
บทย่อ
นางแต่งงานกับเขาเพราะต้องการหลีกหนีคนชั่ว ส่วนเขาก็แต่งงานกับนางเพื่อลืมเลือนคนรักเก่า แต่แล้วสตรีผู้นั้นกลับปราฏตัวอีกครั้งเพื่อขอเขาคืน แล้วนางจำเป็นต้องยกให้หรือ? ในเมื่อตอนนี้เขาคือสามีของนาง!!
บทนำ
บทนำ
ณ แดนเหนือของแคว้นหวง
ภายในตำหนักรับรองอันหรูหราของวังชินอ๋อง สตรีนางหนึ่งผู้มีใบหน้างดงามอ่อนหวานทว่ากลับแฝงความเอาแต่ใจกอดปลอบมารดาด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมาได้ นางในชุดเจ้าสาวมงคลสีแดงสดอันหรูหรางดงามผละออกจากอ้อมกอดของมารดา ก่อนจะคุกเข่าตรงหน้าของบิดามารดาเพื่อเป็นการอำลาในการจากลาครั้งนี้
"ลูกขอทูลลาเสด็จพ่อและเสด็จแม่เพคะ การจากลาครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ ขอเสด็จพ่อกับเสด็จแม่รักษาพระวรกายด้วยเพคะ" น้ำตาแห่งความเสียใจที่ต้องพัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักไหลปริ่มลงมาไม่ขาดสาย
'ท่านหญิงหวงไป๋เฟิ่ง' บุตรีคนเล็กของ 'ชินอ๋องหวงซือเหวิน' กับ 'พระชายาหวังลี่จู' ได้โขกศีรษะลงตรงหน้าของทั้งสองพระองค์ด้วยหัวใจที่แสนเจ็บปวด นางไม่อยากไปจากแดนเหนือแห่งนี้เลย ทว่ามิอาจทำเช่นนั้นได้
"เฟิ่งเอ๋อร์ของแม่ เจ้าไปอยู่ที่ตระกูลหลี่จะปลอดภัยจากคนพาลผู้นั้น อย่างน้อยการแต่งงานกับอาซานก็จะทำให้เจ้าใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ท่านป้าเสี่ยวชิงกับท่านลุงหงจิ้นจะเป็นผู้คอยดูแลเจ้าเอง แม่ขอให้เจ้าเดินทางอย่างปลอดภัย และมีความสุขกับการแต่งงานในครั้งนี้ อาซานเป็นคนดีจะต้องดูแลเจ้าได้อย่างแน่นอน"
หวังลี่จูเข้าไปพยุงบุตรสาวให้ลุกขึ้นยืน นางยืนซับน้ำตาโดยมีชินอ๋องกอดประคองไม่ได้ห่าง
"พ่อเขียนจดหมายกำชับไปกับท่านลุงหงจิ้นแล้ว หากเจ้ามีเรื่องคับข้องใจให้รีบบอกท่านลุงของเจ้าเสีย อย่าได้เก็บงำจนตัวเองต้องเจ็บปวดใจ จงจำเอาไว้ว่าเจ้าคือท่านหญิงแห่งวังชินอ๋อง มีสายเลือดของราชวงศ์หวง ผู้ใดก็มิอาจมาดูแคลนหรือทำให้เจ้าต้องรู้สึกไม่เป็นธรรมได้"
หวงซือเหวินเอ่ยเสียงเข้ม เขาพยายามที่จะกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา การต้องแยกจากบุตรีอันเป็นที่รักนั้นทำให้เขาเจ็บปวดใจเหลือเกิน
"หากมีคนในเมืองหลวงกล้ารังแกเจ้าก็รีบเขียนจดหมายมาหาพี่ พี่จะรีบลงไปจัดการให้เจ้าด้วยตัวเอง จำไว้นะเฟิ่งเอ๋อร์ว่าพวกเราทุกคนล้วนเป็นห่วงและรักเจ้า เจ้าคือแก้วตาดวงใจของแดนเหนือ ไม่ว่าใครก็มาทำให้เจ้าเสียใจไม่ได้ โดยเฉพาะเหวินซานนั่น ถ้าเขากล้าทำให้เฟิ่งเอ๋อร์ของพี่ต้องเสียน้ำตา พี่จะลงไปถลกหนังหัวเขาทันที"
'หวงจินหมิง' ซื่อจื่อผู้มีท่าทางห้าวหาญดุดันมิแพ้บิดา เขาเป็นนักรบที่เก่งกาจไม่แพ้ชินอ๋องเลย และตัวเขาเองยังรักน้องสาวมากที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยยอมให้คนที่มาทำร้ายน้องสาวได้รอดออกไปเป็นอันขาด ในวัยเด็กเขายังเคยคว้ากระบี่วิ่งไล่ฟันคนเพียงเพราะมาว่าน้องสาวเขาว่าอ้วน และคนผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นว่าที่เจ้าบ่าวของน้องสาวเขานั่นเอง
"เฟิ่งเอ๋อร์จะจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเพคะ การจากลาครั้งนี้เพียงแค่ลาเพื่อหลีกหนีภัยร้ายเท่านั้น ในภายภาคหน้าจะต้องได้พบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน เฟิ่งเอ๋อร์ขอลาทุกคนเพคะ"
หวงไป๋เฟิ่งโค้งศีรษะลงอีกครั้ง ก่อนที่นางจะเดินออกไปนั่งบนเกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามด้วยความเข้มแข็ง น้ำตาที่ไหลในครั้งนี้ได้เหือดแห้งลงแล้ว คงเหลือไว้แต่เพียงความคะนึงหาสุดหัวใจต่อบุคคลอันเป็นที่รัก...
เจ้าสาวในชุดมงคลสีแดงถูกประคองขึ้นเกี้ยวอย่างสมพระเกียรติ โดยมีซื่อจื่อแห่งวังชินอ๋องเป็นผู้พาเจ้าสาวขึ้นเกี้ยว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ขบวนเจ้าสาวจึงได้เคลื่อนออกจากวังชินอ๋องแห่งแดนเหนือเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงแคว้นหวง!
การเดินทางครั้งนี้ทั้งไกลและยาวนานยิ่งนัก จากแดนเหนือสู่เมืองหลวงระยะทางนับพันลี้ เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวออกจากประตูเมืองจึงถูกเปลี่ยนเป็นรถม้าเพื่อให้ง่ายต่อการเดินทาง ผู้คุ้มกันของขบวนเกี้ยวเจ้าสาวคือคนสนิทของชินอ๋อง เขาถูกส่งตัวเพื่อมาอารักขาท่านหญิงแห่งวังชินอ๋อง
'หย่งคัง' องครักษ์คนสนิทที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของหวงไป๋เฟิ่ง เขาคอยดูแลนางตั้งแต่วัยเยาว์จวบจนเติบใหญ่จนได้แต่งงาน เขาคือคนที่ภักดีกับนางด้วยชีวิตเป็นท่านอาหย่งคังที่รักนางเสมือนหลานสาวผู้หนึ่ง
"ท่านอาหย่งคัง อีกนานหรือไม่เจ้าคะกว่าจะถึงเมืองหลวง"
หวงไป๋เฟิ่งเปิดผ้าม่านรถม้าแล้วยื่นหน้าออกมาถามด้วยความสงสัย นับจากเดินทางออกมาจากแดนเหนือ นี่ก็เข้าสู่เดือนที่สองแล้วที่นางต้องทนนั่งรถม้าจนขบเมื่อยไปหมด รู้สึกไม่สบายตัวเสียเลย
"อีกสามวันจะเข้าสู่ประตูเมืองหลวงแล้วขอรับ หากท่านหญิงรู้สึกไม่สบายตัวจะขี่ม้าก็ได้นะขอรับ"
หย่งคังเอ่ยขึ้นอย่างใจดี เขารู้ดีว่าท่านหญิงของเขานั้นเป็นสตรีที่มิชอบอยู่ในที่คับแคบ นางชอบการได้โลดโผนอย่างอิสระมากกว่า
"ได้หรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าขอขี่ม้าเล่นจะดีกว่า อยู่แต่บนรถม้าเมื่อยไปหมดแล้ว"
"ทำเช่นนั้นจะไม่งามนะเจ้าคะท่านหญิง"
'ชุนหลัน' สาวใช้ข้างกายที่อายุมากกว่าท่านหญิง 3 ปีเอ่ยขัดขึ้น นางได้รับการอบรมอย่างเข้มงวดจากหัวหน้าสาวใช้ให้ดูแลท่านหญิงให้ดีที่สุด
"ผู้ใดสนกันเล่า อีกตั้งนานกว่าจะถึงเมืองหลวงขอข้าได้ทำอย่างที่ใจอยากทำก่อนเถิด หากเข้าสู่จวนตระกูลหลี่แล้วข้าจะเชื่อฟังชุนหลันทุกประการเลย"
