บทที่ 2 ความใส่ใจเล็กน้อย
บทที่ 2
ความใส่ใจเล็กน้อย
คืนเข้าหอที่มีค่าดั่งทองพันชั่งนั้น กลับเป็นค่ำคืนที่ว่างเปล่าสำหรับคู่บ่าวสาวคู่นี้ พวกเขาทั้งสองเพียงทำพิธีให้ครบถ้วนทว่ามิได้ร่วมเสพสังวาสกันอย่างที่ควรจะเป็น หลังจากหวงไป๋เฟิ่งอาบน้ำเสร็จนางก็ปีนขึ้นไปนอนยังเตียงกว้างหลังใหญ่ โดยที่คราแรกนางหัวใจวุ่นวายสับสนเป็นอย่างมาก ภายในใจก็หวังเล็ก ๆ ว่าคืนนี้เขากับนางอาจจะได้เป็นสามีภรรยากันอย่างแท้จริงก็ได้...
แต่หลี่เหวินซานคือบุรุษที่รักษาคำพูดของตัวเองยิ่งชีพ เขาไม่เพียงแต่ไม่แตะต้องตัวนางแต่ยังเอาหมอนอิงมาขวางกั้นระหว่างพวกเขาเอาไว้ด้วย ส่วนตัวเองก็นอนหลับไปเลย โดยทิ้งให้หวงไป๋เฟิ่งนอนกระสับกระส่ายแต่เพียงผู้เดียว
"ช่างเป็นคนที่รักษาคำพูดจริง ๆ"
หวงไป๋เฟิ่งนอนพลิกตะแคงมองหน้าด้านข้างของหลี่เหวินซาน ใบหน้าคมเข้มสันกรามชัดเจน คิ้วกระบี่พาดเฉียงเหนือดวงตาที่หลับสนิทโดยที่นางนั้นจดจำดวงตาอันคมดุ ทว่ากลับแฝงความอ่อนโยนเอาไว้ได้อย่างชัดเจน ไล่สายตาลงมาที่จมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากหยักหนา เครื่องหน้าของเขาคมเข้มถอดแบบท่านลุงหลี่หงจิ้นมิมีผิดเพี้ยน ร่างกายหรือก็สูงใหญ่กำยำล่ำสัน แม้มีอาภรณ์ปิดทับเอาไว้แต่นางคาดเดาได้จากสายตาตนเอง
"เฮ้อ... ข้านี่หวังอะไรกันอยู่ล่ะเนี่ย"
หวงไป๋เฟิ่งสะบัดศีรษะไล่ความคิดอันเพ้อเจ้อของตัวเองออกไป นางนอนดิ้นไปมาอยู่ราวหนึ่งก้านธูปจนกระทั่งผล็อยหลับไปในที่สุด เสียงลมหายใจของหญิงสาวดังเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ บ่งบอกว่านางนั้นได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเสียแล้ว
เมื่อคนข้างกายหลับ คนที่คิดว่าหลับไปนานก็ได้ลืมตาตื่นขึ้น เขาหันไปมองสตรีที่พูดมากและไม่ระวังตัวเองด้วยความอ่อนใจ เด็กน้อยตัวอ้อนกลมในวันนั้นกลายเป็นฮูหยินข้างกายของเขาไปเสียแล้ว ทั้งนางยังเป็นโฉมสะคราญที่งดงามมากเสียด้วย
"น่าตีนัก!"
หลี่เหวินซานบ่นกับตัวเองเสียงเบา ภายในใจก็นึกไปถึงใบหน้าของสตรีที่ติดอยู่ในความทรงจำของเขามิรู้ลืม ก่อนที่เขาจะหลับไปอีกครั้งเช่นเดียวกับคนข้างกาย...
เช้าวันใหม่ในวันที่อากาศสดชื่นแจ่มใสในฤดูใบไม้ร่วง ร่างระหงของหวงไป๋เฟิ่งก็ได้ลืมตาตื่นขึ้น นางค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองห้องที่ว่างเปล่านี้ด้วยความรู้สึกน้อยใจ เขาไม่อยู่แล้ว...
