บทที่ 5 เยือนค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์
บทที่ 5
เยือนค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์
นับจากวันที่ได้แต่งงานเข้าจวนตระกูลหลี่ นี่ก็ล่วงเข้าสู่วันที่ 10 แล้ว หวงไป๋เฟิ่งได้รับการสั่งสอนจากมู่เสี่ยวชิงไม่น้อย ทั้งทำบัญชีของจวนโดยนางทำเฉพาะเรือนของตน ควบคุมดูแลกิจการร้านค้าต่าง ๆ ในเมืองหลวงที่อยู่ภายใต้ชื่อของหลี่เหวินซาน
ทุกอย่างนางล้วนเคยฝึกปรือกับเสด็จแม่มาไม่น้อย ทำให้นางทำเรื่องทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อยจนได้รับคำชื่นชมจากมู่เสี่ยวชิง
"วันนี้ไม่มีใครอยู่ที่จวนเลย เฟิ่งเอ๋อร์คงจะเหงามากใช่หรือไม่"
"ไม่เหงาเลยเจ้าค่ะ ได้พูดคุยกับท่านแม่ข้าสนุกมากเจ้าคะ"
หวงไป๋เฟิ่งเอ่ยด้วยความจริงใจ การได้อยู่กับมู่เสี่ยวชิงทำให้นางได้ข้อคิดและได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายเลยด้วยซ้ำ ทั้งนางยังชอบฟังเรื่องเล่าของท่านแม่กับเสด็จแม่เมื่อครั้งยังไม่ได้แต่งงานด้วย สนุกยิ่งนัก!
"เด็กดี วันนี้ก็ออกไปเปิดหูเปิดตาหน่อยดีกว่า"
มู่เสี่ยวชิงพยักหน้าให้กับชงเหยา นางเดินเข้ามาโดยถือกล่องอาหารที่อยู่ในตะกร้ายื่นส่งให้กับชุนหลังผู้เป็นสาวใช้
"นี่อะไรหรือเจ้าคะ"
"เป็นอาหารกลางวันของอาซาน เจ้าเอานี่ไปให้เขาที่ค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์เสีย ส่วนนี่เป็นป้ายผ่านทางรับไปซะสิเฟิ่งเอ๋อร์"
หวงไป๋เฟิ่งยื่นมือออกไปรับป้ายหยกที่มีพู่ห้อยสีแดงสด โดยบนป้ายสลักอักษรหลี่อยู่ด้านหน้า นางรับมาถือไว้ด้วยความยืนดี นี่สิถึงจะน่าสนใจหน่อย นางจะได้เปิดหูเปิดตาไปเยี่ยมชมที่ค่ายทหารแล้ว
"พระชายาทรงเขียนจดหมายมาบอกว่าเจ้าไม่ชอบอยู่ที่เรือน ชอบออกไปเยี่ยมชมที่ค่ายทหารมากกว่าและตัวเจ้าเองก็เก่งกาจเรื่องการยิงธนูใช่หรือไม่"
"เป็นจริงเช่นนั้นเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านแม่มากนะเจ้าคะที่คอยเอาใจใส่ข้าเสมอมา"
"พูดอะไรเช่นนั้น เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เจ้ารีบไปเถิดหากชักช้าเกรงว่าอาหารจะเย็นชืดเสียก่อน" มู่เสี่ยวชิงคลี่ยิ้มละไมให้กับบุตรสาวของสหายสนิท
"เจ้าค่ะท่านแม่"
หวงไป๋เฟิ่งลุกขึ้นคารวะก่อนจะเดินนำชุนหลันไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองขึ้นไปนั่งในรถม้าโดยมีท่านอาหย่งคังคอยคุ้มครองนางตลอดการเดินทางนี้ แม้เมืองหลวงจะปลอดภัยแต่ก็มิอาจประมาทได้
"เสี่ยวชิงของพี่คิดจะเป็นผู้เฒ่าจันทราเช่นนั้นหรือ"
"เจ้าค่ะ ข้าชอบเฟิ่งเอ๋อร์อยากให้นางเข้ามาเป็นสะใภ้เต็มตัวเสียที ข้าไม่อยากให้อาซานต้องทุกข์ใจไปกับอดีตที่ไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้"
หลี่หงจิ้นเข้ามาโอบกอดฮูหยินรักของตน "เรื่องความรักมิอาจบังคับกันได้ หากอาซานมีใจให้กับเฟิ่งเอ๋อร์ เขาคงไม่ยอมปล่อยให้นางต้องนอนเหงาอยู่ในห้องเพียงคนเดียว ส่วนตัวเองก็แยกห้องนอนมานอนที่ห้องด้านข้างหรอก"
"ข้ารู้เจ้าค่ะว่าความรักบังคับกันไม่ได้ แต่เฟิ่งเอ๋อร์เป็นเด็กน่ารัก นางเป็นสตรีที่มีจิตใจดีงาม ข้าแค่ช่วยเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกันก็ไม่ได้หรือเจ้าคะท่านพี่" สายตาคู่สวยตวัดมองสามีนิ่ง
"พี่ไม่ได้หมายความเช่นนั้น หากเสี่ยวชิงอยากจะเป็นผู้เฒ่าจันทราพี่จะช่วยเจ้าอีกแรงอย่างไรเล่า บางทีเราคงต้องให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเสียบ้างแล้วล่ะ"
หลี่หงจิ้นรีบเปลี่ยนท่าที เขาไม่ต้องการจะทำให้ภรรยารักไม่พอใจ อะไรที่ยอมนางได้ก็จงยอมเสียเถิด การทะเลาะกับนางไม่ส่งผลดีนัก!
