ตอนที่ ๖ ไม่ง่ายอย่างที่คิด 1
เช้านี้แวนตั้งใจจะไปบอกเรื่องแต่งงานให้เรเน่รับรู้ตามที่โนอาห์กับอุษาเร่งรัด แม้ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร แต่หลังจากสองสามีภรรยาออกไปกับบรรจง ชายหนุ่มก็ใช้กุญแจที่ขอมาจากมุกไขเข้าไปในห้องนอนหญิงสาว ไม่พบร่างบอบบางนอนอยู่บนเตียง แต่ได้ยินเสียงน้ำฝักบัวไหลกระทบพื้น บ่งบอกว่าเจ้าของห้องกำลังอาบน้ำอยู่
เพียงอึดใจเดียวเรเน่ก็พาร่างที่ยังคงมีหยดน้ำเกาะอยู่บนผิวกลับออกมา สภาพในตอนนี้มีเพียงผ้าขนหนูพันกายเอาไว้ เมื่อเห็นอาหนุ่มนั่งยิ้มเผล่อยู่ตรงปลายเตียง เธอก็กรีดลั่นแล้วรีบวิ่งหายเข้าไปในส่วนของห้องแต่งตัวที่มีม่านสีทึบแทนประตู รีบเช็ดตัวให้แห้งพร้อมชโลมครีมบำรุงผิวจนถ้วนทั่ว แล้วคว้าชุดเดรสผ้าพลิ้วสีม่วงอ่อนมาสวมอย่างรีบร้อน
“แต่งตัวเร็วนะวันนี้” แวนยักคิ้วหลิ่วตาในแบบที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็น ปกติเขาจะวางมาดอบอุ่นเป็นผู้ใหญ่สมวัยเสมอ พูดจาอะไรก็ฟังดูจริงจังไปเสียทุกอย่าง แตกต่างจากสิ่งที่แสดงออกเมื่อคืนและตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
“ไม่มีมารยาทเลยนะคะ เข้ามาในห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ยังไงกัน” เรเน่มองสบตาคู่สวยด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แต่งหน้าทาปากอ่อนๆ เหมาะสำหรับวัยสาว เรียบร้อยแล้วก็ปล่อยผมที่เกล้าขึ้นสูงให้กระจายลงมาเต็มแผ่นหลัง บรรจงหวีให้นุ่มสลวยเหมือนทุกวัน
“สวยจัง” แวนชมอย่างจริงใจ
“ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วค่ะ” คนตัวเล็กหันมายิ้มยั่วเพียงเสี้ยววินาทีและหุบยิ้มฉับทันทีทันใด “อยากนั่งอยู่ในห้องนี้ก็ตามสบายนะคะ พีชจะออกไปข้างนอกแล้ว” เจ้าของมือบางคว้ากระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือ ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไป แต่แวนลุกพรวดไปขวางไว้
“จะไปไหน”
“มีนัดค่ะ”
“กับใคร”
“กับแฟนค่ะ หลีกไปได้แล้ว พีชรีบ” หญิงสาวกำลังจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่เขาก็ขยับตามมาขวาง เธอไปซ้ายเขาก็ไปซ้าย เธอหนีไปทางขวาเขาก็ยังตามติด “นี่จะเล่นตลกอะไรกันคะอาแวน ไม่มีงานทำหรือไงถึงมัวมาขวางทางพีชอยู่ได้ หลีกไปนะคะ เดี๋ยวพีชสาย”
“อาไม่ให้ไป” คุณอาหนุ่มยืนกอดอก ยืดตัวเต็มความสูงแล้วทำหน้านิ่ง
“คิดว่าห้ามพีชได้เหรอคะ” เรเน่ยิ้มเหยียด เดินเลี่ยงห่างออกไปอีกทาง แต่มือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือ แล้วดึงกระชากกลับมาปะทะกับแผงอกกว้างด้วยความตั้งใจ ก่อนจะลดมือทั้งสองข้างลงโอบเอวคิดกิ่วแนบแน่น ทำเอาคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับตาค้าง
“ห้ามได้สิ เพราะอามีสิทธิ์ที่จะหวงของของอา” คนเจ้าเล่ห์กระตุกยิ้มมีความหมาย
“นี่อาแวนกำลังพูดอะไร” หญิงสาวกางมือวางทาบบนอกเขา พยายามขืนตัวออกห่าง แต่ยิ่งทำแบบนั้นก็ยิ่งถูกกอดรัดแน่นขึ้นเสียจนแทบหายใจไม่ออก “ปล่อยพีชนะอาแวน! ปากบอกไม่อยากให้พีชคิดเกินเลย แต่กลับมาทำแบบนี้กับพีช เราเป็นอาหลานกันนะคะ มันไม่เหมาะที่จะมากอดกันแบบนี้”
“ช่างปะไร อีกหน่อยเราก็ไม่ใช่อาหลานกันแล้ว” คำพูดของเขามีแต่จะทำให้เธอขมวดคิ้วงุนงง
“พูดบ้าอะไรคะ!”