"ฮูหยินน้อย บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ"
ชุนหลันที่ยืนอยู่หน้าห้องเอยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านใน
"เข้ามาเถอะ"
หลังจากเอ่ยคำอนุญาตชุนหลันก็เดินเข้ามาโดยด้านหลังมีสาวใช้กว่าสี่นางเดินเข้ามาด้วย พวกนางถืออ่างล้างหน้าและถืออาภรณ์ชุดใหม่เข้ามาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
"ฮูหยินใหญ่ส่งสาวใช้มารับใช้ฮูหยินน้อยเพิ่มเจ้าค่ะ ส่วนท่านแม่ทัพน้อยออกไปที่ลานฝึกยุทธ์ตั้งแต่เช้า บอกว่าจะกลับมาทานอาหารเช้าพร้อมกับฮูหยินน้อยแล้วค่อยไปคารวะน้ำชาที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ"
"งั้นหรือ"
หวงไป๋เฟิ่งพยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าแล้วอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ตอนนี้นางได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลี่แล้ว การไปทำความรู้จักกับทุกคนย่อมถือว่าถูกต้อง ท่านลุงกับท่านป้านั้นนางพอจดจำได้อย่างรางเลือน แต่คนที่เหลือนั้นคงจะเปลี่ยนไปมากแล้ว เหมือนกับสามีของนางที่เปลี่ยนไปจนนางแทบจำเขาไม่ได้ในครั้งแรกที่สบตา
หลี่เหวินซานกลับมาหาหวงไป๋เฟิ่งในช่วงสาย เขาได้อาบน้ำชำระล้างร่างกายมาแล้วที่ห้องด้านข้าง ทั้งสองนั่งทานอาหารเช้าร่วมกันเป็นครั้งแรก ท่าทีของเขาอ่อนลงให้กับหวงไป๋เฟิ่งกว่าเมื่อคืนไม่น้อย เขาทำราวกับนางเป็นน้องสาวที่เขาควรดูแลเอาใจใส่ให้สมกับความไว้วางใจของชินอ๋อง
"นี่เป็นอาหารที่ข้าให้พ่อครัวทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าจะถูกปากเจ้าหรือไม่"
หลี่เหวินซานตักอาหารใส่ถ้วยของหวงไป๋เฟิ่ง นางยิ้มรับแล้วลองทานตามคำของเขา ดวงตาคู่สวยเป็นประกายเพราะอาหารจานนี้มีรสชาติที่นางชอบทาน
"อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ ข้าชอบมาก ขอบคุณนะเจ้าคะ" นางคลี่ยิ้มหวานด้วยความดีใจ
หลี่เหวินซานเผลอจ้องริมฝีปากที่คลี่ยิ้มของนางไปชั่วครู่ "เอ่อ... ถ้าชอบก็ทานเยอะ ๆ"
"ท่านพี่ก็ทานเยอะ ๆ ด้วยสิเจ้าคะ"
เมื่อได้ทานของที่ชอบและอร่อยเช่นนี้ สีหน้าของหวงไป๋เฟิ่งพลันแจ่มใสขึ้นมาทันที นางเอาใจเขาเฉกเช่นที่เขาเอาใจใส่นาง นิ้วเรียวยาวคอยคีบอาหารใส่ในถ้วยของหลี่เหวินซานอย่างอารมณ์ดี
"พอได้แล้ว เจ้าก็ทานของเจ้าเถิด"
"เจ้าค่ะ"
หวงไป๋เฟิ่งคีบอาหารเข้าปากอย่างมีความสุข ต่อให้จะมีเรื่องทุกข์ใจแค่ไหน ขอแค่ได้ทานอาหารอร่อย ๆ ที่ชอบ นางก็สามารถลืมเลือนความทุกข์นั้นไปได้ ความสุขของนางนั้นเรียบง่ายนัก
ทั้งสองนั่งทานอาหารพลางพูดคุยไต่ถามเรื่องราวกันไปด้วย "ท่านพี่จำคำสัญญาที่ให้ไว้กับข้าได้หรือไม่เจ้าคะ"
"สัญญาอะไรหรือ" คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเป็นคำถาม เขาเคยสัญญาอะไรกับนางด้วยหรือ เหตุใดเขาถึงจำไม่ได้เลย
"จำไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ เป็นเพียงคำสัญญาของเด็กน้อย ข้าเองก็จดจำไม่ค่อยได้แล้ว"
หวงไป๋เฟิ่งเสทานอาหารต่อโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ส่วนหลี่เหวินซานก็ไม่ได้ซักถามนางต่อ เขานั่งทานอาหารต่อจนอิ่มแล้วจึงลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าหวงไป๋เฟิ่งก็อิ่มแล้วเช่นกัน
