้ทานทุกวัน
แม้ใจจะอยากอยู่ ก็ไม่อาจจะเลือกที่จะอยู่กับน้าได้ ในเมื่อน้าไม่เอาแม่เธอแล้ว คนเป็นลูกอย่างเธอก็ต้องระหกระเหินเร่ร่อนติดตามไปเหมือนเคย แม่อยู่ไหนเธอก็ต้องอยู่นั่น จะให้ทิ้งมารดาไป หล่อนก็คงไม่อาจจะทำได้
ลิลลดาตัดสินใจไปเรียกรถสามล้อเพื่อพาแม่ไปโรงพยาบาล เงินที่เธอเก็บไว้ก็จ่ายเป็นค่ารถ ส่วนที่เหลืออีกนิดหน่อยก็จะเอาไว้จ่ายค่ารักษาแม่
ครั้งนี้ชีวิตอับจนหนทาง มองไปทางไหนก็มืดมน ชีวิตนับจากนี้คงไม่มีวันได้กินอิ่มนอนหลับ เหมือนที่หล่อนอยู่กับน้ามะลิอีกแล้ว ก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยที่เธออยากจะกินในทุกๆวัน หลังจากนี้คงจะไม่ได้กินบ่อย ๆ เหมือนที่น้าเคยซื้อให้กินอีกแล้ว
****
“อีเหี้ยมะลิ คอยดูเถอะมึง กูเล่นมึงแน่” ลัดดาสบถเดินกุมหัวตัวเองออกมาจากห้องฉุกเฉิน คิดไปแล้วก็แสนแค้นเคือง โดนน้องสาวตัวดีเอาโคมไฟตั้งโต๊ะตีหัว หัวแตกเป็นแผลยาวโดนเย็บเกือบยี่สิบเข็ม เจ็บก็เจ็บอายก็อาย ชุดที่ใส่ก็ขี้เหร่เหลือทน ไม่รู้ว่าลูกไปหามาจากไหนให้ใส่
“ก็แค่ผัวจะหวงอะไรนักหนา สมบัติผลัดกันชม ใช่ว่ากูจะเอามาครองคนเดียวซะที่ไหน? อีน้องชั่วไม่ยอมเปิดใจเหี้ยอะไรเลย นี่มันสมัยไหนกันแล้วโว้ย”
“…” ลิลลดาได้แต่ฟังแม่พูดอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรออกมา เธอกำลังคิดหาหนทาง ว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี
หลังจากนี้เธอกับแม่จะใช้ชีวิตต่ออย่างไร เธอคิดหาทางออกไม่เจอเลย บ้านที่เคยพักอาศัยน้าอยู่ บัดนี้ก็ไม่สามารถกลับไปพักอาศัยได้อีกแล้ว เงินที่เคยมี ตอนนี้ก็หมดไปกับค่ารถและค่ารักษาพยาบาล
“กูหิวแล้ว!”
“เงินหมดแล้วค่ะแม่”
“นี่มึงกำลังโทษกูใช่ไหม?”
“เปล่านะคะ ลินยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
“แต่สายตามึงมันฟ้อง!” ลิลลดาไม่อยากจะต่อปากต่อคำ ถ้าเกิดแม่ไม่พอใจ คนที่จะเจ็บตัวเห็นทีจะเป็นเธอ
ลิลลดานั่งมองพระจันทร์ดวงโตแล้วถอนหายใจออกมา วันนี้เธอกับแม่มาอาศัยนอนที่ป้ารถเมล์ ซึ่งไม่ไกลจากวัดมากนัก ถ้าเกิดว่าอับจนหนทางถึงที่สุด หล่อนก็คงต้องไปขออาศัยข้าวก้นบาตรมาประทังความหิว และจะไปขออาศัยศาลาวัดอยู่
เด็กหญิงเคยอ่านเจอว่า ถ้าขอพรจากพระจันทร์ สิ่งที่ขออาจจะสมหวัง หล่อนจึงตั้งใจแล้วขอพร ขอให้ชีวิตมันดีขึ้น ขอให้ท้องน้อย ๆ ของเธอไม่ต้องหิวโหย มีของดี ๆ มีก๋วยเตี๋ยวกินทุกวัน มีบ้านให้แม่นอนหลับอย่างสบาย และที่สำคัญขอให้ได้เรียนหนังสือเหมือนเดิม
เช้าของอีกวัน
ลิลลดาไม่ได้นอนจนรุ่งสาง แม่ของเธอตัวร้อนด้วยพิษไข้เล่นงาน หนำซ้ำฝนก็ตกกระหน่ำลงมา ทำให้ลิลลดาต้องอยู่ดูแลทั้งคืน พอเพ้อด้วยพิษไข้หล่อนก็จะถูกด่าทอด้วยคำเดิมๆ คำที่ท่านเคยใช้หล่อนเป็นประจำ
“มีอะไรหรือเปล่าหนูน้อย” พระเอ่ยถามขณะที่เธอก้มลงกราบอย่างนอบน้อม
“ลินจะมาขอข้าวก้นบาตรพระไปให้แม่ทานค่ะ” เด็กหญิงรวบรวมความกล้าเอ่ยออกไป ถ้าไม่พูดก็อดตาย จะมามัวแต่เนียมอายไม่ได้
“ได้สิ เดี๋ยวอาตมาให้เด็กวัดไปจัดแจงให้”
“ค่ะ” ลิลลดาพยักหน้า เพียงไม่นานอาหารหลายอย่างกูกจัดใส่ถุง โดยฝีมือเด็กวัดนามว่าม่อนแจ่ม “ขอบคุณนะคะ”
“ครับ” ม่อนแจ่มพยักหน้า ลิลลดารีบกราบลาแล้ววิ่งตรงไปที่ป้ายรถเมล์ จัดการหาอาหารให้มารดาทานด้วยมือสั่นเทา มารดาของเธอเริ่มดีขึ้นแล้ว มันทำให้รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
“รสชาติจืดชืด”
“แต่มันก็ทำให้เราไม่หิวนะแม่” ว่าแล้วหล่อนก็ตักต้มจืดใส่ปาก ดีที่พี่เด็กวัดคนนั้นให้ถ้วยกับช้อนมาด้วย ทำให้เธอกับแม่ไม่ลำบากในการทานอาหาร
“อาหารแบบนี้ใครจะแดกลง มึงจะแดกก็แดกไป กูไม่แดก” ว่าแล้วดันถ้วยต้มจืดออกห่างตัว ลิลลดามองสิ่งที่มารดาทำ ก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ๆ
“ลัดดาใช่ไหม? ใช่ลัดดาหรือเปล่า?”