"อย่างไรเจ้าคะ"
"อีก 10 วันจะถึงวันที่อาซานออกไปลาดตระเวนที่รอบนอกของเมืองหลวง เราก็ให้เฟิ่งเอ๋อร์ติดตามไปด้วยเสียสิ การไปครั้งนี้ใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนเชียว หากทั้งสองอยู่ด้วยกันท่ามกลางป่าเขาจะต้องเกิดความรู้สึกดี ๆ ให้กันเป็นแน่ และถือเป็นการไปท่องเที่ยวหลังจากแต่งงานด้วย ครั้งนี้พี่จะให้ซานเย่ไปช่วยด้วยอีกแรง ดีหรือไม่"
มู่เสี่ยวชิงได้ยินเช่นนั้นพลันยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี "ท่านพี่ช่างปราดเปรื่องยิ่งนักเจ้าค่ะ"
"พี่ช่วยเจ้าเรื่องอาซานแล้ว คืนนี้เจ้าก็ต้องช่วยพี่ด้วยนะฮูหยินรัก"
"ท่านพี่... อายบ่าวไพร่เจ้าค่ะ"
มู่เสี่ยวชิงเบี่ยงตัวหนีริมฝีปากของหลี่หงจิ้น ก่อนจะลุกเดินไปยังห้องด้านในแทน หลี่หงจิ้นพลันยิ้มกริ่มแล้วเดินตามนางเข้าไปทันที หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ได้โรมรันกันบนเตียงกว้างหลังใหญ่ด้วยความเร่าร้อน...!
ค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์
รถม้าของหวงไป๋เฟิ่งได้เดินทางมาถึงยังค่ายทหารแล้ว นายทหารผู้เฝ้าประตูค่ายทหารรีบเอ่ยสั่งให้รถม้าหยุดทันที
"หยุดก่อน นั่นคือผู้ใดเหตุใดถึงมายังค่ายทหาร"
หย่งคังผู้ขี่ม้าด้านหน้า ยื่นป้ายหยกที่ท่านหญิงมอบให้เขาก่อนหน้านี้แสดงกับทหารผู้นั้น
"สตรีที่อยู่ในรถม้าคือท่านหญิงแห่งวังชินอ๋อง และเป็นฮูหยินน้อยของท่านแม่ทัพน้อยหลี่ นี่คือป้ายคำสั่งให้ผ่านทาง มีอะไรสงสัยอีกหรือไม่!"