"วันนี้ต้องไปคารวะท่านพ่อกับท่านแม่ อาเฟิงกับเซียวเอ๋อร์ก็อยู่เดียว มีเพียงเพ่ยจูที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ นางแต่งงานออกเรือนไปที่แดนใต้ตั้งแต่ 3 ปีก่อนแล้ว อีกสองเดือนนางก็จะกลับมาเจ้าคงได้พบนางตอนนั้น"
"ท่านพี่เพ่ยจูแฝดผู้น้องของท่านพี่ใช่หรือไม่เจ้าคะ"
"ใช่แล้ว เรารีบไปกันเถอะปล่อยให้ผู้ใหญ่รอจะดูไม่ดี"
"เจ้าค่ะ"
หลี่เหวินซานเดินนำหวงไป๋เฟิ่งไปยังเรือนใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า เรือนของเขาคือเรือนเล็กที่อยู่ด้านข้างของจวน เมื่อ 5 ปีก่อนเขาได้รับพระราชทานรางวัลเป็นจวนของตัวเอง แต่เขายังไม่อยากออกไปอยู่คนเดียวจึงยังอยู่ที่เรือนตระกูลหลี่ โดยที่แยกเรือนออกมาต่างหาก มีบ่าวไพร่ที่ต้องดูแลเป็นของตัวเอง
ทั้งสองเดินมาที่ห้องโถงหลักของเรือนใหญ่ เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับผู้อาวุโสทั้งสองนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประมุข ด้านข้างเป็นบุรุษหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับหยกสลักกับสตรีนางน้อยที่กำลังอยู่ในช่วงวัยแรกแย้ม ทุกคนต่างหันมามองผู้มาใหม่ด้วยความสนใจ
"คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ"
"คารวะท่านลุงกับท่านป้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยหวงไป๋เฟิ่ง ท่านหญิงแห่งวังชินอ๋องในแดนเหนือเจ้าค่ะ"
"รีบลุกขึ้นเถิด ไม่ได้เจอกันนานท่านอ๋องกับพระชายาสบายดีหรือไม่"
'หลี่หงจิ้น' นายท่านตระกูลหลี่ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ปกป้องแว่นแคว้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนสองส่วน
"ท่านทั้งสองสบายดีเจ้าค่ะ เพียงแต่ยังต้องเฝ้าระวังด่านหน้าเพื่อมิให้คนจากแคว้นอู๋ลงมารุกรานได้เจ้าค่ะ ทั้งเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ยังฝากความคิดถึงมาให้ท่านลุงกับท่านป้าด้วยเจ้าค่ะ"
"ได้ยินเช่นนั้นก็ดี เจ้าเดินทางมาไกลคงลำบากมิใช่น้อยเลยใช่หรือไม่"
'มู่เสี่ยวชิง' ฮูหยินใหญ่ผู้เป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน แววตาของนางทอประกายเอ็นดูสะใภ้คนใหม่ยิ่งนัก
"ไม่ได้ลำบากอะไรเลยเจ้าค่ะ"
หวงไป๋เฟิ่งคลี่ยิ้มหวาน นางรู้สึกโล่งใจที่ท่านลุงกับท่านป้ายังคงเอ็นดูนางไม่เสื่อมคลาย เช่นนี้ชีวิตในจวนตระกูลหลี่ของนางก็จะสงบราบรื่น
"ดีแล้ว ต่อไปจะเรียกท่านลุงท่านป้าไม่ได้แล้วนะ เจ้าคือสะใภ้ของตระกูลหลี่เป็นครอบครัวเดียวกันก็ต้องเรียกท่านพ่อกับท่านแม่ เข้าใจหรือไม่เฟิ่งเอ๋อร์" มู่เสี่ยวชิงยิ้มบาง
"เจ้าค่ะ ท่านพ่อ ท่านแม่" หวงไป๋เฟิ่งเอ่ยขึ้นตามคำชี้แนะของผู้อาวุโส หัวใจของนางพลันรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก
"เอาล่ะ ๆ เดี๋ยวจะเลยฤกษ์มงคลไปพวกเจ้ารีบมายกน้ำชาเถิด" เป็นหลี่หงจิ้นที่เอ่ยขึ้น
"ขอรับ/เจ้าค่ะ"
หลี่เหวินซานกับหวงไป๋เฟิ่งรับถ้วยน้ำชาจากบ่าวรับใช้ ทั้งสองคุกเข่าอยู่ด้านหน้าของหลี่หงจิ้นและมู่เสี่ยวชิง ก่อนจะก้มศีรษะยื่นถ้วยน้ำชาเป็นการคารวะให้กับทั้งสองตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา
