3
“มายด์ล้อเล่นค่ะ...” ว่าพร้อมถอยไปนั่งทรุดลงบนเตียงเขาด้วยสีหน้าที่จริงจังกว่าเดิม
“มายด์รู้ว่ามายด์ยังเด็กเกินไป แต่อีกสองปีมายด์ก็จะบรรลุนิติภาวะแล้ว ตอนนั้นมายด์คงจะสวยสะพรั่งมากๆ
สวยกว่าผู้หญิงทุกคนที่พี่กฤชถูกใจอยู่ในตอนนี้...อีกสองปีผู้หญิงพวกนั้นก็ต้องเหี่ยวลง แต่มายด์กลับบานเต็มที่ พี่กฤชคิดดูสิคะว่าพี่กฤชควรจะเลือกมายด์มากกว่า”
อธิบายแบบเข้าข้างตัวเองสุดๆ แต่เป็นการโน้มน้าวใจที่ชวนขันเสียมากกว่าน่าคล้อยตาม ลำคอแกร่งลั่นเสียงเชิงทุ้มขำออกมา แบบกลั้วในลำคอ พร้อมส่ายหน้า
“เลอะเทอะใหญ่แล้วนะเราน่ะ”
“แหนะ...พี่กฤชแอบอมยิ้มด้วย อย่าบอกนะคะว่าเห็นด้วยน่ะ”
“พูดข้อเสนอของตัวเองมาเถอะ”
“ยังค่ะ มายด์ยังชี้ข้อดีของตัวเองให้พี่กฤชเห็นยังไม่หมด...พี่กฤชคิดดูนะคะว่าตอนนี้มายด์อายุ 18 ปี
พี่กฤช 31 เราห่างกันตั้ง 13 ปี มีเมียเด็กเท่ห์จะตาย...อย่าเพิ่งไปสนใจสาวสวยที่รอวันเหี่ยวเฉาพวกนั้นเลยนะคะ”
“พูดอย่างกับตัวเองจะแก่ไม่เป็นอย่างนั้นแหละ” เขาดูผ่อนคลายขึ้น ในคราที่เธอไม่ได้ทำตัวแก่แดดมากไปนัก...
ตอนนี้เธอเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่พยายามขอร้องให้บิดามารดาซื้อตุ๊กตาให้
“ไม่ค่ะ มายด์จะไม่ทำตัวแก่...จะไม่ขี้บ่น จะออกกำลังกาย จะดื่มน้ำเยอะๆ ให้เต่งตึงเสมอไปทุกส่วนแบบนี้ตลอดไปเลยค่ะ” ว่าพร้อมเต้นเหยงๆ ไปมา
นั่นล่ะ...เขาถึงได้รู้ว่าเธอไม่ใช่แค่เด็กคนหนึ่งแล้ว
“จะพูดข้อเสนอมาได้หรือยัง” ตัดบทเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่เขามักทำเสมอ
“คือว่า...” นั่นไง...กลิ่นหอมเย้ายวนจากเด็กสาวในชุดนอนวาบหวิวเคลื่อนเข้าหาตัวเขาอีกครั้ง
“หยุดอยู่ตรงนั้นแล้วรีบพูดซะ ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่ฟังแล้ว” หน้ามุ่ยใส่เขาอัตโนมัติแต่ก็ยอมชะงักสองเท้าแต่โดยดี
“มายด์อยากจะขอให้พี่กฤชอย่าเพิ่งไปมีใคร อย่าเพิ่งเดตกับใครหรือว่าชอบใคร ระหว่างสองปีก่อนที่มายด์จะบรรลุนิติภาวะได้มั้ยคะ?” ช่างเป็นข้อเสนอที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและร้องขอ
ดวงตาดำขลับใสประกายความอ้อนวอนจนใจที่ไม่ค่อยจะแข็งอยู่เดิม อ่อนยวบเข้าไปหนัก
“ถ้าพี่กฤชทำได้ มายด์จะเป็นเด็กดีและจะไม่เรียกร้องความสนใจใดๆ จากพี่กฤชอีกเลยค่ะ”
“แต่พี่เคยบอกมายด์ไปแล้ว ว่าพี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นกับมายด์”
“โอ๊ย...ไม่ฟังค่ะ ปิดหูแล้ว!” ว่าอย่างเอาแต่ใจพร้อมเอามือปิดหูเดินเร็วๆ ไปทั่วห้อง เหมือนเด็กอนุบาลเอาแต่ใจ หาเรื่องดื้อกับคุณครู ก่อนวนกลับมายืนตรงหน้าเขาอีกครั้ง
“มายด์ได้ถามเหรอคะว่าพี่กฤชคิดยังไง ฉะนั้นไม่ต้องมาพูดความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อมายด์ค่ะ มายด์ยึดถือที่พี่กฤชเคยบอกว่าพี่จะต้องดูแลมายด์ไปจนอายุครบ 20 ปีเพื่อให้บรรลุนิติภาวะ ซึ่งตอนนั้นสถานะทางสังคมของเราสองคนก็จะหมดลงด้วย...ตอนนั้นมายด์ก็จะเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่จะรักจะชอบผู้ชายคนหนึ่ง ได้ตามสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ตอนนั้นพี่กฤชก็อาจจะมองมายด์ด้วยมุมมองใหม่ ไม่ใช่เด็กในความดูแล...มายด์เชื่อค่ะ ว่าพี่กฤชจะต้องใจอ่อนให้กับแววตากลมโตคู่นี้ของมายด์แน่ๆ”
ประโยคท้ายทำเอาเขาหลุดขำจนต้องเอามือเกาหัวพร้อมเบือนหน้าหนี
“เรานี่มันจริงๆ เลยนะ”
“พี่กฤชรับปากมาสิคะ ว่าจะรอมายด์...ถ้าตอนนั้นมายด์ได้พยายาม ได้เต็มที่ มีสิทธิเท่าเทียมกับผู้หญิงทั่วไป แล้วพี่กฤชไม่ได้ชอบมายด์ มายด์ก็จะยอมรับมันค่ะ” แม้จะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะยอมรับได้จริงๆ หรือเปล่า
แต่ก็นั่นแหละ...เธอแค่อยากบีบให้เขารับปาก
เพราะคนอย่างกฤช ถ้าได้รับปากอะไรแล้วเขามักจะทำตามนั้นเสมอ แบบไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ชอบความเป็นเขาข้อนี้สักเท่าไหร่ แต่ไหนๆ ก็เสียประโยชน์จากมันมาตลอดแล้ว...ขอได้ประโยชน์จากมันบ้างละกัน!
“ตั้งใจเรียนและทำตัวให้ดีขึ้นให้มันจริงล่ะ”
“เย้! พี่กฤชรับปากแล้ว...พี่กฤชรับปากแล้ว!” คนดีใจจนลืมตัวกระโดดเกาะเอวเขารัดแน่น จนผ้าเช็ดตัวที่เกาะอย่างหมิ่นเหม่ภายใต้เสื้อคลุมที่แยกออกจากกัน แทบจะหล่นไปกองกับพื้น
“มายด์!” ว่าพร้อมดึงตัวเธอลงจากเอว
“ขอมัดจำหน่อยนะคะ” ริมฝีปากบางจิ้มลิ้ม กระจุ๋มกระจิ๋ม จุมพิตลงบนแก้มสากระคายของเขา ฟอดใหญ่ ก่อนลงจากตัวเขาพร้อมวิ่งแจ๋ ออกจากห้องนอนของเขาไป ปิดประตูเสียงดังปัง
ปล่อยให้เขาต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก...และหันไปหนักใจกับความรู้สึกหนึกอึ้งไปทั้งกึ่งกลางกาย ที่กำลังอัดแน่นด้วยความรู้สึกที่สะสมมาตลอด
ตลอดการได้อยู่ใกล้ชิดเด็กสาว...ที่ตอนนี้ได้โตเต็มวัยแล้ว