นายทหารได้ยินเช่นนั้นก็รีบสั่งให้คนเปิดทางให้ทันที "ขออภัยฮูหยินน้อย ข้าน้อยมิรู้ว่าฮูหยินน้อยจะมาค่ายทหารขอรับ"
"มิเป็นไร ข้าผ่านเข้าไปได้แล้วใช่หรือไม่" หวงไป๋เฟิ่งเอ่ยออกมาจากในรถม้า
"ขอรับ ๆ ข้าน้อยจะนำทางฮูหยินน้อยไปยังที่พักของท่านแม่ทัพน้อยเองขอรับ"
"รบกวนเจ้าแล้ว"
"มิเป็นไรเลยขอรับ" นายทหารผู้นั้นลอบปาดเหงื่อ เขาเกือบเผลอล่วงเกินสตรีสูงศักดิ์ไปเสียแล้ว
รถม้าที่หยุดชะงักอยู่หน้าประตูทางเข้าก็ได้เคลื่อนเข้าไปยังค่ายทหาร โดยมีนายทหารผู้นั้นเป็นผู้นำทางและอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี ตลอดทางที่เข้าไปยังค่ายทหาร ทหารหลายคนต่างมองรถม้าเป็นตาเดียวด้วยความสงสัย นานมากแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นรถม้าเข้ามายังค่ายทหารแห่งนี้ หากนับครั้งสุดท้ายก็คงเป็นรถม้าของตระกูลชุนเมื่อสองปีก่อนนั่นเอง ไม่รู้ว่าภายในรถม้าคันนี้เป็นผู้ใด
เหล่าทหารได้แต่นึกสงสัย ก่อนจะเร่งฝึกและทำหน้าที่ของตนเองต่อไป
เรือนพักของหลี่เหวินซานสร้างขึ้นจากไม้เนื้อดีที่มีความแข็งแรงทนทาน ตัวเรือนถูกสร้างขึ้นอย่างเรียบง่ายตามนิสัยของผู้อยู่อาศัย ไม่ได้มีการตกแต่งอย่างหรูหราประการใด เป็นเพียงที่พักอาศัยที่สามารถหลบแดดหลบฝนและเอาไว้หลับนอนเท่านั้น
เขาผู้เป็นแม่ทัพน้อยชอบใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้กับทหารใต้บังคับบัญชาด้วยแล้ว หลี่เหวินซานจึงไม่เคยทำตัวสุขสำราญเลยสักครั้งเดียว
"เรียนแม่ทัพน้อย ฮูหยินน้อยมาขอเข้าพบขอรับ"
'จินเกอ' คนสนิทของหลี่เหวินซานเข้ามารายงานเรื่องการมาถึงของท่านหญิง ตัวเขาให้รู้สึกแปลกใจมิต่างจากผู้เป็นเจ้านายนัก
"นางมาที่นี่หรือ ผู้ใดอนุญาตให้นางเข้ามา" คิ้วกระบี่ขมวดมุ่นจนเป็นปม
"ฮูหยินน้อยถือป้ายคำสั่งผ่านทางของฮูหยินใหญ่ขอรับ"
"ที่แท้ก็เป็นท่านแม่ ช่างเถอะให้นางเข้ามาได้"
หลี่เหวินซานลอบถอนหายใจออกมา การกระทำของท่านแม่ดูออกอย่างชัดเจนนัก
"ขอรับ"
จินเกอเดินจากไปไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมกับร่างระหงของหวงไป๋เฟิ่ง วันนี้นางแต่งกายด้วยอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มที่ปักลายนกยูงรำแพนหางอย่างงดงาม ช่างเป็นภาพที่ไม่เข้ากันเลยเมื่อนางมาเยือนยังค่ายทหารแห่งนี้
"คารวะท่านพี่เจ้าค่ะ ท่านแม่ให้ข้านำอาหารมาส่งเจ้าค่ะ"
ชุนหลังที่อยู่ด้านหลังส่งกล่องอาหารให้กับหวงไป๋เฟิ่ง นางรับมาถือไว้ก่อนจะส่งมอบให้กับหลี่เหวินซาน ดวงหน้าหวานอมยิ้มน้อย ๆ
"ขอบใจเจ้ามาก แต่ต่อไปไม่ต้องลำบากเจ้าหรอก ค่ายทหารไม่ใช่สถานที่ที่สตรีจะมาอยู่ที่นี่ ดาบกระบี่ล้วนไม่มีตาอาจจะพลาดท่ามาถูกเจ้าเอาได้" ในน้ำเสียงเจือความดุเล็กน้อย
"ขอบคุณที่ท่านพี่ห่วงใยข้าเจ้าค่ะ แต่ข้าเองก็คงไม่ยืนอยู่เฉย ๆ ให้ดาบหรือกระบี่พุ่งเข้ามาปักร่างของข้าได้หรอกเจ้าค่ะ"
หวงไป๋เฟิ่งเอ่ยตอบอย่างอวดดี แต่เพราะมีดีให้อวดนางจึงกล้าตอบกลับเขาไปเช่นนั้น
"ท่านอ๋องคงจะสั่งสอนเจ้ามามิน้อยเลยใช่หรือไม่" คิ้วกระบี่กระตุกยิก ๆ เมื่อถูกวาจาของนางยอกย้อน
ส่วนทางด้านหลังนั้นจินเกอกันชุนหลันกำลังกลั้นเสียงหัวเราะจนไหล่สั่น
"เสด็จพ่อสอนวิชาตัวเบาและขี่ม้า ส่วนเสด็จแม่สอนเรื่องการยิงธนูเจ้าค่ะ มิกล้าบอกว่าเก่งกาจแต่ก็คงจะไม่อ่อนด้อยเกินไปนัก" นางเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี
"ดี! เช่นนั้นเจ้าก็มาประลองยิงธนูกับทหารของข้าหน่อยก็แล้วกัน วันนี้ถือเป็นวันสอบคัดเลือกพวกทหารพอดีเลย"
หลี่เหวินซานพลั้งปากไปเพราะใบหน้าถือดีของหวงไป๋เฟิ่ง