“เรากำลังจะแต่งงานกัน” เป็นคำตอบที่ไม่ต้องลีลาให้มากความ แต่สิ่งที่หลุดออกจากริมฝีปากคู่สวยของเขาทำเอาเรเน่กะพริบตาปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ ทันทีที่คิดทบทวนถึงประโยคที่ได้ยินอีกครั้ง หญิงสาวก็หัวเราะพรืดออกมาไม่หยุด หัวเราะเสียจนตัวงอเลยทีเดียว
“บ้าชะมัดเลยอาแวน เล่นตลกอะไรคะเนี่ย พีชขำตายกันพอดี”
“นี่มันน่าขำตรงไหน อาพูดความจริงนะ” ชายหนุ่มยืนยันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เลิกเล่นเถอะค่ะ พีชขำอย่างที่ต้องการแล้ว” เธอเงยหน้าขึ้นสบตาขณะพยายามกลั้นหัวเราะ
“นี่ไม่ใช่มุกตลกหรือเรื่องล้อเล่นอะไรทั้งนั้น เรื่องที่อาพูดมันเป็นความจริงทั้งหมด” น้ำเสียงทุ้มที่เคยอบอุ่นอ่อนโยน แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังไร้วี่แววการหยอกล้อ “โนอาห์กับพี่ษาต้องการให้อาแต่งงานกับพีช เพราะมั่นใจว่าอาจะเป็นคนที่สามารถดูแลพีชได้ดีที่สุด ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามดูเอาเอง”
“พีชไม่เชื่อ แล้วก็จะไม่ถามอะไรใครทั้งนั้น!” เรเน่รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีในการผลักคุณอาออกห่าง “ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่จริง พีชก็ไม่มีทางยอมแต่งงานกับอาแวนหรอกค่ะ พีชเพิ่งใช้เวลาทั้งคืนในการบอกตัวเองให้เลิกคิดเลยเถิดกับอาแวน พยายามคิดถึงทุกครั้งที่อาแวนผลักไสพีช ในที่สุดพีชก็คิดได้ว่าเราควรเป็นแค่อาหลานกัน เพราะฉะนั้นพีชจะไม่ยอมเอาความรู้สึกของตัวเองไปยุ่งกับอาแวนเด็ดขาด”
“ไม่ว่าพีชจะพูดยังไง เราก็ต้องแต่งงานกัน” แวนยืนยัน
“พีชจะไปพูดกับคุณพ่อคุณแม่เอง อาแวนก็ช่วยยืนยันด้วยแล้วกันว่านี่มันไม่ถูกต้อง อาแวนจะบอกว่ามีแฟนแล้วก็ได้ หรือจะบอกยังไงก็ได้ พีชมั่นใจว่าอาแวนเองก็คงไม่อยากเอาชีวิตมาผูกกับพีชนักหรอก ไม่งั้นชีวิตทั้งชีวิตของอาแวนคงทุกข์ทรมานน่าดู”
หญิงสาวดูร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด มันทำให้แวนหน้าเสียไปเล็กน้อยกับความจริงที่ว่าเธอไม่ได้อยากแต่งงานกับเขา ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเธอจะดีใจจนน้ำตาไหลเสียอีกที่ได้เขาไปในฐานะอื่นที่ไม่ใช่อา ตอนนี้กลับกลายเป็นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“ไหนพีชบอกว่ารักอาไง แล้วทำไมถึงไม่อยากแต่งงานกับอาล่ะ” อดไม่ได้ที่จะถามตามตรง
“ใช้คำว่าเคยรักดีกว่าค่ะ เมื่อวานกับวันนี้มันต่างกัน อีกอย่าง...” เรเน่กลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบาก “การแต่งงานมันจะเกิดจากความรักข้างเดียวไม่ได้ พีชรักอาแวน แต่อาแวนไม่ได้คิดแบบนั้นกับพีช ขืนแต่งงานกันไปพีชก็มีแต่เจ็บช้ำ พีชเกลียดเวลาอาแวนผลักไส พีชไม่อยากได้คนแบบนั้นมาเป็นสามี”
