7
“กินยามาผิดซองหรือไงวันนี้” เสียงทุ้มดังขึ้นมาทางด้านหลัง ในขณะที่มาระดากำลังกดเติมเครื่องดื่มแบบบุฟเฟต์ อย่างตั้งอกตั้งใจ
ก่อนหันไปมองยังต้นเสียง ที่เดินถือแก้วมาสองแก้ว โดยสายตากลมโตได้ตวัดมองเข้าพอดี ก่อนทำปากยื่นออกมาเล็กน้อย
“ทำไมเหรอคะ มายด์มีอะไรผิดปกติเหรอคะ?”
“หรือว่านมใหญ่ขึ้น” ไม่ได้พูดเปล่า เอามือไปจับเต้าของตัวเองจากภายนอกเสื้อไปด้วย จนกฤชอยากจะหาไม้เรียวไปฟาด
“มายด์” ว่าเสียงเข้มเชิงกระซิบ พร้อมหันไปมองยังโต๊ะอาหาร เพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยินด้วย
แต่พอเห็นว่าไม่ได้มีใครสนใจ เขาก็สบายใจหน่อย
“ไม่มีใครมาได้ยินหรอกค่ะ มัวแต่สนใจนินทาชาวบ้านอย่างออกรสกันขนาดนั้น แบ่งหูมาฟังทางนี้ไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ”
ว่าอย่างสบายๆ พร้อมหันไปกดน้ำดื่มแก้วที่สองต่อ
มาระดาเป็นคนชอบดื่มนมชมพูมาก ยิ่งมีการทำแบบหวานพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป ยิ่งทำให้เธออยากจะดื่มเยอะๆ จนหนำใจ
ให้สมกับที่ไม่ได้ดื่มแบบนี้มาสักพักใหญ่ๆ
“ยังชอบดื่มนมชมพูอยู่เหรอ” เขาว่าด้วยน้ำเสียงอ่อน ภาพเธอตอนกระดกนมชมพูอย่างมีความสุข เมื่อหลายปีก่อนย้อนเข้ามา
คำถามของเขาทำเอาคนที่กำลังกระดกนมชมพูอยู่นั้นถึงกับต้องตวัดสายตาค้อนให้
“ไม่มีอะไรบนโลกนี้ ที่คนอย่างมายด์ชอบแล้ว จะเลิกชอบได้หรอกค่ะ ชอบแล้วคือชอบเลย”
เธออธิบายความจริงจากใจ แบบไม่ได้แอบสื่อความหมายใดๆ ถึงเขา
มีแต่เขานั่นแหละ ที่ผุดรอยยิ้มมุมปาก ฉายแววความดีใจในแววตาแบบที่ไม่รู้ตัว
“ทำไมไม่ใช้หลอด” ว่าพร้อมยื่นผ้าเช็ดหน้าที่ชอบพกพาอยู่เสมอส่งให้ เพราะเห็นว่าการกระดกของเธอนั้น ทำให้เลอะถึงขอบริมฝีปาก
“ก็ชอบกินน้ำแข็งเกร็ดด้วยนี่คะ กระดกปุ๊บ เคี้ยวกรุบปั๊บ” แล้วก็เคี้ยวน้ำแข็งตุ้ยๆ โชว์เขาอย่างเพลิดเพลิน
ไม่ห่วงสวยหรือภาพพจน์ใดๆ เหมือนเด็กผู้หญิงผู้สดใสคนหนึ่ง ที่ทำให้เขาเอ็นดูได้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
ตอนนั้น เขากับเพื่อนรักอย่าง มณฑล สินสังเวช นัดสังสรรค์กันเพราะรายนั้นเข้ามาทำธุระในเมืองกรุง
โดยได้ติดสอยห้อยน้องสาวผู้น่ารักตามมาด้วย เพราะสองพี่น้องค่อนข้างสนิทกัน
ตั้งแต่ที่บิดามารดาเสียชีวิตพร้อมกัน จากอุบัติเหตุฟ้าฝ่า ตั้งแต่ที่มาระดายังเล็ก
ความสู้ของมณฑลได้รับความนับถือจากกฤช รูปแบบการใช้ชีวิตหลายๆ อย่าง คนที่เกิดมาสุขสบายอย่างเขา ได้เรียนรู้จากเพื่อนผู้นี้
ตั้งแต่สมัยที่ได้เรียนร่วมรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะต่างคณะก็ตาม
โชคร้ายที่หนุ่มอนาคตไกลผู้มุ่งมั่นทำทุกอย่างเพื่อน้องสาวเพียงคนเดียวอย่างมณฑล
ต้องมาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย ทั้งที่ไม่ได้ดื่มสุราเป็นประจำหรือมีประวัติเป็นโรคไวรัสตับอักเสบมาก่อน
“พี่กฤชเช็ดให้หน่อยสิคะ มือน้องมายด์ไม่ว่างค่ะ” เธอรีบจับแก้วนมชมพูสองแก้วเอาไว้ กลิ่นความหอมมันที่ติดอยู่ปลายลิ้น
ทำให้เธอยิ้มแก้มปริ ประกายตากลมโตเฉิดฉาย
แล้วจะให้เขาปฏิเสธได้ยังไงลงล่ะ...
“มาเอาน้ำนานจังเลยกฤช! เรากระหายจะแย่แล้ว!” แต่แล้วเสียงที่ขัดขึ้นอันดัง ก็ทำให้มือที่ถือผ้าเช็ดหน้าของชายหนุ่มร่างสูง ต้องชะงักเอาไว้
หันไปมองยังต้นเสียง ที่กำลังวิ่งมุ่งหน้ามาถึงตัวเขาแล้ว
“โทษที เดี๋ยวเรารีบกดให้” แต่ก็หันมาเช็ดรอยเปื้อนของนมชมพูที่ขับริมฝีปากของคนที่ทำปากยื่นอยู่ให้ แบบออกแรงนิดหน่อยเชิงแกล้ง
เขารู้สิว่าเธอไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ
ส่วนตัวเขาเอง ก็ไม่อยากที่จะให้เธอเสียใจหรือว่าเสียหน้า
กฤชรู้...ว่าทั้งหมดที่พลอยไพลินทำไปนั้นเพื่ออะไร แต่ก็อยากจะรักษาน้ำใจเพื่อน พอๆ กับที่ต้องรักษาน้ำใจน้องสาวเพื่อน
เขารู้ว่าชีวิตของมาระดาไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเขา แม้จะเว้นระยะระหว่างตัวเองกับเธอแค่ไหน
แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจ รังเกียจหรือว่าหักหาญน้ำใจ
เขายังอยากจะเป็นคนที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็รู้สึกว่ามีเขาอยู่เสมอ นึกถึงได้เสมอ จะเคียงข้างเสมอ...
ไม่ว่าจะสถานะใดๆ ก็ตาม
ส่วนความรู้สึกพิเศษอื่นๆ จะปะปนมากับความตั้งใจนี้หรือไม่ เขาเองก็ไม่ทราบเลย
“ขอบคุณนะคะ” ไม่ได้พูดเปล่า แม่สาวน้อยกระทำการเขย่งปลายเท้า เอื้อมริมฝีปากบางๆ ของตัวเอง
ประทับลงบนปลายคางเขียวครึ้มแบบผิวเผิน แต่เหมือนกระโจนเข้าไปในดวงตาของผู้มาใหม่ พร้อมโหมกระพือเปลวไฟให้ลุกโชน
มือของพลอยไพลินกำเข้าหากันอัตโนมัติ เมื่อพบว่ามาระดาส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้ แบบพอให้รู้กัน แต่กฤชไม่ทันได้เห็น
“มายด์” แต่เตือนเสียงเข้มออกมาแทน จนเธอต้องหัวเราะกลบเกลื่อนคิกคัก
“ไปดีกว่า พี่พลอยลองชิมนมชมพูดูนะคะ วันนี้พี่ๆ เขาทำอร่อยมากกก” ทีท่าร่าเริงสดใส เหมือนไม่ได้ทำสายตาอย่างไรก่อนหน้า
ทำให้พลอยไพลินเห็นภาพตัวเองจิกหัวเด็กนั่นมาตบซ้ายตบขวา จนสาแก่ใจ
แต่ทำได้เพียงแค่กัดฟันเอาไว้และคลายมือที่กำแน่นออก