ดวงหน้างามหันมายกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบกระโดดลงมาจากรถม้าที่จอดนิ่งสนิท แล้วเดินไปยังม้าตัวโปรดที่คนของหย่งคังจูงเข้ามา
"ท่านหญิงหลอกบ่าวอีกแล้วนะเจ้าคะ"
ชุนหลันทอดถอนใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้เอ่ยห้ามปรามอีก อย่างน้อยให้ท่านหญิงได้ยิ้มกว้างออกมาเช่นนี้จะดีที่สุด มิรู้ว่าในเมืองหลวงและจวนตระกูลหลี่จะยินดีต้อนรับท่านหญิงของนางมากเพียงใด ภายในใจลึก ๆ ของชุนหลันรู้สึกไม่สงบนัก ตาข้างขวาก็กระตุกถี่ยิบเหลือเกิน
"ข้าคือท่านหญิงย่อมไม่กล่าวคำปดอยู่แล้ว คิกคิก"
หวงไป๋เฟิ่งหันมายิ้มแป้นแล้วกระตุกบังเหียนม้าพุ่งทะยานไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็ว สายลมไหวพัดโบกสะพัดเส้นผมอันดำขลับให้ปลิวไปทางด้านหลัง ใบหน้างดงามเชิดหน้าขึ้นยิ้มรับสายลมแห่งความอิสระเสรีด้วยความพึงพอใจ นี่สิคือสิ่งที่นางโหยหาและต้องการมาตลอด... อิสระ!
ขบวนเจ้าสาวได้เคลื่อนเข้าสู่ในเมืองหลวงเมื่อเจ็ดวันก่อน หย่งคังได้พาทั้งหมดไปพักยังจวนชินอ๋องในเมืองหลวง โดยที่จวนชินอ๋องมีขันทีคนสนิทที่คอยดูแลจวนออกมารับรองทุกคนเป็นอย่างดี หลังจากหวงไป๋เฟิ่งพักผ่อนราวเจ็ดวัน นางก็ได้เข้าสู่พิธีมงคลสมรสกับเจ้าบ่าวที่จวนตระกูลหลี่อย่างยิ่งใหญ่ตระการตา
แม้ไม่มีบิดาและมารดา รวมถึงพี่ชายมาแสดงความยินดี ทว่าฮ่องเต้หวงลู่หลงได้ทรงส่งองค์รัชทายาทมาร่วมงานในพิธีมงคลนี้ด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าท่านหญิงหวงไป๋เฟิ่งมีพระองค์คอยหนุนหลัง
ห้องหอ
สตรีผู้งดงามในอาภรณ์สีแดงมงคลนั่งมองภาพสะท้อนในคันฉ่องด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด หัวใจของนางเต้นระรัวเมื่อคิดว่าอีกไม่กี่ชั่วยามข้างหน้านางจะกลายเป็นสตรีที่มีพันธะเสียแล้ว
"ท่านหญิงทรงกังวลหรือเจ้าคะ"
ชุนหลันเอ่ยถามขณะเดินไปรินน้ำชาและนำขนมที่แอบไว้ในแขนเสื้อมาให้ท่านหญิงทานรองท้อง
"ทั้งใช่และไม่ใช่ ข้ารู้ดีว่าคนในตระกูลหลี่จะต้อนรับข้าเป็นอย่างดี ทว่า... ข้าไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไรกับการแต่งงานครั้งนี้"
"ท่านหญิงกังวลเรื่องท่านแม่ทัพน้อยนั่นเอง บ่าวได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพน้อยรูปงามและเก่งกาจเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีคุณธรรมเป็นที่สุด ท่านหญิงแต่งกับเขาจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นหรือ... แต่ข้ากลับคิดว่ามันไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้นหรอกชุนหลัน เขาสูญเสียคนรักไปเมื่อสองปีก่อนก็ไม่เคยชายตามองสตรีอื่นหรือคิดจะแต่งงานเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเสด็จแม่เขียนจดหมายเอ่ยถึงคำสัญญาที่ท่านป้าเคยให้ไว้อย่างไม่จริงจังนัก เขากับข้าก็คงไม่ได้แต่งงานกัน"
"เรื่องนี้..." ชุนหลันเอ่ยคำใดไม่ออก
"ช่างเถอะ อะไรจะเกิดก็ให้เกิด ขอแค่เขาให้เกียรติข้าไม่ทำให้ข้าต้องเจ็บปวดใจแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องรักกันก็ได้ เพียงแค่..." ข้าอยากมีความรักที่มั่นคงเหมือนกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ก็เท่านั้นเอง
ประโยคหลังหวงไป๋เฟิ่งไม่ได้เอ่ยออกไป ภายในมือกำพัดที่นางเก็บรักษาไว้อย่างดีกว่า 10 ปีแน่น เขาจะจำได้หรือไม่ว่าเคยพูดสิ่งใดกับนางไว้บ้าง
หวงไป๋เฟิ่งครุ่นคิดอยู่ในใจของตนเอง ขณะนั้นเองบานประตูก็ได้ถูกเปิดออกมาพร้อมกับเงาร่างอันสูงใหญ่ของบุรุษเดินเข้ามาภายในห้องหอ เขาก้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเจ้าสาวที่ผ้าผืนบางสีแดงปิดคลุมหน้าเอาไว้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"คุณหนู บ่าวขอตัวก่อนนะเจ้าคะ"
ชุนหลันรีบค้อมกายแล้วเดินออกไปจากห้องหอทันที เวลานี้ถึงคราวที่คู่บ่าวสาวจะได้มีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันแล้ว ส่วนนางที่เป็นสาวใช้ก็ออกมายืนรออยู่ด้านนอก
"ท่านหญิงไป๋เฟิ่ง" น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกสตรีตรงหน้า กลิ่นสุราอบอวลไปทั่วร่างกายของเขาชวนให้รู้สึกมึนเมาไปด้วย
"ท่านแม่ทัพน้อยหลี่" นางเอ่ยตอบเสียงเบา
"ฟังดูเหินห่างมิน้อย ไม่ได้เจอกัน 10 กว่าปีท่านหญิงคงสบายดีใช่หรือไม่"
"ไม่อาจกล่าวว่าสบายดี แต่ก็ไม่ได้ทุกข์นักเจ้าค่ะ" หวงไป๋เฟิ่งเอ่ยตอบ
'หลี่เหวินซาน' แม่ทัพน้อยผู้กุมทหารกว่าหนึ่งแสนนายเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ เขาหยิบไม้คันชั่งขึ้นมาเปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาว ทันทีที่เขาได้เห็นใบหน้าของท่านหญิงหวงไป๋เฟิ่ง ลมหายใจของบุรุษพลันหยุดชะงักไปชั่วครู่ เขากะพริบตาปริบ ๆ เพื่อดูให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป เนื่องจากภาพตรงหน้าของเขาคือสตรีที่มีรูปโฉมงดงามจนสามารถกล่าวว่างามล่มเมืองได้
นางมีใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วเรียวยาวดั่งคันศรเรียงเส้นสวย ขนตาดำยาวงามงอนรับกับดวงตากลมโตที่ใสกระจ่างดั่งดวงดาราบนฟ้า จมูกโด่งเชิดขึ้นบ่งบอกว่านางเจ้าอารมณ์มิใช่น้อย ไล่ลงมาที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อดั่งผลผิงกั่วชวนให้ลำคอรู้สึกแห้งผาก กอปรกับผิวกายขาวเนียนละเอียดราวกับไข่มุกน้ำงาม ยิ่งนางใส่อาภรณ์สีแดงมงคลยิ่งขับเน้นผิวกายของนางให้ดูสว่างไสวจนดวงตาของเขาพร่ามัว
นี่น่ะหรือคือท่านหญิงน้อยที่ตัวอ้วนกลมดั่งซาลาเปาเดินได้เมื่อ 10 กว่าปีก่อน?
นางเปลี่ยนไปราวกับคนละคนจนเขาตั้งตัวแทบไม่ทัน ใจบุรุษพลันสั่นไหวขึ้นมาชั่วครู่ก่อนจะเลือนหายไปในทันทีี
นางงดงามมากเสียจนเขาทำตัวไม่ถูกเลย นี่ไม่ถูกต้อง!!