“ใครบอกว่าอาไม่รักพีช เอาสมองส่วนไหนคิด” ชายหนุ่มเริ่มฉุนเฉียว
“สมองส่วนที่เป็นความจริงนี่แหละค่ะ พีชรู้ว่าอาแวนรักพีช แต่มันไม่ใช่แบบที่พีชเคยรักอาแวน” เธอเอ่ยโดยไม่สบตา สูดลมหายใจเข้าปอดยาวๆ แล้วบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม “พีชจะไม่ออกไปกับพี่เชนท์แล้วก็ได้ค่ะ แต่มันไม่ได้หมายความว่าพีชจะยอมทำเรื่องบ้าๆ อย่างที่อาแวนพูดนะคะ พีชจะไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่ายังไงพีชก็จะไม่แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักพีช...แล้วพีชเองก็ไม่ได้รักแล้วด้วย” พูดจบเจ้าของร่างบอบบางก็สะบัดหน้าเดินออกจากห้องไปทันที
คล้อยหลังแวนเพียงเล็กน้อย ดวงหน้างามก็เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย สิ่งที่พูดออกไปทั้งหมดไม่ใช่ความจริง มันอาจจะใช่ในส่วนที่เธอกำลังพยายามเลิกคิดเลยเถิดกับเขา แต่มันก็ใช่ว่าจะสามารถตัดใจได้ในเวลาเพียงคืนเดียว ตอนนี้หัวใจของเธอก็ยังคงมีเขาอยู่เสมอ เพียงแต่การแต่งงานตามความต้องการของบุพการีนั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เธอไม่ต้องการฉวยโอกาสนี้ดึงเขามาเป็นของตัวเอง ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธออาจยินยอมพร้อมใจ แต่มันไม่ใช่หลังจากที่เขาผลักไสเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจนเจ็บช้ำเกินทนแบบนี้
แวนเดินตามเรเน่ไป เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าตัวจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้ โนอาห์กับอุษานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่ห้องโถง สายตาจับจ้องไปยังข้อความในหนังสือพิมพ์ด้วยความสนใจ ทันทีที่เห็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเดินกระแทกเท้าปึงปังลงมา ทั้งสองคนก็มองสบตากัน พอจะเดาคำตอบได้จากสีหน้าอ่อนใจของแวนที่เดินตามหลังมาติดๆ
“คุณพ่อคุณแม่คิดจะทำอะไรคะ พีชไม่ยอมนะ!” เรเน่เปิดฉากด้วยสีหน้าบึ้งตึงสุดขีด
“อะไรกัน ทำไมต้องฉุนเฉียวขนาดนั้นด้วย” ผู้เป็นพ่อปรามเสียงเรียบ
“มีอะไรก็นั่งลงพูดกันดีๆ สิลูกรัก” อุษาพยักหน้าบอกให้ลูกสาวนั่งลงเสียก่อน แต่เธอไม่ทำ
“อย่าทำเป็นไม่รู้ไปหน่อยเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่คิดอะไรกันอยู่ ถึงได้อยากให้พีชแต่งงานกับคุณอาของตัวเอง พีชจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนคะถ้าทำเรื่องแบบนี้ อย่าลืมสิว่าคนนอกไม่ได้รู้ด้วยเสียหน่อยว่าอาแวนไม่ใช่อาแท้ๆ ของพีช ไม่รู้ละค่ะ...ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะคิดอะไรอยู่ พีชขอให้เลิกคิดได้เลย เพราะพีชจะไม่มีวันแต่งงานกับอาแวนเด็ดขาด!”
“อย่าเอาแต่ใจนักเลย” โนอาห์มองสบตากับลูกสาว “ลูกเองก็รักแวนมากเกินกว่าอาหลานอยู่แล้วนี่นา มันน่าจะดีกว่าถ้าได้แต่งงานกัน ไม่เห็นจะมีปัญหาตรงไหน แวนเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้หญิงคนไหนก็อยากได้ทั้งนั้น อายุก็ห่างกับลูกแค่สิบปี ไม่ได้ถือว่ามากมายตรงไหน อีกอย่างถ้าไม่บอกเรื่องอายุ ใครๆ ก็คงคิดว่าแวนยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ”
“นี่อาแวนบอกคุณพ่อเหรอคะ!” หญิงสาวหันไปมองคนข้างตัวอย่างโกรธเคือง
“เปล่าจ้ะ เมื่อวานพ่อกับแม่ได้ยินพีชพูดกับเอ็นโซตรงโรงจอดรถ เราสองคนยืนอยู่หน้าประตูกันพอดี แต่พีชกับเอ็นโซคงไม่ได้สังเกตเห็น” อุษาลุกไปโอบไหล่ลูกสาว แล้วมองสบตากับสามีอย่างลำบากใจ “พ่อกับแม่แค่อยากให้พีชได้ในสิ่งที่ดีที่สุด เลย...”
“เลยไปบังคับให้อาแวนยอมแต่งงานกับพีชงั้นเหรอคะ มันไม่น่าสมเพชเหรอคะคุณแม่” เรเน่เค้นเสียงออกมาด้วยความขุ่นเคือง ดวงตากลมโตมีน้ำสีใสคลอรื้นขึ้นเพื่อเตรียมร่วงริน ทว่าเจ้าตัวฝืนกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถ ไม่ต้องการดูอ่อนแอต่อหน้าสายตาทุกคน
“ไม่มีใครบังคับอาทั้งนั้น อาเต็มใจที่จะแต่งงานกับพีชเอง” แวนแทรกขึ้น
“ทุกอย่างมันจะไม่เป็นแบบนี้หรอกนะ ถ้าลูกไม่ทำตัวแย่ด้วยการไปคบหากับนายเชนท์ แล้วยังกล้าโกหกพ่อแม่ว่าลูกท้องกับมันอีก พ่อรู้จักครอบครัวของหมอนั่นดี มันไม่ได้รักลูกจริงนะเรเน่ มันก็แค่ต้องการปอกลอกลูก ลูกเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเกินไป ลูกตามไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายสมัยนี้หรอก”
“ถ้าเป็นเพราะพี่เชนท์ พีชจะเลิกกับเขาก็ได้ค่ะ แต่พีชจะไม่แต่งงานกับอาแวน” เธอยังยืนยันคำเดิม
“พ่อคิดว่ามันสายเกินไปแล้ว” โนอาห์ส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ที่เพิ่งวางลงบนโต๊ะตรงหน้า ส่งให้จนถึงมือลูกสาว “ดูนี่สิ ดูว่าการกระทำของลูกมันส่งผลยังไงบ้างกับชื่อเสียงของลูก พ่อจะไม่ยอมให้ใครมาตราหน้าลูกแบบนี้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นงานแต่งงานจะต้องเกิดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวได้เลย”
“นี่มัน...” เรเน่พึมพำแผ่วเบา ตกใจจนมือสั่นเมื่อเห็นข่าวของตัวเองเด่นหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ ว่าด้วยเรื่องการเป็นมือที่สามของนักธุรกิจหนุ่มที่มีครอบครัวแล้ว คำที่สื่อกล่าวถึงเธอคือคำว่า ‘เมียน้อยไฮโซลูกครึ่งฝรั่งเศส’ พร้อมทั้งยังบอกใบ้เรื่องธุรกิจที่ทำให้เดาได้ไม่ยากนักว่ากำลังหมายถึงตระกูลเลอฟรองด์ เห็นแบบนี้หญิงสาวก็เดือดดาลสุดจะทน แม้จะเอาแต่ใจตัวเองและบ้าบิ่นถึงขั้นยอมโกหกเรื่องร้ายแรง แต่เธอก็ไม่เคยอยากให้ใครมาดูหมิ่นครอบครัวแบบนี้
“ในเมื่อข่าวมันออกมาแล้ว ลูกก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่นายเชนท์ ทำให้พวกปากหอยปากปูมันเห็นไปเลยว่าลูกไม่ได้เป็นมือที่สามทำให้ครอบครัวของใครต้องมาแตกแยก แล้วลูกก็ไม่ได้เป็นเมียน้อยใครทั้งนั้น” โนอาห์ว่าพลางถอนหายใจ “เรื่องนี้มันทำให้พ่อกับแม่ทุกข์ใจมากนะเรเน่ ลูกน่าจะเลิกดื้อเพื่อเห็นแก่ความรักของพ่อกับแม่บ้าง ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่ดี เราไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นหรอก เชื่อเถอะว่าการแต่งงานจะทำให้ปัญหาทุกอย่างจบลง”
