พ่ายรัก 5 มีแฟนหรือยัง
“หนูกลับมาบ้านไม่เห็นจะทักบอกพี่เลย พี่จะได้ไปรับ” เสียงของสารถีจำเป็นค่ะ คุณแม่โทรเรียกมาโดยเฉพาะ
คุณแม่กับคุณย่านั่งเบาะหลัง ฉันนั่งเบาะหน้าเป็นเพื่อนพี่เขา
“ไม่อยากรบกวนเวลาของพี่ค่ะ” จะกล้าเรียกร้องเขาได้ยังไง เขาคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าฉันเข้าหน้าเขายากแค่ไหน
การทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราสองคนมันยากจริง ๆ
ภาพคืนนั้นที่เขาถาโถมเข้าใส่ตัวฉัน ทุกพื้นผิวที่เขาสัมผัสยังตราตรึงใจฉัน
สำหรับคนที่จดจำทุกอย่างต้องบอกเลยว่ามันยากมากจริง ๆ ที่พยายามทำเหมือนระหว่างเรายังเหมือนเดิม ทั้งที่ความจริงมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“เรียกว่ารบกวนได้ไง พี่ไม่เคยคิดว่าหนูรบกวนพี่”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็พอดีเลย จากนี้ก็กลับมาบ้าน มาอยู่เป็นเพื่อนน้องอยู่เป็นเพื่อนคุณย่า” คุณแม่ที่นั่งฟังอยู่เบาะหลังเอ่ย
“น้องโตแล้วนะครับแม่ ไม่ได้มีเรื่องอะไร แชมป์ไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา” เป็นการปฏิเสธที่เจ็บดี ปฏิเสธโดยที่คนพูดไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำลังพูดทำร้ายจิตใจฉันที่เป็นคนแอบรัก
“แล้วย่าล่ะ คิดจะมาเล่นเป็นเพื่อนย่าบ้างได้มั้ย” คุณย่าพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“ได้อยู่แล้วครับ ขอเพียงแค่คุณย่าต้องการผมต้องมาอยู่แล้ว วันนี้ผมก็มาใช่มั้ยครับ” เฮียแชมป์มองกระจกหลังแล้วยิ้ม จากนั้นก็หันมายิ้มให้ฉันแล้วพูดว่า “เหมือนพี่จะโดนรุมแล้วสิ”
“…” คำตอบของฉันคือรอยยิ้ม
“ว่าแต่ช่วงนี้ทำอะไรอยู่ แม่ได้ยินมาว่าไม่ไปดูแลตึกเลยเหรอ” เหมือนว่าคุณแม่จ้องจะหาโอกาสพูดอยู่แล้ว แล้วตอนนี้ก็เหมือนจะประจบเหมาะพอดีก็เลยตั้งคำถาม
คุณย่าเองก็รอฟัง ส่วนฉันนั่งนิ่ง นี่จะไปเสริมสวยจริงๆ หรือว่าตั้งใจเรียกพี่แชมป์มาปรับทัศนคติ
บรรยากาศภายในรถเริ่มอึมครึมแล้วสิ
“ช่วงนี้มีแข่งรถครับ ก็ยังยุ่งๆ อยู่”
“แข่งรถมันสำคัญกว่างานอย่างอื่นหรือไง โตแล้วนะ แยกแยะหน่อย ผิดพลาดครั้งเดียวใช่ว่าจะปล่อยให้ชีวิตเสียหลักตลอดไป ล้มแล้วก็รีบลุก”
ตายแล้ว คุณแม่น้ำผึ้งเข้าเรื่องแล้วสิ
“ก็สำคัญเท่าๆ กันหมดครับ แข่งรถก็ได้เงินนะแม่” พี่แชมป์ดูไม่สะทกสะท้าน หรือบางทีอาจจะทำเป็นเข้มแข็งเพื่อให้คุณแม่หยุดพูดเรื่องเมียเก่าเขา
“มันสนุกหรือเปล่าลูก” คุณย่าเปลี่ยนเรื่อง
ขอบคุณคุณย่ามากค่ะที่ทำให้บรรยากาศอึมครึมค่อย ๆ หายไป ถ้าคุณย่าไม่มาด้วยฉันไม่รู้เลยว่าบทสนทนาระหว่างคุณแม่กับพี่แชมป์จะไปจบที่ตรงไหน
“สนุกครับย่า ย่าสนใจลองไปกับผมมั้ยครับ”
“โอ๊ย ไม่เอาหรอก แสบหูแย่ ไม่ไหว ไม่ไหว แต่ว่าเอาแบบนี้สิ ให้ยายหนูช่อไปด้วย แล้วยายหนูค่อยมาเล่าให้ย่าฟังว่าเป็นยังไง ดีมั้ย”
“ดีเหมือนกันนะแม่เห็นด้วย” คุณแม่รีบตอบอย่างไว
รู้สึกเหมือนผู้ใหญ่ทั้งสองกำลังพยายามหาทางสร้างโอกาสให้ฉันได้อยู่ใกล้พี่แชมป์
ไหนตอนแรกบอกว่าอยากให้ฉันอยู่เล่นด้วยที่บ้าน ทำไมตอนนี้มาเสนอให้ฉันไปดูแข่งรถกับพี่เขาล่ะ
แล้วฉันที่ไม่กล้าจะขัดผู้ใหญ่ จะกล้าปฏิเสธได้ยังไง
“ทั้งสองสาวอย่าเห็นด้วยแบบนี้สิครับ มันเหมือนมัดมือชกน้องเลยนะ ต้องถามน้องก่อนด้วยว่าเห็นด้วยมั้ย บางทีน้องอาจจะไม่ชอบสถานที่เสียงดังแบบนั้นก็ได้นะครับ” พี่แชมป์เขาหันมายิ้มให้ฉัน เหมือนจะสื่อว่าถ้าไม่อยากไปก็ปฏิเสธได้นะ ไม่ต้องตามใจผู้ใหญ่ไปซะทุกเรื่อง
“พูดเกินไป แม่ก็ไม่ได้จะมัดมือชก แม่แค่คิดว่าไปก็ดีเหมือนกัน ช่อฟ้าแทบไม่เคยไปสถานที่แบบนั้นเลย ให้น้องไปลองเปิดหูเปิดตาดู จะได้มาเล่าให้แม่ฟังว่ามันดียังไง เราถึงได้ชอบเหลือเกิน” คุณแม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ฉันจึงหันไปยิ้มให้ท่าน เหมือนว่าเรื่องที่ให้พี่แชมป์พาฉันไปสนามแข่งรถด้วยจะทำให้คุณแม่อารมณ์ดีขึ้น
“ย่าก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันดียังไง แต่ถ้าให้ย่าไปเห็นด้วยตาตัวเองไม่น่าจะไหว เสียงดัง ๆ ของท่อรถย่าน่าจะหูดับความดันขึ้นก่อนรู้เรื่อง”
“สองสาวพูดมาแบบนี้แล้ว หนูมีความเห็นว่ายังไงครับ” พี่แชมป์หันมายิ้มให้ฉัน
“หนูอยากลองไปนะคะ แต่จะไปเกะกะพี่หรือเปล่า” คุณแม่กับคุณย่าเสนอมาแบบนี้ต่อให้ไม่อยากไปก็ต้องบอกว่าอยากไป
“เกะกะอะไร ยายหนูตัวเล็กนิดเดียวเอง ใช่มั้ยแชมป์” คุณย่ารีบพูด
“ครับ” พี่แชมป์ยิ้มแบบเหนื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปได้ ไม่เกะกะเลย เอาไว้พี่จะพาไปนะ”
“ค่ะ” ฉันยิ้ม ในใจเริ่มเกิดความกังวล
พี่แชมป์เขาไม่ใช่คนโง่ เขาจะรู้เจตนาของคุณแม่หรือเปล่านะ ถ้าเขาเอะใจขึ้นมาเขาอาจจะไม่พอใจ เพราะพี่แชมป์ที่ฉันรู้จักไม่ชอบให้ใครมาบงการชีวิต
พูดตามตรงฉันกลัวว่าเขาจะไม่เอ็นดูและใจดีกับฉันแบบในตอนนี้
ฉันกลัวมากว่าเขาจะเกลียดฉัน
ถ้าหากว่าเกลียดฉันขึ้นมา ฉันต้องรับมือยังไงล่ะ การที่เขาเกลียดฉันและใจร้ายกับฉันเป็นสิ่งที่ฉันกลัวที่สุด
