4
“แกนี่มันจริงๆ เลยนะ..แน่มาตลอด!” ทิชา วิบูลย์ชัยดาวคณะพาณิชยศาสตร์การบัญชีของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังอันดับหนึ่งของประเทศ
กล่าวชื่นชมเพื่อนรักเชิงจิกกัด...แถมยังส่ายหน้าให้อย่างระรัวด้วย
“แกคิดว่าพี่พลอยนี่...เขาจริงใจมั้ยวะ เขาดูทำดีกับฉันแปลกๆ ฉันไม่ไว้ใจเลยว่ะ” หลังจากที่มาระดาเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้เพื่อนสนิทที่สุดฟังไปแล้ว
ก็นั่งอ่านบทสนทนาใน Line เกี่ยวกับพลอยไพลิน สินธุสา ที่หมั่นทักมาหาเธอบ่อยครั้ง
“อันนี้ก็สุดแท้แต่จะเดาว่ะ เขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่กฤชของแกไม่ใช่เหรอ แต่ทำไม...ถึงชี้นำให้แกไปสถานที่พวกนั้นและยังส่งรูปที่พี่กฤชไปเดตกับสาวมาให้แกอีก”
นั่นคือสิ่งที่มาระดาเริ่มสงสัย ในความที่เหมือนจะจริงใจและเชียร์หล่อน ก็มีหลายอย่างที่รู้สึกได้ว่ามีอะไรแอบแฝง
“หรือพี่เขาแค่จะยืมมือฉันเพื่อกำจัดผู้หญิงพวกนั้นออกจากพี่กฤช” โลกใบนี้สอนอะไรมากมายให้กับเด็กสาว...จนเธอฉลาดพอที่จะวิเคราะห์มันออก
“ขณะเดียวกัน...ก็จะได้กำจัดแกไปพร้อมๆ กันด้วย” ดวงตากลมโตสีช็อกโกแลต...ที่เสริมด้วยคอนแท็คเลนส์ของทิชาฉายความมาดมั่น อย่างชาญฉลาดไม่แพ้
“นั่นสิ...เขาแนะวิธีที่จะเรียกร้องความสนใจจากพี่กฤชให้ด้วย แบบนี้ไม่น่าจะหวังดีละ”
“แล้วแกจะเอาไงต่อ ตบเลยมะ”
“นั่นไม่ใช่วิธีของคนฉลาด...” ปลายนิ้วชี้เรียวสวยใส่ไปมาเชิงเตือนสติเพื่อนรัก
กิตติศัพท์ความแสบของสองสาวเพื่อนซี้ดังกระฉ่อนไปทั้งมหาวิทยาลัย ทิชาเป็นดาวคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีผู้เพียบพร้อม
ที่เป็นถึงบุตรสาวของนักธุรกิจใหญ่
ส่วนมาระดา...แม้จะเป็นเพียงแค่เด็กในความดูแลของกฤช แต่คนที่มีชื่อเสียงในแวดวงนักธุรกิจและธนทรัพย์สมบูรณ์เป็นหนึ่งในตระกูลดังของสังคมไฮโซ
มีหรือที่ใครจะไม่รู้จักหล่อน...
นอกเหนือไปจากนั้น ก็ไม่ค่อยจะมีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย
“แล้วแกจะเอายังไง”
“ฉันอยากรู้ว่าพี่เขาต้องการอะไรและจะทำอะไรกันแน่” คนฉลาดพอๆ กันแต่เล่ห์เหลี่ยมกลโกงอาจจะน้อยกว่า ย่นคิ้วเชิงครุ่น
“แกแล้วจะทำยังไงถึงจะรู้”
“ฉันจะตามน้ำไปก่อน” เพื่อนสาวรีบพยักหน้า
“งานนี้ท่าจะสนุกว่ะ...” ทิชาว่าอย่างตื่นเต้น เพราะชีวิตปกติของเธอนั้นแสนจะน่าเบื่อ เลิกเรียนกลับบ้านวนไป อยู่อย่างสุขสบายไม่มีอะไรขาดเหลือ
ไม่มีใครกล้าหือหรือยุ่งเกี่ยว มันเหมือนจะดี...แต่สำหรับเธอ มันน่าเบื่อมากจริงๆ!
“แต่แกช่วยอะไรฉันอย่างสิ”
“ว่ามา” แล้วรอยยิ้มเชิงเจ้าเล่ห์เพทุบายก็ปรากฏขึ้นในหน้าของเด็กสาวสิบแปดปีมาหมาดๆ
เล่นกับใครไม่เล่น...คิดจะมาเล่นกับคนอย่างเรา รู้จักเราน้อยไปซะละ!
บรรยากาศอึมครึมในห้องประชุมขนาดใหญ่ ทำให้ไม่มีใครกล้าปริปาก หายใจยังแทบจะกลั้น...
คนนั่งหัวโต๊ะขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อย สูทสีเทาเข้มโอบล้อมตัวเขาเอาไว้ บ่งบอกว่าอย่างไรชายผู้นี้ก็จะใจเย็นเป็นที่สุด
แววตาเรียบเฉยนั่นก็ด้วย แม้ในคราปกติมันจะดูอบอุ่น...น่าไว้วางใจ แต่เวลานี้กลับไม่ใช่
มันเหมือนมีบางสิ่งที่พร้อมจะทะลุและพวยพุ่งออกมา
นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้น!
“คือว่า...ทางเราขอโอกาสนำไปปรับปรุงอีกครั้งนะครับ” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกเกรงใจ และไม่กล้าสบตาท่านรองประธาน
“แล้วที่เสียหายไปบางส่วนล่ะ”
“ทางเราจะรีบหาวิธีรับผิดชอบครับ”
“ผมอยากจะทราบเดี๋ยวนี้” สวนขึ้นทันควันในลักษณะเหมือน พูดแทรก เสียมากกว่า แถมยังติดไปทางเข้ม
นั่นทำให้ผู้คนทั้งห้องประชุมหลุบตามองเอกสารบนโต๊ะแทบจะพร้อมเพรียงกัน
“หากพวกคุณไม่มีวิธีที่จะแก้ไข ทำไมไม่แจ้งเข้ามาทันทีที่เกิดเรื่อง ทำไมปล่อยให้ถึงกับเสียลูกค้า...”
กฤชยังคงพูดเรียบเรื่อยเชิงอธิบาย แต่แววตาก็ยังคงแน่นหนัก
ไม่ได้สะท้อนความรู้สึกใดนอกจากตำหนิ...แน่ละความรู้สึกนี้มันก็ไม่ได้มากมาย มันเล็กน้อยแต่ทรงอิทธิพลเหลือแสน
แววตาสีไม้โอ๊คล้อมกรอบไปด้วยขนตางอนเป็นแพยาวตามธรรมชาติ มันช่วยลดทอนความดุกร้าวในคราที่เขาเจือความไม่พอใจเอาไว้ในนัยน์ตาคู่นั้น
สันจมูกโด่งคมพุ่งทะยานรับกึ่งกลาง...สะท้อนเงาความขบคิดเหนือหัวคิ้ว เสริมให้เขาดูทรงพลังและน่าเกรงขามจนไม่มีผู้ใดกล้าจ้องมองเขาตรงๆ ในเวลานี้
Mind: พี่กฤชคะ ทานข้าวยังเอ่ย...
Mind: ส่งรูปแล้ว
แรงสะเทือนเป็นจังหวะเล็กน้อยในกระเป๋าเสื้อสูทตัวใน ทำเอาคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เคร่งขรึม คลายตัวเองลง
เหลือบมองนาฬิกาแขวนบนผนังอีกฝั่งก็ได้เวลาเที่ยงกว่าๆ
เหมือนรู้อยู่แก่ใจว่าใครส่งอะไรมา
ปกติกฤชจะไม่พกโทรศัพท์ที่ใช้คุยงานเอาไว้กับตัว เขาจะให้ผู้ช่วยของเขาเป็นคนพกไว้และส่งมอบให้เวลาที่เขากลับบ้านเพียงเท่านั้น
และโทรศัพท์ส่วนตัวนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่เขามีรายชื่อติดต่อ
และมีเพียงคนเดียวเท่านั้น...ที่เขาเปิดแจ้งเตือนเอาไว้
รูปรอยยิ้มสดใสถ่ายคู่กับก๋วยเตี๋ยวไก่ชามโตทำเอาเขายิ้มออก
เพราะเธอกำลังทำหน้าตลก...รอยยิ้มเจือจางจากริมฝีปากผู้มีอำนาจสูงสุดในห้องประชุม ทำเอาทุกคนประหลาดใจ
ไม่มีใครคาดคิดว่ากฤชจะแอบก้มลงมองโทรศัพท์ ในเวลาประชุมเช่นนี้
แต่นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุดตั้งแต่ก้าวเข้าห้องนี้มา!
“พวกเราจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกแน่นอนครับ” เมื่อได้โอกาสผู้จัดการฝ่ายการตลาดก็รีบพูดขึ้น
จนคนที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเผลอทำเรื่องไม่ควรออกไป
เขาไม่ควรจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาในเวลาแบบนี้...
“เอาล่ะ ยังไงผมจะเข้าไปจัดการเรื่องนี้อีกที ทุกคนไปพักได้”
ไม่มีใครคิดที่จะตำหนิเขา ออกจะดีใจด้วยซ้ำ...และขอบคุณใครก็ตามที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นและผ่อนคลายขนาดนี้ได้
คนอย่างกฤชจริงจังเรื่องงานและเฉียบขาดเสมอ เขาพอจะเดาเหตุการณ์ทุกอย่างออกและมีวิธีแก้ไขที่ดีที่สุดและอาจจะแก้ไขไปก่อนหน้านี้แล้วล่ะ
เพียงแต่เรียกประชุมให้พอได้รู้กิริยาของแต่ละฝ่ายก็เท่านั้น
เขาก็เลยไม่ได้เครียดพอที่จะตัดสิ่งรบกวนทั้งหมดออกไปได้
นี่คือเหตุผลที่เขาพยายามหามาให้ตัวเอง...
ซึ่งไม่รู้ว่าจะเพียงพอหรือเปล่า
KITCH: ยัง
KITCH: ระวังอ้วน
และเขาเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังยิ้มให้กับข้อความเชิงแซวของตัวเองนั้น ก่อนหย่อนสมาร์ทโฟนสีเทาลงในกระเป๋าด้านในของสูทดังเดิม
“เที่ยงนี้จะรับประทานอะไรดีครับคุณกฤช” ผู้ช่วยคนสำคัญอย่าง เชาวน์ ปัญญา ผู้พูดน้อยกว่าเขาและจัดการทุกอย่างได้ดีมาเสมอ
กฤชมีทั้งผู้ช่วยและเลขา
เลขาของเขาเป็นสาวใหญ่รุ่นพี่ที่เคยเป็นเลขาของบิดาเขามาก่อน บิดาของเขาที่ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นท่านประธานใหญ่แต่ได้วางมือจากการบริหารไปแล้ว
หน้าที่หลักของเลขาคือการประสานเรื่องงานทั่วไป จะไม่มีสิทธิยุ่งเรื่องส่วนตัว เขาจำเป็นต้องมีผู้ช่วยก็ตั้งแต่...ต้องรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มาอยู่ในความดูแล
ใช่...เชาวน์ต้องช่วยเขาในการรับมือกับเธอด้วย!
“เอาก๋วยเตี๋ยวไก่ไม่เส้น ตีนเยอะๆ” สั่งเชิงปกติแต่แววตากลับยิ้มได้ แม้เชาวน์จะประหลาดใจ...แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถาม
นอกจากน้อมรับคำ และรีบไปสั่งมาให้โดยด่วน มื้ออาหารของกฤชไม่ค่อยจะตรงเวลาเช่นนี้เป็นปกติ
เขาชอบรับประทานอาหารในห้องทำงานส่วนตัว ไม่ค่อยออกไปรับประทานอาหารข้างนอก แม้จะมีข้อความหนึ่งส่งมาชวนเขาเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเที่ยง
แต่ก็ยังไม่ได้รับการเปิดอ่านหรือตอบกลับ
PLOY: ทานข้าวเป็นเพื่อนหน่อย เพื่อนเหงา!
ไม่ใช่ว่าไม่เห็น แต่เขาคิดว่าป่านนี้เพื่อนสนิทอย่างพลอยไพลินคงจะหาอะไรรับประทานเรียบร้อยไปแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องตอบกลับ
เพราะไม่ใช่วิสัยที่จะมานั่งตอบข้อความใคร ถ้าเป็นเรื่องด่วนจริงๆ เขาถึงจะโทรไปในทันที
“กฤชนะกฤช ทีเด็กนั่นล่ะรีบตอบทันที...” คนที่มานั่งรอที่ชั้นล่างของบริษัท เพราะเข้านอกออกในที่ตึกนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน
เพราะพลอยไพลินคือน้องสาวของเลขาสาวใหญ่คนสำคัญของท่านประธานและได้ทำงานให้รองประธานอีกด้วย
ภายในใจของพลอยไพลินรู้สึกเหมือนหนูติดจั่น แต่ทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ เอาไว้เท่านั้น
Mind: พี่กฤชทำตัวดีขึ้นกับมายด์จริงๆ ด้วยค่ะ น่ารักกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ขอบคุณพี่พลอยนะคะที่คอยช่วยให้คำปรึกษา
Mind: ส่งรูปแล้ว
หญิงสาววัยสามสิบต้น กำโทรศัพท์ในมือตัวเองแน่น กดอ่านข้อความและรูปภาพที่เด็กสาวส่งมา
มันเป็นภาพแคปหน้าจอ ที่กฤชส่งรูปอาหารมือเที่ยงของเขามา เขาเลือกที่จะรับประทานก๋วยเตี๋ยวไก่เหมือนเด็กคนนั้น!
“ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างแกหรอก อีมายด์!” สบถ ลอดไรฟันออกมา พร้อมคว้ากระเป๋าเดินดุ่มออกไปจากล็อบบี้บริษัทในทันที