“พีชทราบค่ะว่าเรื่องนี้มันไม่ได้มีผลแค่กับตัวพีช พีชจะไม่ยอมให้ใครมาตราหน้าพีชว่าเป็นเมียน้อยเหมือนกัน พีชจะแก้ปัญหาเอง แต่ไม่ใช่ด้วยการแต่งงาน” ถึงอย่างไรคนดื้อก็ยังยืนยันว่าไม่ต้องการแต่งงานกับอาหนุ่มสุดที่รัก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ต่อต้านเรื่องนี้นัก แต่ที่แน่ๆ เธอจะไม่ยอมให้แวนคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายเด็ดขาด
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นเรเน่ ทางเดียวที่ลูกต้องทำคือแต่งงานกับแวน” บิดาแทรกขึ้นทันควัน
“คุณพ่อคะ แต่ว่าพีช...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ที่ผ่านมาเราทุกคนตามใจลูกมากเกินไป ต่อไปนี้ถึงเวลาต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่เสียที เลือกเอาแล้วกันว่าลูกจะแต่งงานกับแวนเพื่อกลบข่าวลือ หรือจะยอมกลายเป็นคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อย แล้วก็ไม่มีอะไรเหลืออีก เพราะพ่อจะไม่ให้อะไรเลยแม้แต่บาทเดียว รถก็จะยึดคืน เงินก็จะไม่ให้ใช้ ลูกจะกลายเป็นคุณหนูตกยากทันที ถึงตอนนั้นพนันได้เลยว่าแม้แต่นายเชนท์ก็ไม่มีทางเหลียวแลลูกแน่”
“คุณพ่อ!” เรเน่แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยว่าบิดาจะกล้าทำถึงขนาดนี้
“อาว่าพ่อเขาทำจริงนะพีช เพราะฉะนั้นอย่าคิดทำอะไรนอกลู่นอกทางอีกเลย ถ้าไม่เห็นแก่ชื่อเสียงของตัวเองก็ถือว่าเห็นแก่ครอบครัวเถอะ การที่ถูกสังคมกล่าวหาว่าเป็นมือที่สามของคนที่มีลูกเมียแล้ว มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ” แวนเสริมแล้วลอบยิ้มกับตัวเอง เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วแม่คนดื้อจะต้องยอมศิโรราบให้แก่ความจริง แต่ด้วยนิสัยแล้วเธอยังจะต้องหาทางยุติเรื่องนี้ต่อไปอีกแน่ ทว่าแวนก็มั่นใจว่ามันจะต้องไม่สำเร็จ เพราะโนอาห์วางมาดคุณพ่อใจร้ายได้เหมือนจริงเสียขนาดนี้ แถมอุษาก็ยังทำเป็นนั่งนิ่งไปยอมถือหางเหมือนเคย เอาเข้าจริงเรเน่ย่อมไม่กล้าขัดอยู่แล้ว
ช่วงบ่ายบรรจงขับรถพาโนอาห์กับอุษาไปต่างจังหวัด โดยอ้างว่าต้องไปพบลูกค้าคนสำคัญอย่างเร่งด่วน แต่ความจริงแค่พยายามเปิดโอกาสให้แวนกับเรเน่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังมากขึ้น เชื่อว่าความใกล้ชิดจะยอมทำให้เธอใจอ่อนยอมตกลงแต่งงานด้วยความเต็มใจ ซึ่งนั่นมันก็ขึ้นอยู่กับแวนด้วยว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากน้อยแค่ไหน
เรเน่ขลุกอยู่แต่ในห้องจนกระทั่งเย็นย่ำ ท้องไส้ปั่นป่วนด้วยความหิวโหยจนต้องพลิกตัวไปมาบนเตียง สุดท้ายก็ละทิ้งความประชดประชันไว้ก่อนชั่วคราว แล้วเดินกึ่งวิ่งลงบันไดเข้าไปในห้องครัว มุกกับบัวยืนหัวเราะกับเรื่องสัพเพเหระที่เล่าให้กันฟัง ขณะล้างจานและปัดกวาดเช็ดถูกห้องครัวให้สะอาดเอี่ยม
“มีอะไรเหลือให้ฉันบ้างไหม” หญิงสาวเดินดุ่มเข้ามาหา
“อ้าว คุณหนู” บัวอุทานแล้วหันไปมองสบตากับมุก ก่อนจะยิ้มแหย “คือ...คุณแวนสั่งให้เทกับข้าวทิ้งให้หมดเลยค่ะ เพราะคุณหนูคงไม่อยากทานอะไรแล้ว เหลือทิ้งไว้ก็เสียของเปล่าๆ”
“อะไรนะ!” เธอทำหน้าผิดหวังสุดขีด “เหลือทิ้งไว้แล้วเสียของ งั้นไอ้ที่เททิ้งมันไม่เสียของหรือไง!”
“เอ่อ...” มุกถึงกับใบ้กิน
“นี่อาแวนอยู่ไหน!” คุณหนูคนสวยตวาดถามเสียงดังลั่น
“อยู่บนห้องค่ะ ถ้า...ถ้าคุณหนูจะไปว่าเรื่องที่คุณแวนให้ทิ้งอาหาร อย่าเลยนะคะ เดี๋ยวบัวทำให้ใหม่ค่ะ คุณหนูอยากทานอะไรดีคะ นั่งรอไม่นานเดี๋ยวก็เสร็จ” บัวรีบห้ามไว้เพราะไม่อยากให้ทั้งคู่มีปากเสียงกันอีก ตอนแรกเรเน่ตั้งใจจะขึ้นไปโวยวายใส่แวนเสียหน่อย แต่ความหิวตรึงเธอให้ยืนนิ่งอยู่ในครัว “เอาเป็นบะหมี่หมูสับใส่ผักเยอะๆ ดีไหมคะ เมื่อตอนเรียนมัธยม คุณหนูชอบให้บัวทำให้ทานตลอดตอนที่ต้องอ่านหนังสือดึก”
“ก็ได้ ไม่ได้กินบะหมี่ฝีมือบัวนานแล้วเหมือนกัน” แทบจะทันทีที่เอ่ยปากตกลง
“ได้ค่ะ คุณหนูไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารได้เลย” บัวยิ้มออกในที่สุด รีบกุลีกุจอไปค้นหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาจากตู้ แล้วรีบจัดการให้โดยเร็ว ผ่านไปไม่นานบะหมี่หมูสับหอมกรุ่นก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า เรเน่ยิ้มกว้างด้วยความพอใจ ก่อนจะลงมือรับประทานด้วยความหิวโหยจนเกลี้ยงชาม มีเพียงน้ำซุปเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่ก้นถ้วย
“อร่อยมากเลยจ้ะบัว ขอบคุณมากนะจ๊ะ” พอท้องอิ่มอารมณ์ที่คุกรุ่นก็เหมือนจะจางหายไปด้วย “ไม่ได้ทานบะหมี่ของบัวมานานตั้งหลายปี คิดถึงแทบแย่เลย ทำทานเองก็ไม่อร่อยเหมือนอย่างที่บัวทำ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม” หญิงสาวพูดไปยิ้มไป
“สงสัยเป็นเพราะบัวปรุงเพิ่มมั้งคะ แล้วหมูสับที่บัวใส่ก็เป็นหมูเด้งที่หมักเองกับมือด้วยค่ะ”
“แบบนี้นี่เอง ยังไงก็ขอบคุณมากนะ ไว้วันหลังฉันจะรบกวนบัวอีกแน่นอน แต่วันนี้ขอขึ้นไปอาบน้ำแปรงฟันก่อนดีกว่า ฉันอยากนอนตั้งแต่หัวค่ำ เพลียมากเลย” แล้วร่างอรชรก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ส่งยิ้มให้สาวใช้อีกครั้งแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องอาหารไป
บัวส่ายหน้าด้วยความเห็นใจ ดูท่าเรเน่คงมีเรื่องให้คิดมากมาย ขอบตาถึงช้ำเหมือนไม่ได้พักผ่อนอย่างเห็นได้ชัด ก็จะไม่เพลียได้อย่างไรเล่า ในเมื่อคืนก่อนเธอนอนแทบไม่หลับเลย มัวแต่คิดหาทางกำจัดแวนออกไปจากหัวใจ แต่พอตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้กลับพบว่าชีวิตกำลังจะถูกดึงให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเขามากยิ่งกว่าเดิม
